หลี่ิลู่เข้าไปในท้องพระโรงเพื่อกราบทูลฮ่องเต้
อวี้ฉู่จาวกับหลินหร่านจึงยืนอยู่หน้าประตูของท้องพระโรงเซวียนเจิ้ง เตรียมรอเข้าเฝ้า
เมื่อครู่ที่หลินหร่านได้ยิน เขารู้สึกว่าในตอนนี้ท่านอ๋องของเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไร พอเขาลองเงยหน้าพลางชำเลืองมอง จึงได้เห็นว่าตอนนี้ท่านอ๋องกำลังมีสีหน้าและอารมณ์เช่นไรอยู่
ไม่นาน อวี้ฉู่จาวจึงก้มหน้าลงมาสบตาหลินหร่าน
หลังจากหลินหร่านได้พิจารณาสีหน้าของท่านอ๋องอย่างถี่ถ้วนแล้วถึงยื่นมือไปกุม แล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
อวี้ฉู่จาวค่อยๆ บีบมือของหลินหร่านแ่เบา นี่ทำให้หลินหร่านมั่นใจ
ท่านอ๋องของเขามีแผนการอยู่แน่นอน
หลังจากนั้น
“เชิญจ้านหวังเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากรอให้หลี่ิลู่ออกมาบอก อวี้ฉู่จาวจึงพาหลินหร่านเดินเข้าประตูท้องพระโรง
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” อวี้ฉู่จาวโค้งคำนับครึ่งตัวทำความเคารพ หลินหร่านที่อยู่ด้านหลังก็ทำความเคารพพร้อมกัน
ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยพระสรวลและท่าทีแสนใจดี “จาวเอ๋อร์กับพระชายามาที่นี่มีธุระอันใดหรือ พระชายาเป็อย่างไรบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
อวี้ฉู่จาวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้เอ่ยตอบถึงอาการของหลินหร่าน “ลูกจะพาพระชายากลับตำหนัก จึงมากราบทูลลาเสด็จพ่อ”
“แค่ก แค่ก…” เวลานี้เอง หลินหร่านพลันส่งเสียงไอออกมาได้อย่างพอดิบพอดี
จากนั้นอวี้ฉู่จาวก็ก้มหน้า ลอบมองไปทางด้านหลัง
แววตาของหลินหร่านที่แสดงออกมานั้นเต็มไปด้วยความสับสน แต่เขาก็รีบกล่าวต่อด้วยความตระหนก “เสด็จพ่อ โปรดประทานอภัยที่ลูกแสดงท่าทีอันไม่เหมาะสมต่อหน้าพระองค์เช่นนี้ด้วย”
หากอวี้ฉู่จาวไม่รู้มาก่อนว่าท่าทีตื่นตระหนกจริงๆ ของหลินหร่านเป็เช่นไร อวี้ฉู่จาวคงถูกท่าทีเช่นนี้ของอวิ๋นซีหลอกเป็แน่
ทว่า อวี้ฉู่จาวก็ยังแสร้งแสดงท่าทีเป็ห่วง เขาถอยลงไปหนึ่งก้าวพร้อมโอบไหล่ของหลินหร่าน
ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยอะไร แต่แน่นอนว่าเสด็จพ่อต้องมองออกถึงความรู้สึกไม่สบายใจของเขา
ฮ่องเต้ฉงเต๋อขมวดคิ้วพลางตรัสขึ้น “ยังร่างกายไม่แข็งแรง เหตุใดจึงรีบออกจากวังหลวงนักล่ะ”
“ผู้ที่จงใจจะทำร้ายพระชายายังไม่ถูกจับกุม ไม่ว่าพระชายาจะอยู่ที่ใด ลูกก็มิอาจวางใจได้”
อวี้ฉู่จาวไม่ได้้าจะใช้อุบายกับฮ่องเต้ฉงเต๋อเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่เอ่ยออกไปตามตรง เกรงว่าฮ่องเต้ฉงเต๋อก็คงไม่ตรัสถามออกมา
“นี่…” ฮ่องเต้ฉงเต๋อขมวดคิ้วด้วยความลังเล
แน่นอนว่าพระองค์เข้าใจความหมายของอวี้ฉู่จาวดี
“แค่กๆ แค่กๆ ” แล้วหลินหร่านก็ไอขึ้นมาอีกครั้ง ฟังดูแล้วอาการค่อนข้างหนักอยู่พอควร
ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของฮ่องเต้ฉงเต๋ออีกครา
เมื่อเห็นท่าทีใส่ใจที่อวี้ฉู่จาวมีต่อพระชายาแล้ว พระองค์จึงรับรู้ได้ทันทีว่าพระโอรสต้องไม่พอพระทัยยิ่งนัก และค่อนข้างคิดมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
