หลงอวี่จ้องไปทางฉินหย่งอย่างโกรธจัด และพูดอย่างดุดัน “นี่คือแม่ทัพกองพันแห่งแคว้นอู่ของข้าหรือ? กลั่นแกล้งผู้หญิง และยังเป็น้องสาวของตนเองด้วย?”
ความโกรธของหลงอวี่ไม่ใช่การเสแสร้ง และไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้เพราะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของฉินอวี่
นางได้พบกับฉินเสวี่ยอยู่หลายครั้ง และรู้จักตัวตนและสถานะของฉินเสวี่ยในตระกูลฉินเป็อย่างดี แต่ในฐานะที่เป็ผู้หญิงเหมือนกัน และเห็นผู้หญิงที่บอบบางอย่างฉินเสวี่ย ไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้นนางก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างฉินเสวี่ยแน่นอน และเมื่อเห็นฉินหย่งยกตัวฉินเสวี่ยขึ้นเหมือนลูกไก่เช่นนี้ หลงอวี่ก็ไม่อาจจะระงับความโกรธที่เกิดขึ้นภายในใจได้อีกต่อไป
เมื่อฉินหย่งหันไปเห็นหลงอวี่ เขาก็ตกตะลึงเล็กน้อย และเมื่อฉินเฟิงที่กำลังมีสีหน้ามีความสุขอยู่ด้านหลังเขาได้เห็นฉินอวี่ที่อยู่ด้านข้าง ใบหน้าที่บวมเป่งนั้นก็ดุร้ายขึ้นมาทันที ดูน่าเกลียดราวกับไปกินอึมาอย่างไรอย่างนั้น
“องค์หญิงสิบสาม? นี่คือเื่ภายในของตระกูลฉิน โปรดอย่าได้เข้ามายุ่งเลย” ฉินหย่งไม่ใช่คนโง่เง่า เขาสามารถไต่จากตำแหน่งทหารเล็กๆ ขึ้นมาเป็แม่ทัพกองพันได้ ก็เห็นได้ชัดว่าเขามีความสามารถที่โดดเด่นเพียงใด จึงแน่นอนว่าเขาไม่มีทางสนใจคำขู่ของหลงอวี่
“เื่ภายในตระกูลหรือ? อยู่ภายใต้อาณัติของโอรส์ยังกล้ารังแกคนอ่อนแอกว่า ตระกูลฉินของเ้าเห็นแก่อาญาแผ่นดินอยู่อีกหรือไม่? หรือจะให้ข้าต้องถวายรายงานเสด็จพ่อว่าตระกูลฉินไม่เห็นอาญาแผ่นดินอยู่ในสายตาแล้ว? ข้าว่าหลายปีมานี้ตระกูลฉินของเ้าคงจะสุขสบายเกินไป คิดว่าทั้งใต้หล้าคือตระกูลฉินเสียแล้ว” หลงอวี่พูดไปอย่างเฉียบคมและหนักแน่น ทำให้เสียงความวุ่นวายของตลาดต่างเงียบสนิท สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาทางหลงอวี่
สีหน้าฉินหย่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานึกไม่ถึงว่าหลงอวี่จะยกอาญาแผ่นดินขึ้นมา จนรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้คนรอบตัวเขา สีหน้าของฉินหย่งก็เริ่มมีความหงุดหงิด เื่นี้หากมีข้อผิดพลาด ย่อมไม่ดีต่อตระกูลฉินเป็แน่
ในตอนนี้ จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งวางลงบนมือของฉินหย่งที่กำลังบีบคอฉินเสวี่ย ฉินหย่งที่กำลังครุ่นคิดอยู่ก็หันศีรษะมาอย่างรวดเร็ว แต่กลับมองเห็นรัศมีกระบี่สายหนึ่งกำลังส่องแสงวาบเข้ามา และในเสี้ยววินาทีนั้นก็เข้าปกคลุมทั้งร่างของเขาทันที
