เพียงไม่นาน อูลี่ที่ถูกผู้าุโของลัทธิสยบฟ้าสี่คนคุมตัวก็ได้ถูกพามาอยู่ตรงหน้าของไป๋อวิ๋นจง
เขาก้มหน้าลง เหลือบมองอู่เจี้ยนซินที่ถูกทำลายวรยุทธ์เล็กน้อย หัวเราะเบาๆ ออกมา
“ประมุขไป๋ไม่เบาเลย ถึงกับยอมทำลายวรยุทธ์ของผู้าุโในลัทธิเช่นนี้ ข้าอูลี่นับถือ นับถือ!”
“เ้าจะนับถือหรือไม่นับถือ ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับข้าเลยนี่?”
ไป๋อวิ๋นจงกล่าวขึ้นเสียงเรียบ ไม่สนใจอูลี่แม้แต่น้อย ิญญาแท้หอกยาวในรูปวัตถุยังคงลอยอยู่ด้านหลังของเขา
ในตอนที่อูลี่ถูกพาตัวมาอยู่ตรงหน้า เขาได้งอแขนขึ้น ิญญาแท้หอกยาวที่ด้านหลังพลันกระตุกทันที
“เ้าจะทำอะไรน่ะ?”
อูลี่พลันหน้าถอดสี
เขามองออกว่า เ้าไป๋อวิ๋นจงตรงหน้านี้มีท่าทีเหมือนคิดจะลงมือกับเขา แต่ว่าเ้าไป๋อวิ๋นจงมันจะกล้าได้อย่างไร?
เขาอูลี่ เป็ถึงผู้าุโของสำนักดาบสะบั้น ทั้งสำนักมีผู้าุโรวมกันทั้งหมดอย่างมากก็แค่สิบกว่าคนเท่านั้น
หากเขาอูลี่ตายในลัทธิสยบฟ้า สำนักดาบสะบั้นไม่มีวันยกโทษให้ลัทธิสยบฟ้าแน่ และอาจเป็ชนวนาระหว่างสองสำนักลัทธิใหญ่ก็เป็ได้!
“ข้าจะทำอะไรน่ะหรือ?”
ใบหน้าของไป๋วิ๋นจงปรากฏความประหลาดใจ
“ข้าต่างหากที่อยากถามเ้า ใน่หลายวันที่ผ่านมาเ้ามาแอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ใกล้ๆ กับลัทธิสยบฟ้าทำไม? คิดจะฆ่าผู้าุโของลัทธิสยบฟ้าหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ไป๋อวิ๋นจง เ้าฟังข้าให้ดีนะ!”
อูลี่ส่งเสียงหัวเราะ
“ข้า อูลี่ มาที่นี่ก็เพื่อเก็บสมุนไพรบางอย่างเท่านั้น ส่วนเื่อื่นล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้าทั้งสิ้น”
“ถ้าอย่างนั้นเป็ใครกันที่บังอาจบุกรุกเข้าไปในป่าไผ่อันเป็ที่ตั้งของหอผู้าุโลัทธิสยบฟ้า ทั้งยังคิดจะลงมือทำร้ายอวี้สุ่ยอวิ๋น?”
ไป๋อวิ๋นจงเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“นั่นมันฝีมือของต้วนเมี่ย ลูกศิษย์สำนักข้าต่างหาก ถ้าเ้าจะหาเื่ก็ไปหามัน เื่นี้ไม่เกี่ยวกับข้า"
อูลี่ตอบกลับอย่างไร้ยางอาย
สำหรับเหล่าลูกศิษย์ลัทธิสยบฟ้านั้น คำพูดนี้ช่างไร้น้ำหนักอย่างสิ้นเชิง
ภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในิญญาแท้ฝ่ามือจารึกของอวี้สุ่ยอวิ๋นก่อนหน้านี้ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว ไม่ว่าอูลี่จะพูดอะไรก็ไม่อาจชำระมลทินได้แน่นอน!
“ต้วนเมี่ยหนีไปได้แล้ว แต่เ้า อูลี่ กลับถูกพวกเราจับตัวไว้ได้”
ไป๋อวิ๋นจงหัวเราะอย่างเฉยชา จากนั้นก็งอมือขึ้น กลิ่นอายสังหารสายหนึ่งถูกปล่อยออกมาจากิญญาแท้หอกยาว พริบตานั้นก็ได้ปกคลุมอูลี่ไว้ทันที
“เ้ากล้าหรือ”
อูลี่เห็นเช่นนั้นพลันหน้าถอดสีทันที!
