เช้ามืดของอีกวันเฉียวลู่ตื่นขึ้นมาด้วยตนเองอย่างอัตโนมัติ ความจริงนางอยากสั่งนาฬิกาพกสักเรือเพื่อนเอาไว้ดูเวลาแต่กลัวว่าถ้าถูกคนพบเห็นจะกลายเป็เื่ใหญ่เพราะครอบครัวของนางตอนนี้ยังไม่นับว่าจะสามารถมีสิ่งของที่มีค่าได้เลย หากมีคนคิดไม่ซื่ออยากได้ของของนางแล้วใส่ร้ายว่านางลักขโมย ต่อให้มีสิบปากด้วยสภาพของนางตอนนี้ย่อมแก้ตัวแล้วไม่มีใครเชื่อแน่
วัวเทียมเกวียนเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ววันนี้ออกไปเร็วกว่าเมื่อวานเพราะเฉียวลู่คิดว่าเมื่อพวกนางขายดีต้องมีคนอยากได้ที่ขายของพวกนางแน่ และก็เป็เื่จริงเมื่อเกวียนจอดที่หน้าทางเข้าอำเภอทุกคนช่วยกันขนของไปที่ที่พวกเขาขายเมื่อวานแต่ปรากฎว่ามีคนที่มาตั้งร้านก่อนหน้าแล้วและดูเหมือนพวกเขาก็ขายของย่างด้วยเช่นกัน
“นี่มันอะไรกันเนี่ยที่ตั้งเยอะแยะทำไมจะต้องเจาะจงเลือกมาตั้งที่ของพวกเราด้วย”
หลิวหงบ่นออกมาด้วยความหัวเสีย ถึงเสียงของนางจะดังจนทำให้ร้านขายปิ้งย่างร้านนั้นได้ยินแต่พวกเขาก็ทำเพียงถลึงตาใส่แต่ไม่ได้ปริปากตอบโต้กลับมา เฉียวลู่ดึงแขนนางเอาไว้แล้วส่ายหน้าเป็เชิงบอกว่าไม่ต้องไปพูดอีกแล้ว ที่ตลาดอำเภอเป่ยจิงไม่มีพื้นที่ให้เช่าที่กำหนดตายตัวเมื่อจ่ายค่าเช่าแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้เช่าว่ามาเร็วหรือช้า หากมาเร็วก็สามารถได้ที่ดีๆ มาช้าก็ได้ที่ห่างไกลซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มาเดินซื้อของก็ไม่ค่อยเดินจนสุดถนนจึงทำให้ขายไม่ดีเท่าที่ควร
“เราไปตั้งตรงนั้นก็ได้เ้าค่ะ”
เฉียวลู่ชี้ไปที่ว่างที่เยื้องตรงข้ามกับร้านขายปิ้งย่างร้านนั้น จากนั้นทุกคนก็ทำหน้าที่ของตน เมื่อฟ้าสว่างมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนเฉียวลู่ก็ให้เด็กๆ ไปช่วยหลิวหงขายกุ้งย่างนางและแม่เฒ่าหลี่ทำหน้าที่ย่างกุ้งอยู่หลังร้านส่วนจางหย่งทำหน้าที่ส่งกุ้งย่างหม่าล่าตามที่ต่างๆ ที่เขียนเอาไว้บนกระดาษ จางหย่งปฏิบัติตามที่เฉียวลู่สั่งอย่างเคร่งครัดคือให้ผู้ที่รับอาหารลงชื่อและประทับลายนิ้วมือว่าได้รับอาหารแล้ว
เป็ความรอบคอบของเฉียวลู่ที่ทำเช่นนี้เพราะภายหลังร้านปิ้งย่างที่มาตั้งตรงข้ามกับร้านของเฉียวลู่จะมีเหตุการณ์ที่ลูกค้าไม่ได้รับอาหารที่สั่งจองแต่ทางร้านบอกว่าส่งไปแล้วจนทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น
หลังจากที่จางหย่งกลับมาที่ร้านก็ยุ่งยิ่งนักเพราะลูกค้าต่างมายืนรอต่อแถวเพื่อซื้อกุ้งย่างหม่าล่ายาวเหยียดจนไปถึงหน้าร้านปิ้งย่างอีกร้าน
