ถังชิงหรูลืมตาขึ้น เบื้องหน้าว่างเปล่าไร้เงาร่างของเฉินิ นางรีบลุกขึ้นมานั่ง กวาดมองไปรอบห้องก็ไม่เห็นผู้ใด จึงรีบวิ่งออกไปข้างนอก
แอ๊ด... ประตูถูกเปิดออก คนผู้หนึ่งกำลังจะเดินเข้าในจังหวะที่นางโผล่ออกมาพอดี ครั้นจะหลบก็ไม่ทันแล้ว เลยถูกชนจนล้มกลิ้งไปด้วยกัน
ทั้งสองล้มลงที่พื้นเสียงดังปึง ถังชิงหรูถูกคนผู้นั้นทับไว้ใต้ร่าง หน้าผากของทั้งคู่กระแทกกันอย่างแรง
"โอ๊ย...." ถังชิงหรูมึนศีรษะมองอะไรไม่เห็นนอกจากดาวที่วิบวับอยู่ตรงหน้า
สถานการณ์ของเฉินิก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร แม้จะทาบทับนางอยู่ แต่ท่าทางเหมือนจะเ็ปไม่น้อย
จนกระทั่งสมองของถังชิงหรูได้สติกลับมาบ้างแล้ว มองเห็นคนตรงหน้าชัดเจน ถึงพบว่าสีหน้าของเขาย่ำแย่อย่างยิ่ง คำด่าซึ่งติดอยู่ที่ริมฝีปากพลันถูกกลืนลงท้อง พลันหันมาถามด้วยความห่วงใย "ท่านเป็อะไรไปหรือเปล่า เจ็บตรงไหนบ้าง"
เฉินิเห็นนางอ่อนโยนขนาดนี้ รู้สึกไม่ชินเท่าไรนัก ปรกติหากเจอเื่ทำนองนี้ นางคงด่าเขาสาดเสียเทเสียไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะชอบท่าทางดุร้ายของนางเสียด้วย ด้วยอุปนิสัยแต่เดิมของนาง เห็นชัดว่าไม่ใช่คนอ่อนหวาน ที่นางปฏิบัติต่อเขาอย่างนุ่มนวล หาใช่ในฐานะคนพิเศษ แต่เป็เพราะความเห็นอกเห็นใจ
เขาเป็คนหยิ่งในศักดิ์ศรี จะรับความรู้สึกเห็นอกเห็นใจจากสตรีที่ชอบพอได้อย่างไร เขาไม่้าความเห็นใจ หากนาง้าปลอบประโลมเขาจริง จะปลอบด้วยความรักก็ได้
"ยังไม่ตาย" เฉินิผละจากร่างของนาง ลุกขึ้นมานั่งบนพื้น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า "ขออภัย"
"ท่านออกไปไหนมา" ถังชิงหรูประคองเฉินิให้ลุกขึ้น "ร่างกายยังอ่อนแออยู่แท้ๆ จะไปโน่นมานี่ส่งเดชได้อย่างไร ก่อนที่จะหายเป็ปรกติ ห้ามท่านออกไปไหนเป็อันขาด"
"ข้านอนมาหลายวัน อยากออกไปเดินเล่นบ้าง แต่ที่นี่ช่างแร้นแค้นยิ่งนัก แม้แต่ผักสักต้นก็ยังไม่มีให้กิน" เฉินิย่นหัวคิ้ว "เ้าจะอยู่ที่นี่จริงหรือ ไม่จำเป็ต้องทำเพื่อข้าขนาดนี้ก็ได้"
"เพ้อเจ้อ" ถังชิงหรูค่อนขอดอย่างไม่พอใจ "น้ำแกงปลาของเมื่อวานยังมีเหลืออยู่ ข้าจะไปอุ่นมาให้ แล้วเดี๋ยววันนี้ข้าจะขึ้นเขาไปหาสมุนไพร"
"เ้าพบทางรักษาโรคที่ข้าเป็แล้วหรือ" เฉินิมองนางอย่างมีความหวัง
"ไม่ดูบ้างเลยว่าคุยกับใครอยู่ โรคเล็กน้อยแค่นี้ไม่คณนามือข้าหรอก" ถังชิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก "เพียงแต่ยังต้องหาสาเหตุของโรค หากกำจัดไม่ถึงต้นตอ ก็ไม่มีทางขจัดให้หมดสิ้นไปได้ ท่านพักผ่อนอยู่เฉยๆ ห้ามออกไปไหนหากมิได้รับอนุญาตจากข้า"