“มีอะไรไม่กล้า!”
ไป๋อวิ๋นจงที่ถือิญญาแท้หอกยาวในมือเปลี่ยนไปราวกับเทพาสุดอำมหิต มีจิตสังหารอันน่ากลัวแผ่ซ่านทั่วร่าง!
ตัวเขาในอดีต เป็ถึงขุนพลแห่งอาณาจักรต้าถัง เคยรบราฆ่าฟันมานับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงไร้ซึ่งความลังเล!
หนึ่งหอกแสนเรียบง่ายแฝงด้วยกลิ่นอายสังหารอันไร้ก้นบึ้งพุ่งแทงไปทางอูลี่ทันที!
หอกนี้แทงทะลุหน้าอกทันที แม้แต่หัวใจก็ถูกแทงทะลุไปด้วย ใบหน้าของมันยังฉายความเหลือเชื่ออยู่เลย!
“มันผู้ใดบังอาจกล้าล่วงเกินลัทธิสยบฟ้าข้า ต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!”
ไป๋อวิ๋นจงยืนถือหอกอย่างองอาจ บัดนี้เขาดูดุดันน่าเกรงขามสุดขีด!
หลังจากที่ร่างของอูลี่ล้มลงพื้น เหล่าลูกศิษย์ที่อยู่รอบๆ ก็พากันส่งเสียงเฮ ท่านประมุขช่างน่าเกรงขามเหลือเกิน!
ต่อให้เ้าเป็ผู้าุโของสำนักดาบสะบั้นแล้วจะทำไม?
มันผู้ใดที่กล้าล่วงเกินลัทธิสยบฟ้าเรา จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!
วินาทีนี้ ลูกศิษย์ของลัทธิสยบฟ้าทั้งหมดถูกคำพูดของไป๋อวิ๋นจงปลุกเร้าจนซาบซึ้งยินดี ต่างก็คิดว่าการมาที่ลัทธิสยบฟ้าเป็เื่ที่ถูกต้องแล้ว การมีประมุขที่ดุดันน่าเกรงขามเช่นนี้ มีหรือที่ลัทธิเราจะไม่ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์?
“ท่านอาจารย์ แบบนี้...”
ปู้สิงที่มองดูอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้ว
“ไม่เป็ไร สำนักดาบสะบั้นตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจเื่เล็กๆ แบบนี้หรอก”
ไป๋อวิ๋นจงทำการสลายิญญาแท้หอกั์
ก่อนจะเดินจากไป เขาได้หันไปเผชิญหน้ากับฝูงชนพร้อมกับประกาศก้าว
“ครั้งนี้ ลูกศิษย์ระดับพิเศษของลัทธิเรา หลงอวี้ ได้ปกป้องคุ้มครองผู้าุโอวี้จนรอดชีวิตกลับมาได้ นับว่ามีผลงานใหญ่ จึงขอมอบสิทธิ์ในการฝึกในหุบเขาลัทธิเป็เวลาสามวัน และมอบโอสถชั้นยอด โอสถรวมิญญา ให้หนึ่งเม็ดเป็รางวัลตอบแทน!”
หลังพูดจบแล้ว ไป๋อวิ๋นจงก็เดินเข้าไปในตำหนักสยบฟ้า หายไปจากสายตาของผู้คนทั้งหมดในท้ายที่สุด
ผู้คนแทบทั้งหมดต่างก็มองไปทางหลงอวี้ด้วยแววตาอิจฉาสุดขีด ไม่เพียงแต่ได้สิทธิ์ในการฝึกในหุบเขาลัทธิถึงสามวันเท่านั้น แต่ยังได้โอสถชั้นยอดอย่างโอสถรวมิญญาเป็รางวัลด้วย!
โอสถรวมิญญา เป็โอสถที่ผู้ฝึกยุทธ์มากมายต่างก็ใฝ่ฝัน หลังจากกลืนโอสถรวมิญญาเข้าไปแล้ว มันจะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จในการสร้างิญญาแท้ให้สูงขึ้นมากกว่าเดิมถึงหนึ่งเท่า
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่พร์สูงไม่พอนั้น หากได้โอสถรวมิญญา บางทีอาจจะช่วยให้สร้างิญญาแท้ขึ้นและก้าวสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้ได้เลยทีเดียว!
