ไฟะเิจากะุเหมือนกับหมาป่าที่กำลังไล่ล่า มันไล่งับหลังส้นเท้าของเสิ่นิมาติดๆ กำแพงทะลุเป็รูเหมือนดอกไม้ ประกายไฟส่องสว่างให้ทางเดินอันมืดมิด เด็กชายซบเข้ากับหน้าอกของเสิ่นิแน่น เขามองไปยังฉากซึ่งเหมือนกับขุมนรก ที่เป้ากางเกงเริ่มเปียกชื้น
เสิ่นิไม่มีเวลามองย้อนกลับไป เขากำลังหนีตาย
“เ้าหนู! กลัวความสูงหรือเปล่า?” เสิ่นิถามเด็กน้อยในอ้อมแขน
“ไม่กลัว! แต่ผมกลัวตาย!” เด็กชายผิวสีมีทัศนคติที่ค่อนข้างดี
เสิ่นิยิ้มและดึงสลักของะเิมือออก ก่อนจะโยนมันออกไปราว 15 เมตร เสียงดังตูม ผนังด้านในสุดของทางเดินไหม้เกรียมและพังทลายลง เสิ่นิซึ่งถูกไล่ล่ามาด้วยปืนกลและบาซูกาพุ่งเข้าใส่กำแพงในขณะที่อุ้มเด็กน้อยอยู่ มันเหมือนกับการแทรกซึมเข้าไปในโฟมสบู่ อิฐกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากชั้น 6 ตกลงสู่พื้นดิน ณ ดาดฟ้าของตึกฝั่งตรงข้าม มือปืนคนหนึ่งพบร่องรอยของเสิ่นิผ่านอุปกรณ์ช่วยมองในตอนกลางคืน เขาขยับปากกระบอกปืนและเล็งไปที่พื้นที่ล่วงหน้า แต่ผ่านไปได้ 2 วินาที ก็ยังมีแต่เศษอิฐที่ตกลงมา ไม่มีแม้แต่เงาคน
และนั่นทำให้เขากวาดกระบอกปืนขึ้นตามฝาผนังตึก
และเมื่อเขาเห็นเสิ่นิอีก ชายหนุ่มกำลังขัดต่อแรงโน้มถ่วงของโลก ยืนอยู่บนฝาผนังตึกในขณะที่มือหนึ่งก็อุ้มเด็กอยู่ เขาพยุงตัวไว้ด้วยมือข้างเดียว
เสิ่นิเหนี่ยวไกก่อน แต่เขาไม่ได้ยิงคน เขากลับยิงไปที่คลังเก็บะุที่ชั้นล่าง
เสียงดังตูมตาม ปืนกลพร้อมด้วยมือปืนตกลงไปยังทะเลเพลิงด้านล่าง เสียงกรีดร้องดังขึ้นในขณะที่ตะเกียกตะกายหนี
เสิ่นิไม่รู้ว่าหมอนั่นจะตายหรือไม่ แต่ว่าเขารอดแล้ว
ในขณะที่ะโไปบนกำแพง เขาก็ยิงเชือกให้ตะขอเกี่ยวที่หลังคาไว้ สิ่งนี้ทำให้เขาลอยอยู่กลางอากาศได้ เด็กน้อยขอบคุณเขาด้วยการฉี่รดกางเกง เมื่อมองไปยังพื้นด้านล่างที่ความสูง 20 เมตร เขาก็ปัสสาวะจนหมดไต
จากกลางอากาศ เสิ่นิหย่อนตัวลงบนพื้นด้วยความเร็วราวกับใบไม้ร่วง ทันทีที่ตกถึงพื้น เขาก็เร่งฝีเท้าในทันที เขาเสียเวลาไป 5 วินาทีในการนำตัวเด็กไปใส่ไว้ในถังขยะโลหะ อย่างไรเสีย ในนั้นก็มียาห้ามเืและผ้าพันแผลอย่างง่ายๆ
“อย่าออกไปไหน ทำความสะอาดตัวเอง ตอนเช้าค่อยไปหาหมอ” เสิ่นิพูดจบก็หันตัวเดินจากไป
“พี่ชาย พี่ชื่ออะไร?” เด็กน้อยนอนพิงถังขยะพร้อมกล่าวขอบคุณ
“เรียกพี่ว่าเหลยเฟิงก็แล้วกัน!” เสิ่นิยิ้มและจากไปอย่างรวดเร็ว
ข่าวการพบตัวของเสิ่นิในเขตสลัมแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว มือปืนที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ต่างก็พากันออกมา พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็สามคน ห้าคนเพื่อแกะรอยของเสิ่นิพร้อมกับอาวุธหนักในมือ อาศัยข้อมูลที่รวบรวมได้จากเครื่องรับ-ส่งวิทยุเพื่อมุ่งไปยังเสิ่นิ