“นี่พี่ชายถ้าร้านนั้นรอนานท่านมาลองซื้อหมูปิ้งที่ร้านข้าไปทานรองท้องก่อนดีหรือไม่”
ชายที่อยู่หลังสุดหันไปมองพ่อค้าเคราดกคนนั้นที่ออกมายืนคุยกับเขาหน้าร้าน ชายคนนั้นมีท่าทางสนใจเล็กน้อย
“ร้านของเ้ามีน้ำจิ้มหม่าล่าเหมือนร้านนั้นหรือ”
พ่อค้าเคราดกนิ่งไป
“ไม่มี แต่ร้านของข้ามีน้ำจิ้มสูตรโบราณที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษหลายชั่วคน รับรองว่าอร่อยแน่นอนไม่เชื่อท่านลองซื้อไปทานดู”
ชายคนสุดท้ายหันไปมองหน้าเพื่อนที่มาด้วยกันจากนั้นจึงลองซื้อหมูปิ้งที่ร้านนั้นเพราะตอนนี้พวกเขาหิวมากไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของตน
ร้านปิ้งย่างร้านนั้นนำกระบอกไม้ไผ่มาตัดครึ่งเพื่อใส่อาหารเลียนแบบร้านกุ้งย่างของเฉียวลู่แต่กระบอกไม้ไผ่ของพวกเขาขาดความปราณีตเพราะไม่ได้เหลาปากกระบอกให้เรียบเนียนและไม่ได้ต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรคเหมือนที่เฉียวลู่ทำ ชายคนนั้นยังรู้สึกคาใจจึงยืนกินอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหนไกล หลังจากที่กัดเข้าไปคำแรกพวกเขาต้องวิ่งหาน้ำเป็พัลวัน เพราะมันทั้งเผ็ดทั้งเค็มทำให้ริมฝีปากพวกเขาบวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“นี่เ้าคิดที่จะฆ่าลูกค้าหรือไง ก่อนเอามาขายได้ชิมน้ำจิ้มของเ้ามาก่อนหรือไม่”
เขาตะคอกออกไปด้วยความโมโห เพราะเสียงที่ดังของชายคนนั้นจึงเรียกความสนใจของคนรอบข้างได้เป็อย่างดี
“เ้าพูดเื่เหลวไหลอะไรหมูปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณของข้าถึงไม่ต้องชิมข้าก็รู้ดีว่าย่อมต้องอร่อยแน่นอน ที่เ้าพูดเช่นนี้เป็เพราะเ้าคิดใส่ร้ายร้านของข้าเพราะถูกคนจ้างวานมาใช่หรือไม่”
ชายเคราดกพูดเสร็จก็หันไปมองร้านกุ้งย่างของเฉียวลู่ทันที เฉียวลู่ที่มัวแต่ยุ่งอยู่กับการย่างกุ้งจึงไม่รู้ว่าที่หน้าร้านมีเื่เกิดขึ้น
“จ้างวานอะไรเ้าเป็คนชวนข้ามาซื้อหมูปิ้งที่ร้านของเ้าเองข้าไม่ได้อยากมาซื้อเสียหน่อย เป็เ้าที่มาชวนข้าที่ยืนต่อแถวรอซื้อกุ้งย่างหม่าล่า ทำไม่อร่อยแล้วยังไม่ยอมรับอีกยังคิดมาใส่ความข้า ค้าขายไม่สุจริตเช่นนี้ไม่ควรมาขายของที่นี่”
ชายเคราดกไม่รู้ว่าจะเถียงชายคนนั้นต่อไปอย่างไรได้แต่พูดว่าเขาใส่ความตนเองและบอกว่าชายคนนั้นถูกคนจ้างวานมาก่อกวนร้านของเขา และเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครบุรุษทั้งสองจึงมีการวางมวยเกิดขึ้นทำให้ลูกค้าที่มาต่อแถวซื้อกุ้งย่างของเฉียวลู่ได้รับาเ็ไปด้วยหลายคน