ฮ่องเต้ฉงเต๋อให้ความสำคัญกับการตรวจสอบและการตัดสินความผิดมาโดยตลอด ณ เวลานี้ คนผู้นี้เป็ถึงพระชายาของพระโอรสของพระองค์ เป็ถึงแม่ทัพใหญ่ ทั้งยังเป็จอมทัพแห่งกองกำลังทหารม้า
บัดนี้ โอรสกำลังแบกรับความรู้สึกอันแสนน้อยเนื้อต่ำใจอยู่
พอเื่ราวกลับกลายมาเป็เช่นนี้ ฮ่องเต้ฉงเต๋อจึงยิ่งรู้สึกผิด
การที่พระองค์ส่งต่อเื่นี้ให้ฮองเฮาเป็ผู้จัดการนับเป็เื่ที่ผิดมหันต์
ทว่า หากมาคิดดูให้ละเอียดถี่ถ้วน ตามสถานการณ์นั้นแล้ว พระองค์ก็มิควรตัดสินปะาผู้ใดโดยไร้เหตุผล
อีกทั้งพระองค์ไม่คิดว่า เมื่อมอบเื่นี้ให้ฮองเฮาจัดการแล้ว ผลจะออกมาเป็เพียงแค่เื่เข้าใจผิด แม่นางหลินผู้นั้นกลับไร้ซึ่งความผิด กลายเป็ผู้บริสุทธิ์
แน่นอนว่าการตัดสินเช่นนั้นทำให้เทพเ้าแห่งาแห่งต้าอวี้ไม่พอใจเป็อย่างสูง
ฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงรู้ดีว่าในใจของอวี้ฉู่จาวยังคงกังวลเกี่ยวกับเื่นี้ ดังนั้น พระองค์จึงคิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ก่อนตรัสขึ้น “จาวเอ๋อร์อา เื่นี้มีหลักฐานไม่มากพอ พ่อก็ไม่อาจที่จะตัดสินเอาชีวิตผู้ใดได้โดยง่ายเพียงนั้น”
การสอบสวนของฮองเฮามีเหตุผลไม่ค่อยสอดคล้องกันนัก ฮ่องเต้จึงทำได้เพียงเอ่ยปลอบ
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ” อวี้ฉู่จาวเอ่ยเสียงแข็ง
“อืม” ฮ่องเต้ฉงเต๋อแสดงความพึงพอใจเล็กน้อย
ท่าทีที่เ็าของพระโอรสถูกฝึกฝนมาเพื่อใช้ในสนามรบ ซึ่งเป็ท่าทีที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความหงุดหงิดในใจได้ไม่น้อย
“อืม...เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ในเมื่อวันนี้พ่อทำในสิ่งที่พระชายาขอร้องไม่สำเร็จ ถ้าเช่นนั้น พ่อให้สิ่งอื่นตอบแทนพระชายาดีหรือไม่? หากเป็สิ่งที่พ่อช่วยเหลือได้ พ่อก็จะรับปากทันที”
เมื่อได้ยินฮ่องเต้ฉงเต๋อตรัส อวี้ฉู่จาวถึงได้เงยหน้าขึ้น ดวงตาของหลินหร่านก็เป็ประกาย ราวกับได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้
ในขณะนั้น ฮ่องเต้ฉงเต๋อพลันรู้สึกมีความหวัง จึงได้รีบตรัสถาม “พระชายาจะขอให้ข้าช่วยอะไรหรือ?”
หลินหร่านเงยหน้ามองอวี้ฉู่จาว ทั้งคู่สบตากันอย่างกับกำลังพูดคุยกันอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นอวี้ฉู่จาวก็พยักหน้ารับ ให้หลินหร่านยื่นขอพระราชโองการด้วยตนเอง
หลินหร่านคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมเอ่ยด้วยความจริงใจ “ลูกมีเื่อยากขอร้องพระองค์หนึ่งเื่พ่ะย่ะค่ะ”
“เ้าพูดมาเถิด”
“ลูกกำลังศึกษาด้านการแพทย์ ภายใต้…” หลินหร่านลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลันนึกถึงถ้อยคำที่อวี้ฉู่จาวเคยบอกกับตนก่อนหน้านี้ แล้วค่อยเอ่ยต่อ “ศึกษาเื่นี้ภายใต้การดูแลของหมอซูชิงเฟิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเป็แม่ทัพใหญ่ หลังจากนี้ หากมีศึกาคงเป็เื่ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ลูกเป็ห่วงความปลอดภัยของท่านอ๋อง ด้วยเหตุนี้ ลูกจึงอยากเป็หมอทหารเพื่อตามกองทัพไปพ่ะย่ะค่ะ”
หลินหร่านไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองขอนั้นเกินไปนัก สำหรับเขา สิ่งที่ตนเองปรารถนามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“นี่…” ฮ่องเต้ฉงเต๋อแสดงท่าทีหนักใจ
แม่ทัพออกรบ ผู้เป็พระชายาจะต้องรอคอยอยู่ที่ตำหนัก