"ขอรับๆ ๆ ใต้เท้าท่านหมอเทวดา" เฉินิเอ่ยกระเซ้า
"เช่นนั้น ตอนนี้ใต้เท้าท่านหมอเทวดาต้องออกไปทำธุระแล้ว หากท่านเบื่อ จะเดินเล่นแถวนี้ก็ได้ แต่อย่าออกไปไหนไกลนัก" ถังชิงหรูกล่าวพลางทอยิ้มน้อยๆ
เมืองชิ่ง
อดีตจวนชิ่งอ๋องบัดนี้ได้เปลี่ยนมาเป็จวนสกุลเมิ่งเรียบร้อยแล้ว บ่าวรับใช้ชายหญิงล้วนถูกขายออกไปจนหมด แม้แต่ทหารคนสนิทของเฉินิเ่าั้ก็มิอาจรอดพ้นภัยพิบัติ ส่วนองครักษ์เงาบางส่วนก็หนีไป บางส่วนก็ถูกสังหาร เมืองชิ่งก็ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ภายในระยะเวลาไม่นาน
ในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา บุรุษคนหนึ่งเอนกายอยู่บนตั่งอย่างเอ้อระเหย กำลังมองหยกประดับชิ้นหนึ่งที่ถืออยู่ในมือ เขาชูหยกชิ้นนั้นล้อแสงอาทิตย์ ชื่นชมความงดงามของมันอย่างเพลิดเพลิน
คนผู้หนึ่งผลักประตูเข้ามา กล่าวกับบุรุษผู้นั้น "ใต้เท้า เฉินิยังไม่ตายขอรับ"
"หืม?" เมิ่งหลิงเลิกคิ้ว ดวงเนตรดอกท้อเผยแววประหลาดใจ "ยังไม่ตายอีกหรือนี่ ช่างดวงแข็งเสียจริง"
"มีคนช่วยเขาขอรับ" คนผู้นั้นรายงานต่อไป "เป็สตรีคนหนึ่ง"
"สตรี? ใช่หมอเทวดาคนนั้นหรือไม่" ดวงตาของเมิ่งหลิงจมดิ่ง "สตรีไม่รู้จักดีชั่ว ดูท่าคงต้องให้นางได้รับบทเรียนเสียบ้าง"
"จะให้ข้าน้อย..." คนผู้นั้นทำท่าปาดคอ
"ไม่ต้อง ภายใต้สภาพแวดล้อมเลวร้ายเยี่ยงนั้น นางจะก่อคลื่นลมอะไรได้ ส่งคนไปเพิ่ม อย่าให้นางออกมาได้เป็อันขาด อยากรนหาที่นัก ก็ให้นางตายไปพร้อมกับเฉินินั่นแหละ อีกอย่าง ต่อไปพวกเ้าต้องเฝ้าระวังให้ดี หากมีคนลอบเข้าไปได้อีก อย่าหาว่าข้าแล้งน้ำใจ"
"ขอรับ" บริวารผู้นั้นรีบเอ่ยปากเป็มั่นเหมาะ "ข้าน้อยนึกไม่ถึงว่านางจะเล็ดลอดเข้าไปได้ทั้งที่มีการจัดกำลังคุมเข้มขนาดนั้น ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกขอรับ ใต้เท้ามีเื่อื่นจะรับสั่งหรือไม่"
"ข้ารู้สึกสนใจสตรีผู้นั้น เฉินิเป็โรคประหลาด แต่ไรมาไม่มีสตรีคนไหนเข้าใกล้เขาได้ แต่นางกลับเป็ข้อยกเว้น แม้ในยามที่เฉินิตกที่นั่งลำบาก นางก็ยังเพียรเฝ้าอยู่ข้างกาย หากคนที่นางช่วยเหลือมิใช่เฉินิ ข้าก็คงชื่นชมเลื่อมใสอยู่บ้าง" เมิ่งหลิงสีหน้าจมดิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น "แต่เหตุใดนางต้องช่วยเฉินิ และเพียรต้องมาเป็ปรปักษ์กับคุณชายเยี่ยงข้า"