เฉียวลู่เดินออกมาดูเห็นบุรุษสองคนกำลังโดนชายร่างใหญ่สี่คนทุบตีอยู่เฉียวลู่จึงหันไปถามหลิวหงจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางเดินเข้าไปจับบุรุษสี่คนโยนออกไปจากลูกค้าสองคนที่นอนตัวเขียวช้ำอยู่บนพื้น เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสกปรกและขาดวิ่นเหมือนกับพึ่งโดนรุมโทรมมาอย่างไรอย่างนั้น
“ขะ...ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”
เพราะเฉียวลู่ย่างกุ้งอยู่หลังร้านตลอดพวกเขาเลยไม่เคยเห็นหน้านาง เมื่อได้เห็นชัดๆ พวกเขาทั้งสองถึงกับตะลึงในความงามของเฉียวลู่จนลืมความเ็ปที่ได้รับมาจากมือและเท้าของเ้าของร้านปิ้งย่างและพวกก่อนหน้านี้
“พวกท่านไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก นี่ถือเป็การช่วยเหลือลูกค้าร้านกุ้งย่างหม่าล่าของข้าเช่นกัน”
เมื่อได้โอกาสเฉียวลู่ก็รีบเอาดีเข้าร้านทันที นางไม่รับคำขอบคุณจากพวกเขา แต่ที่นางทำเช่นนี้นางพยายามจะสื่อว่าเป็เพราะพวกเขาเป็ลูกค้าร้านกุ้งย่างของนาง
“เห็นหรือไม่พวกท่านดู นางจะต้องจ้างเ้าสองคนนี้มาก่อกวนร้านของข้าอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นนางจะมาช่วยพวกเขาทำไม”
เฉียวลู่เลิกคิ้วมองชายเคราดกด้วยความรำคาญนี่เขาเรียกว่าเถียงแบบข้างๆ คูๆ หรือไม่นะ
“ต่อให้ไม่ใช่เขาทั้งสองคนข้าก็ช่วยอยู่ดี ร้านของข้าไม่ตอบแทนลูกค้าด้วยมือและเท้าเหมือนเช่นร้านของเ้า อีกอย่างร้านข้ามีลูกค้าต่อแถวยาวไปจนถึงทางเข้าอำเภอเป่ยจิ่งเหตุใดข้าต้องเสียเวลาไปก่อกวนร้านปิ้งย่างที่ไร้ลูกค้าเช่นร้านของเ้า ข้าเอาเวลาที่เสียไปไปย่างกุ้งให้ทันขายไม่ดีกว่าหรือ พวกท่านว่าใช่หรือไม่”
ลูกค้าที่มายืนรอและคนที่มาซื้อของที่ตลาดต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเฉียวลู่
“พวกท่านทุกคนที่มาซื้อของที่นี่ทุกวันต่างก็เห็นว่าเมื่อวานข้าขายกุ้งย่างที่ตรงนั้นที่พวกเขาตั้งร้านและยังขายไม่ถึงหนึ่งชั่วยามพวกข้าก็เก็บของกลับแล้ว แต่วันนี้เรามาเร็วกว่าเมื่อวานเสียอีกถ้าหากว่าเ้าไม่โง่หรือตาบอดเ้าก็คงรู้ว่าเมื่อวานข้าขายกุ้งย่างตรงนั้น แต่พวกเ้าก็ยังจงใจมาตั้งร้านก่อนและยังมาขายปิ้งย่างเหมือนร้านข้าอีก เช่นนี้จะให้ข้าคิดอย่างไรใครกันแน่ที่้าก่อกวน ข้าเป็คนรักความสงบจึงไม่สนใจจะต่อว่าเ้า ตลาดแห่งนี้เป็ของพ่อค้าแม่ค้าทุกคนที่จ่ายค่าเช่า จะจองพื้นที่ขายตรงไหนก็ได้ทั้งนั้นนั่นเป็สิทธิ์ของคนที่มาก่อนและข้าก็ยอมรับกฎข้อนั้น แต่เ้ามาขายของที่นี่กลับทำร้ายลูกค้าที่มาใช้จ่ายซื้อของและอาจทำให้พวกข้าที่เป็คนค้าขายถูกมองไม่ดีไปด้วย”
