ด้วยตำแหน่งที่มีเกียรติอันสูงส่งของอี้ไท่เฟย ในขณะเดียวกันก็ทำให้หานอวิ๋นซีมีพันธนาการทุกประเภท และหานอวิ๋นซีก็ตระหนักถึงความจริงนี้ได้ั้แ่เนิ่นๆ
แม้ว่าวิธีการข่มขู่ของฮูหยินสวี่จะได้ผลอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ใช่เื่ใหม่สำหรับนาง
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฮูหยินสวี่้าเล่น นางก็ไม่รังเกียจที่จะเล่นจนจบ!
นางยิ้มและพูดว่า “อี๋เหนียงสอง ตระกูลหานกำลังยุ่งเหยิง ท่านก็ยังเอาใจใส่ในความรู้สึกของหมู่เฟยของข้า ข้าจะถ่ายทอดความห่วงใยนี้ไปยังหมู่เฟยอย่างแน่นอน”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ฮูหยินสวี่ก็กระสับกระส่าย หานอวิ๋นซีหมายความว่าอย่างไร? เป็ไปได้หรือไม่ว่านางจะไม่กลัว? ทั้งยังเรียกหมู่เฟยอย่างสนิทสนมอีก?
หานอวิ๋นซีสงบนิ่งและพูดว่า “ในเมื่อพวกลุงกังวลมากเกี่ยวกับกุญแจของห้องเก็บของและผู้สืบทอดของตระกูลหาน คราวหน้าหากพวกเขามา รบกวนอี๋เหนียงสองบอกพวกเขาว่า แม้ท่านพ่อของข้าจะอยู่ในคุกแต่ก็ยังไม่ตาย ผู้นำของตระกูลจะเป็ใครนั้น เขาก็ได้คิดไว้ในใจแล้ว! ไม่จำเป็ต้องให้คนอื่นมายุ่ง คนที่มีเจตนาไม่ดีจะกลุ้มใจเอาเปล่าๆ!”
ฮูหยินสวี่ที่เพิ่งจะพูดพาดพิงถึงหานอวิ๋นซีไป ตอนนี้หานอวิ๋นซีกำลังชี้ที่ต้นหม่อนแต่ด่าต้นฮวาย[1] ตอนนี้ฮูหยินสวี่ถึงกับนั่งไม่ติด!
นางคิดไม่ถึงว่าหานอวิ๋นซีจะกล้าพูดถึงหานฉงอัน!
นางได้ข่าวจากกระทรวงขุนนางว่า หานอวิ๋นซีช่วยไท่จื่อไว้และปฏิเสธการวินิจฉัยของหานฉงอัน นี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมหานฉงอันถึงติดคุก หานอวิ๋นซีทำร้ายหานฉงอัน!
จนถึงตอนนี้นางยังห้ามคนของตระกูลหานไม่ให้ไปเยี่ยมหานฉงอันอีก เห็นได้ชัดว่าเป็การขโมยกุญแจห้องเก็บของ และกลัวว่าเื่นี้จะถูกเปิดเผย!
คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวไร้ยางอายผู้นี้ยังจะกล้าเอ่ยถึงพ่อของตนเองได้อย่างมั่นใจอีก ฮูหยินสวี่กัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว
ในเมื่อวันนี้นางได้พูดเื่นี้ออกมาแล้ว นางก็คงไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ!
“ที่หวังเฟยพูดมาก็มีเหตุผล อย่างไรก็ตาม จากมุมมองของข้าแล้ว ท้ายที่สุดหวังเฟยคือสตรีออกเรือนแล้ว หากมีกุญแจห้องเก็บของของตระกูลหานอยู่ในมือ มันจะทำให้ผู้คนซุบซิบนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
พูดมาถึงตรงนี้ ฮูหยินสวี่ก็หยุดไปชั่วขณะและพูดอีกครั้งว่า “คิดไปแล้ว นายท่านคงมอบกุญแจห้องเก็บของให้ท่านอย่างไม่มีทางเลือก และขอให้ท่านนำมันมามอบมันให้กับตระกูลหานใช่หรือไม่?”