"เช่นนั้น... ข้าน้อยควรทำอย่างไร" บริวารผู้นั้นไม่เข้าใจเจตนาของเมิ่งหลิง
เมิ่งหลิงผู้นี้ จิตใจล้ำลึกมากแผนการ แม้แต่คนสนิทข้างกายยังมองเขาไม่ออก สิ่งที่เขาเกลียดชังที่สุดคือลูกน้องที่กระทำสิ่งใดโดยพลการ ดังนั้นไม่ว่าเื่ใหญ่หรือเื่เล็ก ผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องขอคำชี้แนะจากเขาก่อน หลังได้รับคำสั่งแล้วเท่านั้นถึงจะดำเนินการได้ ใครก็แล้วแต่ที่ละเมิดกฎข้อนี้ ต่อให้ผลลัพธ์จะออกมาเป็เช่นไร คนผู้นั้นล้วนต้องตาย
"ไม่ต้องทำอันใดทั้งสิ้น" เมิ่งหลิงเก็บหยกประดับในมือ "จริงสิ คนที่ข้าให้พวกเ้าตามหา พบเบาะแสบ้างหรือยัง"
บริวารผู้นั้นก้มศีรษะลงต่ำ พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเมิ่งหลิง เหงื่อกาฬพลันผุดพราย ร้องในใจว่าแย่แล้ว ก่อนคุกเข่าลงลั่นวาจา "ข้าน้อยไร้ความสามารถ ยังไม่พบเบาะแสใดๆ เลยขอรับ"
"ไร้ประโยชน์สิ้นดี!" เมิ่งหลิงตะคอกเสียงแข็ง "แค่ให้พวกเ้าตามหาคน นานขนาดนี้ยังไม่พบเบาะแส เลี้ยงสวะอย่างพวกเ้าไว้จะมีประโยชน์อันใด"
"ข้าน้อยจะรีบเร่งค้นหาอย่างสุดกำลังขอรับ" บริวารผู้นั้นตัวสั่นงันงก
"ไสหัวไป" เมิ่งหลิงโบกมือไล่อย่างหงุดหงิด
บริวารผู้นั้นลุกขึ้นถอยออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกโล่งใจ ยามพ้นประตูมา ก็ยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผาก แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความลำบากใจ
เมิ่งหลิงมองหยกประดับในมือ ดวงเนตรล้ำลึกฉายแววหม่น "น้องเล็ก เ้าไปอยู่แห่งหนใดกันแน่"
ปีนั้นที่ครอบครัวถูกสังหารล้างตระกูล มีเพียงตนเองกับน้องสาวคนเล็กหนีรอดไปได้ แต่จับพลัดจับผลูพวกเขาสองพี่น้องต้องพลัดพรากจากกัน หลายปีที่ผ่านมานั้นเขาใช้ชีวิตอย่างอยู่ไม่สู้ตาย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้อำนาจกลับคืนมา คิดตามหานางให้พบ แต่เวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน เบาะแสมากมายล้วนสูญหายไป สถานที่ที่พวกเขาแยกจากกันตอนนั้นก็ถูกรื้อถอนไปนานแล้ว
ปีนั้นน้องเล็กเพิ่งอายุห้าขวบ เด็กผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวเร่ร่อนอยู่ภายนอก ย่อมตกเป็เป้าสายตาของคนชั่วช้าเ่าั้ได้โดยง่าย เขาไม่กล้าคิดไปในทางร้าย หลายปีมานี้ ทุกค่ำคืนล้วนต้องผวาใตื่นขึ้นมากลางดึก แค่คิดว่านางอาจถูกคนเลวทรามเหยียบย่ำทำลาย เขาก็แทบจะคลั่งตายเสียให้ได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงขึ้นชื่อเื่ความมีอารมณ์แปรปรวนคุ้มดีคุ้มร้าย