“ไอ้หนุ่ม เป็อย่างไร พอใจไหม?”
อวี้สุ่ยอวิ๋นแย้มยิ้มบางๆ เอ่ยถามหลงอวี้
“ใช้ได้เลยขอรับ”
หลงอวี้ย่อมต้องรู้สึกพอใจกับรางวัลที่ได้อยู่แล้ว จึงพยักหน้ารับพร้อมด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมีโอสถรวมิญญา เขาก็จะสามารถสร้างิญญาแท้ได้เร็วขึ้น การสร้างิญญาแท้เพื่อก้าวขึ้นสู่ขอบเขติญญาแท้ยิ่งทำได้เร็วก็ยิ่งดี!
ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีก็จะถึง่เวลาสำคัญเกี่ยวกับความอยู่รอดของลัทธิสยบฟ้า นั่นก็คืองานประลองเจ็ดสำนัก
หลงอวี้พอจะรู้เกี่ยวกับสัญญาที่ไป๋อวิ๋นจงทำไว้กับประมุขลัทธิพันไหมและ ‘ท่านผู้นั้น’ อยู่บ้าง หากลัทธิพันไหมสามารถชนะลัทธิสยบฟ้าในงานประลองเจ็ดสำนักได้ เช่นนั้นไป๋อวิ๋นจงก็ต้องส่งมอบเคล็ดสยบฟ้าออกไป
แต่ในทางกลับกัน หากเราเป็ฝ่ายชนะ เราก็จะได้วิชาฝึกพลังของอีกฝ่ายมา!
นั่นก็หมายความว่า ประมุขลัทธิพันไหมกับ ‘ท่านผู้นั้น’ จะต้องมั่นใจว่าสามารถชนะได้อย่างแน่นอน
“ไม่รู้เหมือนกันว่า ลัทธิพันไหมไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะชนะลัทธิสยบฟ้าได้แน่นอน?”
หลงอวี้คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ!
แต่ไม่ว่าอย่างไร ใน่เวลาไม่ถึงครึ่งปีนี้เขาก็ต้องรีบยกระดับพลังให้ได้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเป็การตามหาบิดาของเขาหลงจ้ายเทียน การตามหามารดาของเขาเป่ยอวี้เหยา หรือการไขปริศนาของสัญลักษณ์ัปรภพ พลังล้วนเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
หลงอวี้จะปล่อยให้เวลาไหลผ่านไปอย่างเสียเปล่าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!
“ศิษย์น้องหลงอวี้ ยินดีกับเ้าด้วย”
เพียงไม่นาน ปู้สิงก็ได้นำโอสถรวมิญญามายื่นให้หลงอวี้
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ปู้”
หลงอวี้พยักหน้ารับขวดโอสถมา
ทันใดนั้น เขาก็ััได้ว่ามีคนกำลังเฝ้ามองดูเขาอยู่จากไม่ไกล จึงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ หันไปมองทางจุดที่ัั
เมื่อเขาหันไปมองก็พบว่าตรงขอบของตำหนักสยบฟ้า มีชายหนุ่มสองคนยืนจ้องเขม็งหลงอวี้ ท่าทางสบายๆ ราวกับกำลังพูดคุยกันอยู่
หนึ่งในนั้นเป็ชายหนุ่มสีหน้าเ็าในชุดสีขาว นั่นมันลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่สิบสาม หยางเทียนชั่วไม่ใช่หรือ
ชายหนุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กับหยางเทียนชั่วนั้น มีรูปร่างสูงใหญ่ สีหน้าดูอารมณ์ดี สายตาที่มองหลงอวี้ดูถูกดูแคลนอย่างเข้มข้น!