หานอวิ๋นซีไม่พูด เลิกคิ้วมองฮูหยินสวี่อย่างสนุกสนาน ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบลงและตึงเครียดขึ้นมาทันที
ฮูหยินสวี่เป็คนตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกผิดโดยไม่มีเหตุผลหลังจากที่ถูกหานอวิ๋นซีมองด้วยสายตาเช่นนั้น
สุดท้าย นางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป “หลี่ซื่อ เฮ่อเหลียน พวกท่านเองก็คงมีเื่จะพูดเหมือนกัน ตอนนี้ในจวนเราเหลือเพียงสามพี่น้องแล้ว ถึงเวลาร่วมแรงร่วมใจกันแล้ว ตระกูลหานจะพังทลายลงในมือเราไม่ได้!”
อย่าว่าแต่จะพูดเลย แม้แต่เงยหน้านั้นเฮ่อเหลียนก็ยังไม่กล้า หลี่ซื่อเองก็ยังคงเงียบทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเอง และรินน้ำชาให้ทุกคนในฐานะเ้าของบ้าน
ตอนนี้ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงพึมพำดังมาจากข้างนอก
“พวกท่านกำลังคุยเื่กุญแจห้องเก็บของอยู่หรือ? บังเอิญว่าข้าก็เป็บุตรชายคนโตของตระกูลหานเหมือนกัน พวกท่านควรเคารพความคิดเห็นของข้าใช่หรือไม่”
“กุญแจห้องเก็บของอยู่ไหน เอาออกมาเดี๋ยวนี้!”
…
เสียงที่ดังขึ้นมาก่อนผู้พูดจะเดินเข้ามา และเห็นว่าเป็คุณชายใหญ่ที่ตื่นเต้นอย่างมาก มือข้างหนึ่งถือไม้เท้า อีกข้างหนึ่งกุมบั้นท้าย เดินกะโผลกกะเผลกและยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเ็า
เดาว่าเขาคงเพิ่งรู้ว่าฮูหยินสวี่กำลังคุยเื่การขอกุญแจห้องเก็บของเมื่อครู่ มิฉะนั้นเขาคงรีบออกมานานแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่หานอวี้ฉีด่าทออย่างหยาบคาย หานอวิ๋นซีก็ไม่สนใจอีกเลย แต่ไม่คาดคิดว่าจะยังมาเจอเขาในสถานที่นี้
หานอวิ๋นซีที่ไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น ก็พูดอย่างเ็าว่า “ข้ามีกุญแจห้องเก็บของอยู่ในมือ เ้าจะเอะอะโวยวายอะไรกัน?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวี้ฉีก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นและกำลังจะก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหัน ใครจะรู้ว่าเขาที่ไม่ทันระวัง ก็ล้มหน้าคะมำลงกับพื้นจนเกิดเสียง “ตึง” ดังขึ้น
“โอ๊ย!”
คุณชายใหญ่ร้องออกมาด้วยความเ็ป ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถยกศีรษะขึ้นมาได้
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ทุกคนต่างตกตะลึง เสี่ยวอี้เอ๋อร์เป็คนแรกที่หัวเราะออกมา จากนั้นก็เป็หานอวิ๋นซี “ฮ่าฮ่า คุณชายใหญ่ ทำไมถึงลงไปนอนคว่ำแบบนั้นล่ะ?”
“ลูกแม่!” ฮูหยินสวี่ะโออกไปเสียงดัง “ลูกเป็อะไรหรือไม่!”
ฮูหยินสวี่ช่วยหานอวี้ฉีด้วยความยากลำบาก ยากนักกว่าที่จะให้หานอวี้ฉีเงยหน้าขึ้นมาได้ ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าหน้าผาก แก้ม และปลายจมูกของเขามีรอยฟกช้ำและแดงไปหมด ดูแล้วตลกไม่น้อย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แม้แต่อี๋เหนียงเจ็ดที่ระมัดระวังก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ในขณะเดียวกัน ฮูหยินสวี่ที่กำลังช่วยหานอวี้ฉีให้พลิกตัว แต่ใครจะรู้ว่า ทันทีที่พลิกตัวก้นก็กระแทกกับพื้น จนหานอวี้ฉีก็ร้องะโออกมา “เจ็บ...มันเจ็บ!”