ชายเคราดกส่งเสียงอึกอักเพราะไม่รู้จะโต้แย้งคำพูดของเฉียวลู่อย่างไร พ่อค้าแม่ค้าต่างรุมประณามบุรุษสี่คนที่ทำร้ายลูกค้าชายทั้งสองคน
“หุบปากข้าไม่สนพวกเขาผิดเองที่มาต่อว่าหมูปิ้งน้ำจิ้มสูตรโบราณของข้าว่าไม่อร่อยพวกเขาสองคนสมควรโดนแล้ว”
เฉียวลู่เดินไปที่โต๊ะวางหมูปิ้งของร้านปิ้งย่าง นางหยิบหนึ่งไม้ขึ้นมาให้ทุกคนดู
“ถ้าหากเป็ข้าข้าจะยอมรับการติท้วงนั้น ดีเสียอีกที่มีคนกินอาหารของข้าแล้วติชมข้าจะได้นำมันมาปรับปรุงรสชาติอาหารของข้าให้ดียิ่งกว่าเดิม แต่เ้าเป็คนขายอาหารกลับทำร้ายคนเช่นนี้ข้าว่าเ้าน่าจะไปเป็ผู้คุมนักโทษในคุกใต้ดินดีกว่ามาทำอาหารนะชอบใช้กำลังขนาดนี้”
เมื่อเฉียวลู่พูดจบคนที่มามุงดูต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ชายเคราดกพุ่งตัวเข้าหาเฉียวลู่อย่างหมดความอดทน
“ปากดีนักนะเป็เพียงสตรีตัวแค่นี้ข้าบีบเ้าทีเดียวก็ตายคามือข้าแล้ว”
จางหย่งที่อยู่ในเหตุการณ์รีบเข้ามาช่วยเฉียวลู่ทันทีเมื่อเขาเห็นชายเคราดกพุ่งเข้าหานาง
“อาลู่ระวัง!!!”
เฉียวลู่ใช้ฝ่ามือผลักจ่างหย่งออกเบาๆ จากนั้นจึงใช้ฝ่าเท้ายันชายเคราดกเต็มแรง ร่างใหญ่ของเขาที่สูงกว่าเฉียวลู่ถึงสองศีรษะลอยละลิ่วไปไกล
“พี่ใหญ่!!!”
บุรุษสามคนรีบวิ่งไปช่วยชายเคราดกที่นอนแอ้งแม้งขาชี้ฟ้าสลบเหมือดไปแล้ว ที่หน้าอกของเขายังมีรอยเท้าของเฉียวลู่ประทับอยู่
“เ้า!!! หญิงแพศยากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายพี่ใหญ่ของข้า”
บุรุษชุดดำสวมหน้ากากสีดำครึ่งหน้าแลดูลึกลับด้านหลังของเขามีผู้ติดตามสองคนยืนอยู่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นั้แ่ต้นจนจบอยู่บนเหลาอาหารจีหม่านโหรว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ขยับตัวหรือเอ่ยสิ่งใดคล้ายกำลังมองเื่ราวของคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่กำปั้นที่อยู่ในแขนเสื้อของเขากำเข้าหากันแน่นจนเปียกเพราะชื้นเหงื่อ เป็นางจริงหรือเหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนไปมากเพียงนี้ ใกล้กันมีเด็กชายฝาแฝดที่อายุราวสามสี่ขวบยืนอยู่สายตาของพวกเขากำลังมองนางด้วยความเป็ห่วง บุรุษหน้ากากดำมองเด็กทั้งสองคนอย่างไม่กะพริบตา
“รนหาที่จริงๆ”