“นั่นคือลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับที่สี่ ต้วนมู่ฉงหลง ระดับิญญาแท้ ขีดสุดของขั้นที่หนึ่ง”
ปู้สิงหรี่ตาลง อธิบายให้หลงอวี้ฟัง
“อันดับสี่ ต้วนมู่ฉงหลง”
หลงอวี้พยักหน้ารับ รับรู้ฐานะของอีกฝ่าย
เขานึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้หยางเทียนชั่วเหมือนจะเคยเตือนเขาว่าอย่าเดินทางไปทีู่เาตระกูลหลิงเพื่อเข้าร่วมการชิงสมบัติ ทั้งยังพูดประมาณว่าถ้าไปแล้วอาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตได้
ดูท่าทางแล้วคนที่เ้าหยางเทียนชั่วคิดจะพึ่งพิงก็คือคนที่ชื่อต้วนมู่ฉงหลงนั่นสินะ?
ระดับิญญาแท้ขีดสุดของขั้นหนึ่ง ระดับพลังเช่นนี้ นับว่ามีสิทธิ์ทำตัวโอหังอวดดี
เพียงแต่เส้นสายของหลิงหานไม่น่าจะติดต่อกับต้วนมู่ฉงหลงได้
หรือว่า หลิงหานจะเชิญหยางเทียนชั่ว แต่หยางเทียนชั่วไปเชิญต้วนมู่ฉงหลงโดยพลการอีกที?
หลงอวี้ยังคาดเดาไม่ออก แต่อีกแค่ไม่กี่วันก็ได้เวลาเดินทางไปทีู่เาตระกูลหลิงแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นก็จะได้รู้เอง!
เขาถือโอสถรวมิญญาไว้ในมือ กล่าวลาอวี้สุ่ยอวิ๋น ปู้สิง ผู้เฒ่าขาวและเลี่ยวเล่อเล่อ จากนั้นก็หันหลังมุ่งหน้าสู่หุบเขาลัทธิทันที
หลังจากนี้ เขาจะฝึกฝนในหุบเขาลัทธิเป็เวลาสามวัน ลองดูว่าจะสามารถทะลวงขีดจำกัดไปได้ไหม
หลังจากออกจากหุบเขาก็จะได้เวลามุ่งหน้าไปทีู่เาตระกูลหลิงพอดี!
และหลังจากที่เขาเดินจากไป ในที่สุดหยางเทียนชั่วกับต้วนมู่ฉงหลงก็ดึงสายตากลับมา
“ศิษย์พี่ต้วนมู่ เมื่อครู่นี้มีข่าวลือมาว่าเ้าหลงอวี้มันถึงกับสามารถฆ่าผู้คุมกฎระดับิญญาแท้ได้ถึงสองคนด้วยฝีมือของมันคนเดียว”
หยางเทียนชั่วยืนอยู่ข้างต้วนมู่ฉงหลงอย่างนอบน้อม ในดวงตาได้ฉายแววสงสัยออกมา
“เ้าอย่าไปคิดมากเลย”
ต้วนมู่ฉงหลงกล่าวขึ้นเสียงเรียบ เผยแววตาดูถูก
“ขอบเขติญญาแท้ใช้ตัวตนที่วิถียุทธ์ขั้นเก้าฆ่าได้ที่ไหนกัน? ต่อให้เป็ความจริง ก็เป็เพราะมีอวี้สุ่ยอวิ๋นคอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ เท่านั้น!”
“ก็จริง แต่ว่า ศิษย์พี่ต้วนมู่ หากครั้งนี้มันเดินทางไปทีู่เาตระกูลหลิงเพื่อร่วมชิงสมบัติด้วย พวกเราควรจะ...”
หยางเทียนชั่วกลอกตาไปมา
“ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ในฐานะที่เป็ลูกศิษย์ร่วมลัทธิกัน ตามหลักแล้วก็ควรจะร่วมมือกันจัดการคนนอกถึงจะถูก”
ต้วนมู่ฉงหลงหรี่ตาลง ดวงตาปรากฏความกระหายการต่อสู้
“ข้าได้ยินว่า ข่าวเื่ที่บนูเาตระกูลหลิงจะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏขึ้นในไม่ช้า แม้แต่ตำหนักซ่อนอัคคีกับหอโฉมสะคราญต่างก็ได้ข่าวกันแล้ว มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยมุ่งหน้าไป คู่ต่อสู้ของพวกเรา หลักๆ คือยอดฝีมือจากตำหนักซ่อนอัคคีและหอโฉมสะคราญต่างหาก!”