จู่ๆ เขาก็นอนตะแคงราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ก้นลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นก็ผลักฮูหยินสวี่ออกไปอย่างรุนแรง “ท่านจะให้ข้าเจ็บถึงตายเลยหรือไร?”
ฮูหยินสวี่เห็นใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจากความเ็ป ตนก็รู้สึกเป็ทุกข์และเป็ห่วงอย่างมาก “แม่ไม่ได้ตั้งใจ เ้าไม่เป็ไรใช่หรือไม่! ยังเจ็บอยู่หรือไม่? เรากลับกันเถอะ แม่จะทายาให้เ้า”
อย่างไรก็ตาม หานอวี้ฉีกลับหันศีรษะไปมองฝูงชนอย่างดุร้าย “หัวเราะอะไรกัน ตลกมากหรือไร?”
ตอนนี้ นอกจากหานอวิ๋นซีแล้ว ทุกคนต่างหยุดหัวเราะ โดยเฉพาะอี๋เหนียงเจ็ดที่ขยิบตาให้เสี่ยวอี้เอ๋อร์ทันที เสี่ยวอี้เอ๋อร์จึงทำได้แค่เพียงเม้มริมฝีปาก
“ตลกสุดๆ ไปเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว! คุณชายใหญ่ ทำไมเ้าถึงเลินเล่อขนาดนี้ ชอบเจ็บตัวหรือไรกัน?” หานอวิ๋นซีหัวเราะ
“เ้า!” หานอวี้ฉีที่โกรธเกรี้ยว เมื่อกำลังจะขยับตัว ฮูหยินสวี่ก็กดไว้อย่างรวดเร็ว “เ้าใจเย็นก่อนนะ! ใจเย็น!”
ด้วยการเตือนนี้ หานอวี้ฉีจึงจะสงบลง ใช้มือข้างหนึ่งกุมบั้นท้าย มืออีกข้างก็จับมือของฮูหยินสวี่และยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง
ด้วยเพราะเป็ชายร่างสูงและอ้วน การเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังนี้ก็ดูตลกเป็พิเศษ พูดง่ายๆ คือหานอวิ๋นซีไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ ถึงขั้นหัวเราะจนปวดท้อง
เสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ หานอวิ๋นซีก็กลั้นอยู่นาน เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีหัวเราะแบบนี้ ในที่สุดก็อดไม่ได้และส่งเสียงออกมา “พรูด”
ในขณะเดียวกัน หานอวี้ฉีที่เพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคงก็มองไปรอบๆ อย่างเ็าและพูดด้วยความโกรธว่า “หานหยุนอี้ เ้ากล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะข้า?”
ในเมื่อลงที่หานอวิ๋นซีไม่ได้ เช่นนั้นเขาเลยด่าหานหยุนอี้ก็แล้วกัน!
“อายุยังน้อย กล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะข้า ไอ้เด็กไร้การสั่งสอน!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็เงียบลงทันที อี๋เหนียงเจ็ดก็ก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร ด่าบุตรชายของนางว่าไร้การสั่งสอนต่อหน้าแม่เช่นนี้ นี่เป็การดูถูกอย่างไม่ต้องสงสัย
แสงอันเ็าส่องประกายในดวงตาของหานอวิ๋นซี นางอุ้มอี้เอ๋อร์เดินเข้าไปและพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “อี้เอ๋อร์ อยากจะหัวเราะก็หัวเราะเลย โตขนาดนี้แล้ว อีกทั้งผู้าุโก็อยู่ที่นี่ เขายังกล้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้ เขาสมควรที่จะพูดถึงเื่การสั่งสอนด้วยหรือไร? แล้วก็นะ เดินก็ยังเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าว่านอกจากแม่ของเขาจะไม่ได้สอนว่าควรทำตัวอย่างไร ก็ยังไม่ได้สอนแม้แต่วิธีการเดินด้วยซ้ำ! ช่างน่าขันจริงๆ! ถ้าเป็ข้า ข้าคงจะซ่อนตัวไปแล้ว ไม่มาเอะอะโวยวายแบบนี้หรอก?”