นี่คือวิธีที่ฮ่องเต้ใช้ในการเหล่าทหารเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด หากหลินหร่านออกตามกองทัพไป เช่นนั้นอวี้ฉู่จาว…
นอกจากนี้ การที่พระองค์ปรารถนาให้อวี้ฉู่จาวอภิเษกสมรสโดยเร็วก็เพื่อสร้างข้อผูกมัดในการออกรบของเขา
“แค่กๆ แค่กๆ แค่กๆ ” หลินหร่านส่งเสียงไอขึ้นมาอีกหลายครั้ง “ลูก...ลูกเพียง้าขอพระองค์เพียงเื่เดียว”
สุดท้ายฮ่องเต้ฉงเต๋อก็ต้องจนปัญญา
พระองค์มองไปทางอวี้ฉู่จาว แต่โอรสของตนก็เอาแต่มองไปที่พระชายาซึ่งกำลังรอพระราชโองการนี้อย่างใจจดใจจ่อ
พระองค์ไม่เข้าใจเลยว่าพระชายาของโอรส้าพระราชโองการนี้ไปเพื่ออะไร
ฮ่องเต้ฉงเต๋อได้แต่ถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกบีบให้จนมุม ไม่สามารถถอยหนีไปไหนได้
สุดท้ายก็ทำได้เพียงตอบตกลง “ได้ ข้าอนุญาตในสิ่งที่เ้าขอ หากพระชายาสามารถเรียนรู้ด้านการแพทย์ได้อย่างดีเยี่ยมก็นับเป็เื่ดีสำหรับจาวเอ๋อร์ และเป็เื่ดีกับต้าอวี้เช่นกัน”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” หลินหร่านก้มหัวถวายความเคารพอย่างมีความสุข
ฮ่องเต้ฉงเต๋อทรงแย้มพระสรวลออกมาด้วยความไม่เต็มใจนัก “ไม่ต้องพิธีรีตองหรอก นี่คือพระราชโองการที่ข้าตอบแทนพวกเ้า”
หลังจากอวี้ฉู่จาวประคองหลินหร่านขึ้นมา ความรู้สึกผิดในตอนแรกของพระองค์พลันหายวับไปทันที พระองค์เปลี่ยนมาตรัสด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
ในที่สุด พระองค์ก็นำศักดิ์ศรีความยิ่งใหญ่ของผู้เป็บิดาคืนมาได้ต่อหน้าอวี้ฉู่จาว
“จาวเอ๋อร์ ในภายภาคหน้าคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เ้าจะต้องนำทัพต้าอวี้ออกรบ เ้าก็รู้ว่าข้ามอบตำแหน่งมากมายให้เ้าจนไม่รู้จะมอบสิ่งใดตอบแทนแล้ว หากภายภาคหน้าพระชายาก็เข้าร่วมรบ ตำแหน่งหลังจากนี้ข้าขอมอบให้พระชายาได้หรือไม่?”
ฮ่องเต้รู้สึกเสียเปรียบอย่างนั้นเชียวหรือ?
อวี้ฉู่จาวสร้างชื่อในการทำา ซึ่งเขาไม่สามารถรับตำแหน่งใดๆ ทางการทหารเพิ่มได้อีกแล้ว หรือว่าพระองค์ตั้งใจจะให้ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทกับเขา?
หากลองเปรียบเทียบตามสถานการณ์ในปัจจุบัน หากมีใครสักคนรับรางวัลแทนเขาก็ถือว่าเป็สิ่งที่ดี
ไม่ว่าอย่างไรหลินหร่านก็เป็ชาย หรือพูดให้ชัดเจนมากขึ้น หากได้รับรางวัลหลังจบศึกก็ไม่เป็ปัญหาแต่อย่างไร
ฮ่องเต้ฉงเต๋อกำลังอยู่ในวัยกลางคน ยังไม่ต้องรีบร้อนนัก อย่างไรเสียในตอนนี้ราชสำนักก็เป็ของพระองค์ แน่นอนว่าพระองค์ต้องไม่ยอมให้ตนเองถูกคุกคามอำนาจ
ถึงแม้ภายภาคหน้าอาจเลือกอวี้ฉู่จาวขึ้นครองราชย์ แต่อย่างไรวันนี้ย่อมไม่มีทางเป็เช่นนั้นแน่
“แล้วแต่พระประสงค์พ่ะย่ะค่ะ” เหตุใดอวี้ฉู่จาวจะไม่รู้ว่าฮ่องเต้ฉงเต๋อกำลังคิดเช่นไรอยู่
เมื่อดูสถานการณ์ในตอนนี้ หากไม่มีการมอบตำแหน่ง หรือหากไม่มีอวิ๋นซี
ถ้าไม่มีการตกรางวัลโดยการมอบตำแหน่งให้เลย ฮ่องเต้ฉงเต๋อย่อมกลัวว่าตนเองจะตกเป็ข้อครหา จึงได้มีความคิดเช่นนี้ออกมา
ดังนั้น การมอบตำแหน่งให้อวิ๋นซีก็ถือว่าไม่เลวนัก แม้ต่อไปอวี้ฉู่จาวจะไม่ได้รับอะไรที่เป็ชิ้นเป็อันอีก แต่หากหลินหร่านได้รับ แน่นอนว่าย่อมเป็ผลดีต่อพระองค์อยู่แล้ว
-------------------------------------------------