เขาเก็บหยกประดับไว้ในอกเสื้ออย่างทะนุถนอม นี่คือของแทนตัวที่เขากับน้องสาวต่างมีคนละชิ้น หากตามหานางพบ ก็สามารถใช้ของสิ่งนี้พิสูจน์ตัวตนของนางได้
หมู่บ้านสกุลหลี่ ชายคนหนึ่งยืนอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน มองดูองครักษ์เงาสองร้อยนายตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว
องครักษ์เ่าั้มองชายหนุ่มอย่างระแวง ก่อนล้อมเขาไว้ตรงกลาง หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นว่า "หากเ้าอยากเข้าไปในหมู่บ้าน พวกเราปล่อยเ้าเข้าไปได้ แต่เข้าได้อย่างเดียวเท่านั้น มิอาจออกมาได้อีก"
"คุณชายเยี่ยงข้าอยากเข้าก็เข้า อยากออกก็ออก" หลีซูเอ่ยอย่างไม่แยแส
"เมื่อเป็เช่นนี้ พวกเราพี่น้องก็ต้องล่วงเกินแล้ว" คนผู้นั้นกล่าวจบก็ยกมือขึ้นโบก
ทุกคนต่างบุกเข้าโจมตีหลีซูพร้อมกัน
ชั่วขณะนั้นมีเสียงผิวปากดังมาแต่ไกล
หลีซูชักกระบี่ออกจากเอวกำลังจะเข้าต่อสู้กับคนเ่าั้ พอได้ยินเสียงดังกล่าว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี ะโออกมาจากวงล้อม แล้วทะยานออกไปตามทิศทางของเสียงนั้น ก่อนที่จะไป เขาะโขึ้นไปบนต้นไม้ มองไปที่หมู่บ้านพลางเอ่ยเสียงเบา "ข้าจะมาหาเ้าอีก ดูซิว่าในโลกนี้จะมีคนที่สามารถถอนพิษในร่างกายของข้าได้จริงหรือไม่"
ที่บ้านไม้ทรุดโทรมในหมู่บ้านสกุลหลี่ ถังชิงหรูส่งปลาที่เพิ่งย่างเสร็จให้กับเฉินิ
เฉินิรับมา เอ่ยคำขอบคุณอย่างมีมารยาท
ถังชิงหรูมองเขาปราดหนึ่ง พลางยิ้มกล่าวเสียงเบา "รู้สึกไม่คุ้นกับท่านที่เป็เช่นนี้เลย"
"เ้าอุตส่าห์ย่างปลาให้ข้า หรือว่าอยากฟังคำด่าหรือไร ความชอบของเ้าช่างไม่เหมือนใครจริงๆ" เฉินิมองค้อนนางทีหนึ่ง
"สามวันผ่านไปแล้ว กินแต่ของอย่างนี้ทุกวัน ท้องข้าทรมานนัก พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาไปหาของกิน" ถังชิงหรูถอนใจเฮือกหนึ่ง "วันนี้ออกไปหามาทั้งวัน ในที่สุดก็ได้ยาของท่านครบแล้ว กินไปสักสามวัน ดูการตอบสนองของท่านก่อน แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะเปลี่ยนสมุนไพรหรือไม่"
"หรูเอ๋อร์..." เฉินิจับมือของนางไว้ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง "ขอบคุณนะ"
"ท่านอย่าทำแบบนี้ ข้าในะเนี่ย" ถังชิงหรูรีบชักมือกลับ "สมุนไพรของที่นี่มีน้อยมาก ฤทธิ์ยาก็ไม่ดีนัก พวกเราค่อยเป็ค่อยไป ดีหรือไม่"