“ศิษย์พี่ต้วนมู่ช่างมีสายตากว้างไกลจริงๆ ข้าหยางเทียนชั่วเทียบไม่ได้เลยจริงๆ ฮ่าฮ่า”
หยางเทียนชั่วส่งเสียงหัวเราะเยินยอ
“หากเ้าสามารถสร้างิญญาแท้ขึ้นได้ วิสัยทัศน์ของเ้าก็จะแตกต่างจากคนทั่วไป อย่างเช่น เ้าหลงอวี้นั่น”
ต้วนมู่ฉงหลงที่ถูกเยินยอค่อนข้างจะมีความสุขไม่น้อย กล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เ้าหนูนั่นไร้คนหนุนหลัง หากคิดจะไปร่วมชิงสมบัติทีู่เาตระกูลหลิงด้วย ต่อให้ข้าไม่ลงมือก็มีคนหมายเอาชีวิตมันอยู่แล้ว สุดท้ายก็คงไม่มีโอกาสได้สร้างิญญาแท้ขึ้นแล้วล่ะ!”
ความนัยของประโยคนี้คือ หยางเทียนชั่วเองก็มีแต่ต้องพึ่งพาเขาต้วนมู่ฉงหลงเท่านั้นถึงจะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ อีกทั้งยังมีโอกาสได้ผลประโยชน์บางอย่างด้วย!
หยางเทียนชั่วไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะเขารู้สึกว่าต้วนมู่ฉงหลงพูดได้ถูกต้อง
ข่าวลือเื่ที่จะมีสมบัติล้ำค่าปรากฏทีู่เาตระกูลหลิงนั้น มีแรงดึงดูดต่อเหล่ายอดฝีมือิญญาแท้เป็อย่างมาก หากสำนักลัทธิใหญ่อย่างตำหนักซ่อนอัคคีและหอโฉมสะคราญจะส่งคนไป พวกเขาก็ย่อมต้องส่งตัวตนระดับิญญาแท้ไปอยู่แล้ว
คนในวิถียุทธ์ขั้นเก้า หากคิดจะชิงสมบัติ ก็เป็ได้แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละ!
หลังจากที่หลงอวี้จากไป อวี้สุ่ยอวิ๋นก็ได้พาลูกศิษย์ของตัวเอง หลู่กวนิ เดินทางออกจากตำหนักสยบฟ้า
แม้จะกินยาแก้พิษเข้าไปแล้ว แต่อวี้สุ่ยอวิ๋นก็ยังต้องพักรักษาตัวไปสักระยะหนึ่งถึงจะสามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
ส่วนผู้เฒ่าขาวก็ได้พาเลี่ยวเล่อเล่อกลับไปที่หุบเขาสยบฟ้าด้วยเช่นกัน
การที่หลงอวี้หันหลังเดินจากไปนั้น แม้เลี่ยวเล่อเล่อจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับหลงอวี้ตอนนี้คือการฝึกฝน เขาไม่มีเวลาว่างมาคุยเรื่อยเปื่อยกับนางอยู่แล้ว
ปู้สิงมองดูหลงอวี้เดินจากไป จากนั้นก็แย้มยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะเดินจากไปเช่นกัน
หลงอวี้ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ตัวเขาเองก็เช่นกัน
ถ้าจะพูดเื่ความทุ่มเทพยายามในการฝึกฝน ปู้สิงไม่มีทางน้อยหน้าใครอย่างแน่นอน!
เหตุการณ์ที่สร้างความสั่นะเืไปทั่วทั้งลัทธิสยบฟ้าได้ยุติลงประการฉะนี้ หลังจากที่อู่เจี้ยนซินถูกขับไล่ไปแล้ว ทั่วทั้งลัทธิสยบฟ้าเองก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเช่นกัน
หุบเขาลัทธิตอนนี้ ไม่มีคนอย่างพวกอี้เหยียนมาวางท่ายึดครองแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว!
‘การฝึกในหุบเขาสามวัน ไม่รู้ว่าจะสามารถยกระดับจากมหาพลังสยบฟ้าเป็เขตแดนสยบฟ้าได้หรือเปล่า หากทำได้ ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งลงได้อย่างแน่นอน’
หลงอวี้คิดในใจ จากนั้นก็ก้าวเท้าเข้าไปในหุบเขาลัทธิที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์สยบฟ้าทันที!