ฉินหย่งใ ความดุร้ายเริ่มพลุ่งพล่านขึ้นทั่วร่างกาย แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
“ปัง!” เสียงเหล็กสีทองตัดผ่านกันะเิขึ้นอย่างกะทันหัน ห่อหุ้มสายรัดข้อมือของฉินหย่งจนแตกออก เกิดความเ็ปลึกๆ จากมือขวาของเขา
แขนของเขาแยกออกจากส่วนข้อศอกกลายเป็สองส่วน เืพุ่งออกมาทันที ฉินเสวี่ยที่ถูกยกขึ้นก็ตกลงสู่พื้นเช่นกัน ใบหน้าขาวของนางจ้องตรงไปยังแขนครึ่งหนึ่งที่อยู่ตรงหน้านาง
“อ๊ะ!” ฉินหยงกรีดร้องด้วยใบหน้าที่น่าสยดสยองและหมัดซ้ายของเขากระแทกเข้ากับคนที่มา
“ฉึก!” เสียงกระดูกถูกตัดขาดดังขึ้น
รัศมีกระบี่ส่องประกายขึ้นมาอีกครั้ง ตัดแขนซ้ายของฉินหย่งทันที ทำให้หมัดที่กำแน่นพร้อมข้อมือครึ่งหนึ่งก็ตกลงสู่พื้น
และคนที่ลงมือก็คือฉินอวี่
ฉินอวี่จ้องไปยังฉินหย่งด้วยใบหน้าที่เ็า และพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่อาจทนเห็นการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าได้ โดยเฉพาะการรังแกผู้หญิง นี่คือบทเรียนที่ข้ามอบให้ ครั้งต่อไป ข้าจะทำลายเส้นลมปราณของเ้า จนเ้าต้องกลายเป็คนพิการไร้ค่า!” ฉินอวี่พูดจบ สายตาก็จ้องมองไปทางฉินเสวี่ยอย่างไม่ตั้งใจ แต่ไม่นานก็รีบละสายตากลับมา
เขารู้สึกเ็ปในหัวใจ ในใจของเขา้าจะเข้าไปอุ้มฉินเสวี่ยขึ้นมา และดูแลเป็อย่างดี แต่เขาทำไม่ได้ เขาไม่สามารถแสดงความห่วงใยต่อฉินเสวี่ยให้มากเกินไปได้ในขณะนี้ มิเช่นนั้น อาจทำให้ฉินเสวี่ยต้องตกอยู่ในอันตรายมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่ระดับการฝึกตนของเขาจะก้าวหน้าสูงขึ้น ฉินอวี่จึงทำได้เพียงอดทน!
“ฆ่าเขาเดี๋ยวนี้!” เมื่อถูกตัดแขนทั้งสองข้างต่อเนื่องกัน ทำให้ฉินหย่งโกรธจนะโออกมาอย่างดุร้าย และทหารอีกสิบกว่านายที่อยู่ข้างหลังของเขา ต่างเผยความเคียดแค้นออกมาในเวลาเดียวกัน
“มีใครกล้าลงมืออีก!” หลงอวี่ส่งเสียงขึ้นมาเบาๆ นางหยิบป้ายคำสั่งสีม่วงชิ้นหนึ่งออกมาไว้ในมือ บนป้ายคำสั่งมีรูปัห้าเล็บตัวหนึ่ง ด้านหลังมีอักษรเขียนตัวเลขสิบสาม
เมื่อทหารหลายสิบคนได้เห็นสิ่งนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะเดียวกันก็รีบคุกเข่าลงทันที “คารวะองค์หญิงสิบสาม!”
แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินหย่งจะเคยเอ่ยนามขององค์หญิงสิบสามออกมาแล้ว จนทำให้เหล่าทหารต้องมึนงงมาแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนี้ เมื่อหลงอวี่นำป้ายคำสั่งขององค์หญิงออกมา ทหารเหล่านี้จะกล้าอยู่เฉยได้อย่างไร?