จากนั้นพวกเขาก็ได้ค้นพบว่า การได้เจอเขากับการได้สังหารเขานั้นเป็คนละเื่กัน เพราะทุกครั้งที่ได้พบเขา เขากลับล็อกเป้าคุณเอาไว้แล้ว เมื่อคุณกำลังจะเหนี่ยวไก เขาก็ยิงคุณและเล็งไปยังเป้าหมายถัดไปแล้ว
เสิ่นิคุ้นชินกับการทำร้ายโดยไม่สังหารแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าเป้าหมายยังมีชีวิตอยู่หลังถูกโจมตี แต่จะไม่สามารถตอบโต้ได้ เสิ่นิจู่โจมอย่างรุนแรง...สร้างความเ็ปให้แก่บริเวณสะบัก ข้อศอก เข่า และกระดูกเชิงกราน เมื่อะุทำให้กระดูกหักจะเกิดแรงกดทับ หากขยับตัวมาก กระดูกที่แตกร้าวก็จะทำให้เกิดความเ็ปเหมือนกับภายในฉีกขาด ด้วยวิธีนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่อยากทำอะไรอีก นอกจากนอนราบอยู่เฉยๆ
ไม่สังหาร นั่นหมายความว่าร่างกายของพวกเขาจะต้องเืตกยางออก สะอื้นไห้จากชะตากรรม
เสียงคร่ำครวญอย่างต่อเนื่องเหมือนกับการ BUFF ให้เพื่อนร่วมงานพลังตก ทำให้เพื่อนหวาดกลัวโดยไม่สมัครใจ
ทหารบาซูกาซ่อนตัวอยู่ในระยะไกล เขายังจะรอดจากพลปืนกลและพลไรเฟิลไปได้อีกหรือไม่? ไม่! ระยะยิงของผู้แทรกแซงในมือของเสิ่นินั้นคือ 2 กิโลเมตร ปล่อยให้ความคิดอับจนหนทางเช่นนั้นสลายกลายเป็ฟองสบู่ไปซะ
ในทางตรงกันข้าม เนื่องด้วยภัยคุกคามจากพวกมันอยู่ในระดับสูง เสิ่นิจำเป็ต้องแก้ไขปัญหาล่วงหน้า
“พวกแกมันกากเกินไปไหม? โล่มือ! ะเิควัน! ะเิแสงไฟ! ใช้มันซะสิ! ฉันไม่ได้บอกให้พวกแกออกเงินกันสักหน่อย!” ปีเตอร์ซึ่งอยู่ในศูนย์บัญชาการในอาคารใหญ่ เมื่อเห็นภาพสนามรบจากกล้องวงจรปิดบนถนนแล้ว เขาก็ตะเบ็งเสียงใส่วิทยุสื่อสารด้วยความฉุนเฉียว
นักเลงที่ไหวตัวทันเริ่มทำาแบบผสมผสาน เมื่อเสิ่นิบุกมาถึงสี่แยก ะเิควันหลายสิบลูกก็ถูกทิ้งลงมาในเวลาเดียวกันจากดาดฟ้าของอาคารที่อยู่โดยรอบ ควันจำนวนมหาศาลทำให้เสิ่นิตกอยู่ในแดนสรวง์ทันที
กลุ่มที่มีอุปกรณ์ป้องกันรีบออกมาจากร้านค้าทั้งสองแห่ง ถือโล่กันะุโปร่งใสเดินเข้าหาที่สี่แยก มือปืนติดตามกันเป็ขบวนร่วมร้อยคน ทั้งหมดสวมกล้องอินฟราเรดและโผล่มาจากทุกทิศทุกทาง
“ในที่สุดก็ค่อยเหมือนอยู่ในนิรวานหน่อย...” เสิ่นิแสยะยิ้ม เขายืนนิ่งอยู่ที่สี่แยก เพียงพริบตา เลเซอร์สีแดงหลายจุดก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายเขา เสิ่นิขว้างะเิฟอสฟอรัสสีขาวสี่ลูกในมือออกไป ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! เสียงดังขึ้นติดต่อกันสี่ครั้ง รอบกายของเสิ่นิกลายเป็ทะเลเพลิง การเผาไหม้ของฟอสฟอรัสสีขาวทำให้มือปืนที่สวมกล้องอินฟราเรดอยู่นั้นเห็นภาพความร้อนเป็สีขาวจ้า มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
พวกมันสุ่มยิงเปะปะ ะุไม่โดนเสิ่นิเลย ะเิควันกลายเป็อุปสรรคต่อเสิ่นิ ชายหนุ่มวางปืนลงและหยิบดาบออกมา เขาฝ่าออกมาจากวงล้อมด้วยความคล่องแคล่ว