หานอวิ๋นซีที่พูดไปก็จงใจหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า” ออกมา แล้วหันไปหยอกล้อกับเสี่ยวอี้เอ๋อร์ “ไหน ยิ้มให้พี่หน่อยสิ!”
มีพี่สาวปกป้องอยู่ เสี่ยวอี้เอ๋อร์ก็ไม่กลัวอะไรอีกต่อไป เขาค่อยๆ ฉีกยิ้มให้หานอวิ๋นซียิ้มอย่างงดงาม
“ต้องแบบนี้สิ ยิ้มเยอะๆ จะได้อารมณ์ดี!”
ฮูหยินสวี่โกรธเกรี้ยวจนหน้าแดง ส่วนหานอวี้ฉีผู้ไม่มีคารมนั้น จะไปโต้แย้งอะไรได้ ด้วยความโกรธที่พุ่งขึ้นมา เขาจึงะโออกไปทันทีว่า “ฉินหวังเฟย หยุดพูดเื่ไร้สาระแล้วส่งกุญแจห้องเก็บของมา! มันเป็ของตระกูลหาน ในเมื่อเ้าอภิเษกแล้ว มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเ้าอีกต่อไป! รีบส่งมันมาเดี๋ยวนี้!”
สุดท้ายแล้ว พวกเขาก็มาเพื่อกุญแจห้องเก็บของ
หานอวิ๋นซีสงบสติอารมณ์ เชิดหน้าขึ้น “ข้าไม่ได้เอามา!”
“เ้า!” หานอวี้ฉีกำหมัดแน่น กัดฟันพูดเสียงต่ำ “สารเลว ไปตายเสียเถอะ!”
ฮูหยินสวี่ที่อยากจะลงมือมานานแล้ว แต่จากบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมา สุดท้ายนางก็สงบนิ่ง นางจับมือของหานอวี้ฉีและพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ครั้งที่แล้วยังเจ็บไม่พอหรือไร? ทำไมถึงหุนหันพลันแล่นแบบนี้? ดูสิว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร!”
เมื่อเอ่ยถึงไม้กระดานขนาดใหญ่ห้าสิบแผ่น หานอวี้ฉีก็ยังคงมีความกลัวอยู่
เขาทำได้เพียงกัดฟันและอดทนได้ชั่วคราว! อย่างไรก็ตามรอให้ได้กุญแจห้องเก็บของมาก่อน แล้วเขาจะค่อยๆ ทรมานหานอวิ๋นซี นางรักหานหยุนอี้ใช่หรือไม่ ถึงเวลานั้นเขาจะ “รับใช้” เ้าเด็กสารเลวนั่นอย่างดีเลยล่ะ!
ฮูหยินสวี่หายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไปช่วยบุตรชายของนาง หานอวี้ฉีไม่สามารถนั่งลงได้ จึงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลี่ซื่อจึงจะพูดว่า “ใครก็ได้ มาช่วยคุณชายใหญ่หน่อย!”
คนรับใช้สองคนรีบเข้าไปช่วยพยุงหานอวี้ฉีทางซ้ายและขวา ในขณะนี้ ฮูหยินสวี่จึงจะรู้สึกโล่งใจและนั่งลงอีกครั้ง
คำถามเมื่อครู่ นางยังคงคิดมันอยู่ตลอด!
“หวังเฟย เดาว่าตอนนั้นนายท่านคงเร่งรีบ เลยมอบกุญแจห้องเก็บของให้กับท่าน แล้วก็สั่งให้ท่านส่งมอบมันให้กับตระกูลหานใช่หรือไม่?” ฮูหยินสวี่ถามอีกครั้ง
วันนี้นางต้องบังคับให้หานอวิ๋นซีตอบคำถามนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซียังคงเงียบ
กุญแจห้องเก็บของสำหรับหานอวี้ฉีแล้ว เรียกได้ว่าเป็เพียงคำสาป ทันทีที่เห็นหานอวิ๋นซีเงียบ เขาก็รีบถามทันทีว่า “ฉินหวังเฟย เ้าตอบมาเถอะ คงไม่ได้ไร้คุณธรรมขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่?”