ฉินหย่งจ้องไปทางฉินอวี่ด้วยใบหน้าที่โเี้ ราวกับจะกลืนกินเขาเข้าไป ขณะที่ฉินอวี่ก็มองฉินหย่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน พลางเล่นกระบี่ไม้ที่อยู่ในมือ และพูดขึ้นว่า “หาก้าแก้แค้น ก็ให้มาพบข้าได้ที่ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง อีกอย่าง ข้าขอเตือน อย่าทำชั่วเช่นนี้อีก” ฉินอวี่เหลือบมองฉินเฟิงที่กำลังหน้าซีดด้วยความกลัว จากนั้นก็หันกลับออกไป
หลงอวี่ชำเลืองมองฉินอวี่ที่กำลังจากออกไป จากนั้นก็หันไปมองฉินเสวี่ยที่กำลังหวาดกลัว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงคุกเข่าลงและพูดเบาๆ “เ้าคือฉินเสวี่ยสินะ เ้าไม่ต้องกลัว และอย่าได้กังวล มีพี่สาวอยู่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเ้าแน่นอน”
เมื่อฉินอวี่ที่เดินออกไปได้ไม่ไกลได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ก้าวช้าลง และรู้สึกประทับใจกับหลงอวี่อย่างยิ่ง
“อ๊ะๆ! ยังไม่พาข้ากลับจวนอีก!” ฉินหย่งะโขึ้นฟ้า มือทั้งสองที่ถูกฟัน ส่งความเ็ปในใจทำให้เขาแทบเป็หมดสติ ถ้าไม่ใช่เพราะกำลังที่แข็งแกร่งของเขา ตอนนี้คงหมดสติไปนานแล้ว
ฉินอวี่รีบไปที่ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง การทำให้ฉินหย่งและตระกูลชุยต้องเสียหน้า ด้วยระดับการฝึกฝนของเขาในตอนนี้ ฉินอวี่จึงไม่อาจผลีผลามได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะใช้ยันต์กระบี่สังหารฉินหย่งไปแล้ว
เมื่อเข้าไปในร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง ฉินอวี่ก็ตรงไปยังด้านหน้าผู้าุโที่พาเขาไปพบจื่อซวินเอ๋อในครั้งก่อน และพูดว่า “พาข้าไปพบจื่อซวินเอ๋อ”
ผู้าุโเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และเมื่อเห็นฉินอวี่ เขาก็รีบกล่าวอย่างสุภาพว่า “ผู้าุโ เชิญทางนี้”
ยังคงเป็ห้องนั้น ที่อยู่ชั้นบนของหอแห่งนี้ เมื่อฉินอวี่ผลักประตูเข้าไป จื่อซวินเอ๋อกำลังถือตำราหนังสัตว์อยู่เล่มหนึ่งเหมือนกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง เมื่อนางสังเกตเห็นว่าประตูถูกเปิดออก นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อนางเห็นฉินอวี่ คิ้วของนางจึงคลายออก พลางพูดอย่างเรียบเฉย “เ้ามาแล้วหรือ”
ฉินอวี่ใ น้ำเสียงของจื่อซวินเอ๋อทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ราวกับภรรยาคนหนึ่งที่กำลังรอสามีของนางกลับบ้าน
มุมปากของจื่อซวินเอ๋อเกิดรอยยิ้มเล็กน้อย เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ราวกับนางรับรู้ความคิดของฉินอวี่
ฉินอวี่ส่งสายตามองหนังสัตว์ที่จื่อซวินเอ๋อกำลังวางลง และพูดอย่างเรียบง่าย “สหายจื่อ ข้ามาที่นี่เพื่อรบกวนเ้าอย่างหนึ่ง”
“โอ้? เกิดอะไรขึ้น?” จื่อซวินเอ๋อมองไปที่ฉินอวี่ด้วยความสนใจ เมื่อนางสังเกตเห็นระดับการฝึกฝนของฉินอวี่ จื่อซวินเอ๋อก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ขั้นยุทธ์ระดับสาม
เพิ่งผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือน ระดับการฝึกฝนได้ก้าวข้ามจากระดับแรกของขั้นยุทธ์ไปสู่ระดับสามของขั้นยุทธ์แล้วหรือ? หรืออาจเป็ผลของวัตถุดิบยาเ่าั้ในครั้งที่แล้ว?