“เกิดอะไรขึ้น? พูดอะไรสักอย่างสิ! ไอ้พวกปัญญาอ่อน! มีใครยังรอดชีวิตอยู่ไหม?” บนจอมอนิเตอร์ ปีเตอร์เห็นแค่หมอกหนา ไม่รู้ความเป็ความตายของเสิ่นิ เขาได้ยินแค่เพียงเสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ผ่านไป 5 นาทีเต็ม ในที่สุดปีเตอร์ก็ได้ยินเสียงตอบกลับจากเครื่องรับ-ส่งวิทยุซึ่งเงียบฉี่ “ไม่ต้องห่วงไป จะถึงคิวแกในไม่ช้า"
“แกไม่มีทางชนะได้ตลอดไปหรอก! แกเป็แค่เดนมนุษย์ตัวคนเดียว! แกต้องตาย!” ปีเตอร์คำรามเสียงด้วยความเกรี้ยวกราด
“ฉันตายแน่ แต่ไม่ใช่ด้วยน้ำมือแก ฉันเป็เดนมนุษย์ ฉันจึงรู้จักวิธีการกำจัดเดนมนุษย์ดี แตกฉานเสียเกินจะบรรยาย” เมื่อลมแรงพัดผ่านที่สี่แยก ในที่สุดควันซึ่งคงอยู่เป็เวลานานก็จางหายไป สิ่งที่เผยให้เห็นก็คือเหล่าทหารผู้ร้องโหยหวน ครึ่งหนึ่งถูกจัดการด้วยปืนลูกซองของพวกเขาเอง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเสิ่นิใช้มีดปักไปทีละด้าม
“ออกมาซะ! ฆ่ามัน! เงินรางวัลเพิ่มเป็หนึ่งล้าน! ขอแค่ฆ่ามัน! อย่าให้มันรอดไปได้!” ปีเตอร์ถูกความคลุ้มคลั่งเข้าสิง
เสียงะเิจากภายนอกทำให้ผู้คนเกิดภาพลวงตาว่าตัวเองอยู่ในสนามรบอิรัก ัดำและเซี่ยวอี๋ถูกขังอยู่ในห้องริมหน้าต่าง พวกเธอได้แต่มองดูไฟที่สว่างวาบอยู่ตามท้องถนนอันมืดมิดที่ด้านนอก
“ฝีมือของเสิ่นิเพียงคนเดียวหรือนี่?!” เซี่ยวอี๋กล่าวอย่างเหลือเชื่อ แม้เธอจะรู้ว่าเสิ่นิมีชั้นเชิงเหนือคนทั่วไป แต่ด้วยสถานการณ์ภายนอกที่เป็เช่นนี้ เรียกได้ว่าขั้นเทพแล้ว
“ท้าทายต่ออาณาจักรมาเฟียเพียงลำพัง...ลองทายดูสิ เขาทำเพื่อคุณ หรือทำเพื่อฉันกันแน่?” ความเ็ปของัดำยังไม่จางหายไป สีหน้าของเธอซีดเซียวเพราะเสียเืมาก
“ฉันอยู่กับเขามาไม่นาน แต่ก็มีเื่ให้ปวดหัวไม่หยุด เขาเหมือนกับตัวดึงดูดปัญหา หรือว่าโดนสาปแช่ง เขามักจะประสบกับอันตรายทุกรูปแบบอยู่เสมอ
แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเขาถอยแม้แต่เพียงครึ่งก้าว ดาราใหญ่ผู้หยิ่งยโสก็ดี คุณหนูผู้โเี้ก็ดี สาวไซด์ไลน์ซึ่งหารายได้จากเนื้อหนังมังสาก็ดี… เขาทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องพวกเธอ
ฉันคิดว่าเขาจะทำ ไม่ว่าเพื่อใครหน้าไหน เพียงเพราะเขาเป็บอดี้การ์ด
เขายึดถือหน้าที่ของบอดี้การ์ด เพื่อไม่ให้พ่อแม่ของเขาที่ตายไปต้องอับอาย เพื่อความเชื่อมั่นของตัวเอง” เซี่ยวอี๋อดกล่าวไม่ได้
“ดูเหมือนเธอจะเข้าใจเขาดีนะ ความจริงแล้ว การเข้าใจคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา คู่รักบางคู่อยู่ด้วยกันชั่วชีวิต แต่ก็ยังไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งชอบ แต่บางคู่กลับแค่มองตากัน ก็เหมือนร่วมชาติภพกันมาแล้วหลายชาติ” ัดำถอนหายใจเบาๆ “สิ่งที่ฉันรู้สึกต่อเสิ่นิมีดังนี้ เขาฉลาดและสงบนิ่ง เขารู้ทุกอย่าง แต่กลับไม่พูดอะไรเลย
คำพูดธรรมดาๆ ไม่มีอะไรแปลกประหลาดของเขา ทำให้ผู้คนอารมณ์เสียได้เสมอ...