"ดี ฟังคำเ้า" เฉินิบอกนาง ไม่ว่าเขาจะหายหรือไม่ แต่ความจริงใจของนางจะประทับอยู่ในใจเขาตลอดไป แม้ว่าต้องตาย ก็จะไม่ถือโทษโกรธเคือง
"พี่สาว..." เสียงของเสี่ยวหู่จือ[1]ดังมาจากด้านนอก
่นี้ถังชิงหรูได้ผูกมิตรกับเด็กสี่ห้าคนนั้น เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับเด็กเหล่านี้ พวกเขาถึงได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากชาวบ้าน แม้ว่านางจะไม่เคยพบคนเ่าั้ แต่การที่พวกเขายอมให้เด็กๆ มาเล่นด้วย ก็แสดงว่ามีทัศนคติที่ดีต่อนาง
ถังชิงหรูเดินออกไป ถือปลาย่างตัวหนึ่งติดมือไปด้วย กำลังส่งกลิ่นหอมฉุย พอเห็นเสี่ยวหู่จือยืนอยู่ตรงนั้นก็ส่งปลาให้เขา "ลองชิมดูสิ"
เสี่ยวหู่จือไม่กล้ารับ ่นี้พวกเขารับน้ำใจจากถังชิงหรูมากมายในแต่ละวัน จนรู้สึกกระดากใจแล้ว ประกอบกับวันนี้ที่มาหาถังชิงหรู ก็เพราะมีธุระอย่างอื่น
เขาน้ำตาคลอด มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเศร้าสลด "พี่สาว คราก่อนท่านบอกว่าเป็หมอใช่หรือไม่ ท่านช่วยไปดูอาการให้ท่านแม่ของข้าทีเถิด"
"มารดาเ้าเป็อย่างไรบ้าง" ถังชิงหรูยัดปลาย่างตัวเล็กใส่มือเด็กชายตัวน้อย
จากที่คบหากันมา่หนึ่ง นางพอรู้ว่าเสี่ยวหู่จือกับมารดาต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อเอาชีวิตรอด มารดาของเขาล้มป่วยเมื่อสองปีก่อน ปรกติแล้วเป็เสี่ยวหู่จือที่ดูแลมารดาของตนเอง
"แม่ข้าเพิ่งไอเป็เื" เสี่ยวหู่จือกล่าวด้วยความเศร้าใจ "พี่สาว ท่านโปรดช่วยท่านแม่ของข้าได้หรือไม่"
"พาข้าไปดูนางเถอะ" นี่เป็ครั้งแรกที่คนในหมู่บ้านมาตามนางไปรักษา หากสามารถช่วยให้มารดาของเสี่ยวหู่จือให้หายได้ ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็จะเชื่อมั่นในวิชาแพทย์ของนาง ถึงเวลาพวกเขาก็จะเป็ฝ่ายมาให้นางรักษาเอง ที่นางอดทนไม่ออกไปหาพวกเขา เพราะไม่อยากลดศักดิ์ศรีของตนเองเกินไป
ในยุคสมัยนี้ หมอเป็ที่เคารพยกย่องของผู้คน หากนางเป็ฝ่ายไปหาคนป่วย กลับจะทำให้พวกเขายิ่งเคลือบแคลงในความสามารถ
บ้านของเสี่ยวหู่จืออยู่ไกลจากที่พักของนางพอสมควร ต้องใช้เวลาเดินอยู่ครู่ใหญ่ถึงพบเห็นบ้านเก่าทรุดโทรมอีกหลังหนึ่ง
--------------------------------------------------------------------------------
[1] เสี่ยวหู่จือ แปลว่าเสือน้อย เป็ชื่อของเด็กชายในหมู่บ้าน บ้างก็เรียก หู่เอ๋อร์