“ข้าตัดมือทั้งสองข้างของฉินหย่งไปแล้ว” ฉินอวี่นั่งลงช้าๆ และพูดอย่างใจเย็น เขาเชื่อว่าจื่อซวินเอ๋อสามารถคาดเดาความตั้งใจของเขาได้
“ฉินหย่งบุตรชายคนโตของตระกูลฉิน? แม่ทัพกองพันแห่งตระกูลฉิน? หลานชายของชุยหงแม่ทัพใหญ่ตระกูลชุยนะหรือ?” จื่อซวินเอ๋อพูดอย่างประหลาดใจ ครั้งก่อนนางแอบสืบเื่ของฉินเฟิงเพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับฉินอวี่ ดังนั้นนางจึงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลฉิน
ฉินอวี่พยักหน้าเล็กน้อย
“ด้วยระดับการฝึกฝนของสหายเฉินในตอนนี้ การไปยั่วยุตระกูลชุยและตระกูลฉินเป็เื่ที่ไม่ฉลาดเท่าใดนัก” จื่อซวินเอ๋อที่มีสีหน้าเยือกเย็นได้เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ออกมา จากนั้นวางมือลงบนโต๊ะ เคาะนิ้วลงบนโต๊ะ และส่งสายตามองตรงไปที่ฉินอวี่
“นั่นคือใบปรุงยาของยาเม็ดหลอมแก่นระดับสี่สินะ” ฉินอวี่ถามขึ้นมาลอยๆ ขณะที่สายตาของเขาหยุดลงยังหนังสัตว์ที่อยู่ตรงหน้าจื่อซวินเอ๋อ
จื่อซวินเอ๋อรู้สึกใเล็กน้อย เหลือบมองไปที่หนังสัตว์ จากนั้นมองไปที่ฉินอวี่ และพูดขึ้น “สหายเฉินทำให้ซวินเอ๋อยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นทุกวัน”
ฉินอวี่รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“สหายเฉิน เ้าคิดอย่างไรกับใบปรุงยานี้?” จื่อซวินเอ๋อเลื่อนแผ่นหนังสัตว์ตรงหน้าไปทางฉินอวี่ และพูดด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
“ยังขาดตัวยาหลักหลายตัว” ฉินอวี่ตอบโดยไม่หันไปมองใบปรุงยา
“เอาล่ะ ไม่อ้อมค้อมแล้วกัน สหายเฉินช่วยข้าทำใบปรุงยานี้ให้สมบูรณ์ตามสูตรเถอะ เื่ตระกูลชุยกับตระกูลฉินยกให้เป็เื่ของข้า เป็อย่างไร?” จื่อซินเอ๋อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม หากยังแสร้งพูดอ้อมค้อมต่อไป ก็อาจทำให้เขาเอือมระอา สู้พูดออกไปตรงๆ เสียดีกว่า
“ได้ แต่เ้าต้องตอบรับเงื่อนไขข้าเื่หนึ่ง” ฉินอวี่กล่าวอย่างใจเย็น ราคาใบปรุงยาของเม็ดยาชุบแก่นมีราคาที่สูงมาก จะเทียบกับตระกูลฉินและตระกูลชุยได้หรือ? หากหยิบมันออกไป เกรงว่าต้องมีคนพร้อมทำลายตระกูลฉินและตระกูลชุยเพื่อเม็ดยาชนิดนี้แน่นอน
“เงื่อนไขอะไร?” จื่อซวินเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกไป
“ในระยะเวลาครึ่งปี ช่วยข้าปกป้องคนคนหนึ่ง ข้า้าให้นางปลอดภัย” ฉินอวี่กล่าว
“ใคร?” จื่อซวินเอ๋อประหลาดใจ
“ฉินเสวี่ย” ฉินอวี่กล่าว
“ฉินเสวี่ย? ฉินเสวี่ยลูกสาวคนที่สี่ของตระกูลฉิน?” จื่อซวินเอ๋อพูดจบ ก็จ้องไปที่ฉินอวี่ด้วยดวงตาที่แหลมคม ดวงตาของเขาเป็ประกาย และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็พูดขึ้นช้าๆ “สหายเฉินตัดแขนทั้งสองข้างของลูกชายคนโตตระกูลฉินไป และยังเกลียดชังลูกคนรองของตระกูลฉิน ข้าก็คิดว่าเ้าจะต้องเกลียดชังตระกูลฉิน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า... สหายเฉิน เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ไม่ทราบว่าซวินเอ๋อจะเรียกเ้าว่าสหายฉินได้หรือไม่?”