ถ้าฉันได้พบเขาเร็วกว่านี้สักหน่อย บางที...ฉันอาจจะไม่ได้กลายเป็อย่างทุกวันนี้”
“โชคชะตาที่เลือกได้คงไม่ใช่โชคชะตา อดีตของเสิ่นิก็เป็ดั่งฝันร้ายของเขาเช่นกัน แต่เขาได้เดินจากมันมาแล้ว” เซี่ยวอี๋ปลอบใจัดำ
“แม่สาวโง่ คนอย่างเสิ่นิน่ะไม่มีทางเผยสิ่งสำคัญออกมาให้เห็น เขาชินกับการปิดซ่อนจุดอ่อนของตัวเอง ใช่ว่าเขาจะโกหกเก่ง แต่เขาอาศัยวิธีนี้ในการป้องกันตัวเอง
ฉันน่าจะมีเวลาอยู่กับเขาอีกไม่นานเท่าไร ความลับของเขา และฝันร้ายของเขายังรอให้คุณได้ค้นพบมัน” ัดำราวกับอธิบายว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นในอนาคต
ห่างจากสำนักงานใหญ่ของตระกูลไมค์ไปเพียงหนึ่ง่ตึก เสิ่นิพบศึกอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทหาร 4 นายสวมชุดเกราะอเมริกันเต็มยศ อย่างกับไอรอนแมนรุ่นแรก พวกเขาแบกปืนกลยิงตาข่ายพลังงานไว้ด้วย
เสิ่นิย่อตัวลงนอนราบกับพื้น มองดูผนังคอนกรีตที่อยู่เหนือศีรษะที่ถูกทำให้บางลงหรือเจาะด้วยลูกะุ เขาเกือบจะถูกฝังอยู่ในเศษตะกรัน ไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมายิงเลยแม้สักนัด
ะุของเขาใกล้จะหมดแล้ว ะเิก็เหลือเพียงแค่ะเิควันลูกสุดท้าย หากะุหมดก็คงต้องตาย แม้จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่สถานการณ์ของเขาก็น่าจะประมาณนี้
“เสิ่นิ คุณคิดว่าโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาหรือไม่?” จู่ๆ เมาส์ก็กล่าวขึ้นมาอย่างสุดบรรยาย
“ผมไม่เชื่อเื่พรรค์นั้น คุณก็รู้” เสิ่นิไม่สะดวกตอบท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง
“แต่ก่อนผมก็ไม่เชื่อ แต่หลังจากที่คุณลดปืนที่ควรจะฆ่าผมลง ผมก็เริ่มเชื่อเื่แบบนี้ ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาที่คุณไม่ปล่อยให้ผมตาย การที่ผมรอดมาเป็เพราะมีเื่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องทำ” เมาส์ยืนกรานในความเชื่อ
“จริงหรือ?” เสิ่นิไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เขากำลังรอ รอคอยโอกาส
“จริง ผมเชื่อ ที่จริงคุณเป็คนที่ดวงดีมาก ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่นิรวานจะได้มาถึงนิพพานเช่นนี้เลย คุณมีโอกาสแค่หนึ่งในสิบเท่านั้น ที่คุณทำได้แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังจับพลัดจับผลูได้ผมมาเป็ผู้ช่วยอันยอดเยี่ยมขนาดนี้อีก...” เมาส์ทำให้ประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า
“อย่าเพิ่งพูดจาหน้าไม่อายตอนนี้ได้ไหม?” เสิ่นิพ่นเศษหินออกมา
“และตอนนี้ นายดวงดีมาก มีคนมาช่วยนายแล้ว...” ดูเหมือนว่าเมาส์จะเสียใจอยู่บ้าง แต่เสิ่นิกลับประหลาดใจ เพราะจากพื้นดินที่เขายืนอยู่นั้นได้ยินแต่เสียงปืนกลดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ได้ยินจนกระทั่งเสียงตีนตะขาบที่กำลังหมุนอยู่
“รถถังหุ้มเกราะ?”