ใครจะรู้ว่าหานอวิ๋นซียังคงเงียบโดยไม่คาดคิด
เมื่อเห็นสิ่งนี้หานอวี้ฉีก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าหานอวิ๋นซีต้องแย่งกุญแจห้องเก็บของมาจากบิดาของเขา เขาที่กำลังจะตำหนิ ทว่าหลี่ซื่อที่เงียบมาตลอดกลับพูดขึ้นมาว่า “ข้าคิดว่ากุญแจห้องเก็บของที่อยู่ในมือของหวังเฟย นายท่านต้องสั่งอะไรไว้เป็พิเศษใช่หรือไม่?”
การเยาะเย้ยแวบเข้ามาในดวงตาของหานอวิ๋นซี ที่นางเงียบ เพราะรอให้อี๋เหนียงสามพูดอย่างไรล่ะ!
ก่อนหน้านี้นางคิดว่าฮูหยินสวี่พูดเก่งมาก แต่หลังจากได้ยินคำพูดของหลี่ซื่อ จึงได้รู้ว่าหลี่ซื่อเป็ยอดฝีมือที่แท้จริง
หลี่ซื่อพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางกำลังสงสัย
หากหานฉงอันมอบกุญแจห้องเก็บของให้นางด้วยตนเอง เช่นนั้นก็ต้องบอกนางว่าจะให้นางมอบกุญแจนี้ให้กับอนุคนไหน และเวลานี้ก็เป็เวลาอันสมควรที่นางจะพูดออกมา
หากนางขโมยกุญแจห้องเก็บของมาจากหานฉงอัน มันคงเป็เื่ยากสำหรับนางที่จะตอบคำถามดังกล่าว
หลี่ซื่อฉลาดจริงๆ ยึดตามเหตุผลทั่วไปแล้ว ในตอนที่หานฉงอันมอบกุญแจห้องเก็บของให้หานอวิ๋นซี เขาคงจะให้นางเอามันมาให้คนของตระกูลหาน น่าเสียดายที่หลี่ซื่อประเมินสถานการณ์ของตระกูลหานสูงเกินไป และประเมินหานฉงอันต่ำเกินไป
เื่ของฮูหยินเทียนซินนั้น หานฉงอันนั้นไม่ถนัด แต่หากเป็เื่อื่นละก็ เขารู้ดีว่านิสัยของคุณชายแต่ละคนเป็อย่างไร และอนุแต่ละคนคิดอย่างไร ในใจของเขาไม่มีความลำเอียงเป็พิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างเพื่อตระกูลหานเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะดูแลหานหยุนอี้เป็พิเศษ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าหานหยุนอี้จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล เขาให้สิทธิ์หานอวิ๋นซีในการเลือก
หานฉงอันเต็มใจที่จะไว้วางใจหานอวิ๋นซีมากกว่ากระทรวงขุนนางที่อยู่เื้ัฮูหยินสวี่
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ซื่อ ฮูหยินสวี่รู้สึกดีใจเป็อย่างมากและรีบพูดเสริมว่า “ใช่ นายท่านต้องบอกอะไรบางอย่างกับท่านใช่หรือไม่ หวังเฟย เวลานี้แหละ วันนี้ทุกคนก็อยู่ที่นี่ด้วย ท่านพูดมาเถอะ”
หานอวิ๋นซีเยาะเย้ยในใจ เดิมทีนางคิดที่จะค้นหาคนทรยศในจวนแม่ทัพใหญ่ก่อน แล้วค่อยจัดการเื่ของตระกูลหานในภายหลัง ตอนนี้ ในเมื่อฮูหยินสวี่ร้อนรนเหลือเกิน หลี่ซื่อเองก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ต่อให้นางพูดไปก่อนก็คงไม่เป็อะไร
------------------------------------
[1] ชี้ที่ต้นหม่อนแต่ด่าต้นฮวาย อุปมาว่าทำเป็ด่าคนนี้ แต่ความจริงด่าคนนั้น หรือตรงกับสุภาษิตไทยที่ว่า ตีวัวกระทบคราด