บุรุษร่างใหญ่ทั้งสามคนคำรามเสียงดังพร้อมวิ่งตรงมาที่เฉียวลู่พร้อมกัน เฉียวลู่ทั้งเตะทั้งต่อยบุรุษสามคนจนเหงื่อท่วมตัว เมื่อนางหยุดมือพวกเขาก็ลงไปนอนกลิ้งคลุกฝุ่นเรียบร้อยแล้ว นางลากคนทั้งสี่ออกไปทิ้งไว้ที่หน้าตลาด ก่อนเดินออกมานางยังพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย
“ครั้งนี้ถือว่าพวกเ้าโชคดีที่ข้าอารมณ์ดี ถ้าหากว่ากล้ามาก่อกวนที่ร้านของข้าอีกครั้งข้าจะตามไปที่บ้านของพวกเ้า รับรองว่าตอนที่พวกเ้าตายไปพวกเ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฉียวลู่พูดเบาๆ กับชายทั้งสี่ไม่ให้ใครได้ยิน บุรุษทั้งสี่เห็นแววตาของเฉียวลู่ที่ดูเหมือนพวกฆาตกรโรคจิตพวกเขาต่างตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ใครจะไปรู้ว่าสตรีตัวเล็กๆ จะสามารถทุบตีบุรุษสี่คนที่ตัวใหญ่กว่านางถึงเท่าตัวจนเละเช่นนี้ ก่อนเฉียวลู่ผละจากมานางมองขึ้นไปบนเหลาอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าอำเภอเป่ยจิง เพราะนางรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังมองมาที่นาง
ดวงตาดำขลับแต่ดูลึกลับคู่นั้นประสานสายตากับเฉียวลู่ นางไม่นึกเกรงกลัวสายตาของเขาที่กำลังมองมาสักนิดเมื่อเขาไม่หลบสายตาจากนาง นางก็ไม่คิดหลบเช่นกันคนทั้งสองประสานสายตากันอยู่อย่างนั้นจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แรงเขย่าเบาๆ ที่ชายเสื้อของนางทำให้เฉียวลู่ละสายตาจากเขาแล้วหันกลับมามองข้างตัว อวี้หลงและอวี้ชิงมาตามเฉียวลู่เพราะไม่เห็นนางกลับมาที่ร้านเสียทีเด็กชายทั้งสองจึงนึกเป็ห่วง
“มาตามแม่หรือจ๊ะเ้าก้อนน้อยทั้งสอง ไปเถอะเราไปขายกุ้งย่างต่อกันเถอะ”
อวี้หลงกับอวี้ชิงที่ตอนนี้ทั้งขาวทั้งอ้วนเพราะการขุนด้วยอาหารหลากชนิดของเฉียวลู่รวมทั้งนมอัดเม็ดวิตามินต่างๆ สำหรับเด็กที่นางสั่งมาจากในสมุดบันทึกให้พวกเขาได้กิน บุรุษทั้งสี่ที่เห็นความอ่อนโยนออกมาจากสายตาของเฉียวลู่ต่างก็ตกตะลึงนี่ ยังใช่สตรีผู้นั้นที่ทุบตีพวกเขาก่อนหน้านี้อยู่หรือไม่ เมื่อครู่นางยังใช้สายตาของฆาตกรจัดการพวกเขาตอนนี้นางกลับเปลี่ยนไปเป็สตรีที่อ่อนโยนเมื่อพูดคุยกับเด็กชายทั้งสอง นางเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็วช่างเป็สตรีที่น่ากลัวจริงๆ พวกเขาไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว
บุรุษทั้งสี่รีบลากสังขารที่บอบช้ำของตนกลับไปที่ร้านหมูปิ้งแล้วรีบเก็บของจากไปทันที เฉียวลู่ไม่รู้ความคิดของพวกเขานางกลับมาย่างกุ้งช่วยแม่เฒ่าหลี่อีกครั้ง ไม่นานจากนั้นกุ้งย่างหนึ่งร้อยห้าสิบจินก็ขายหมดเกลี้ยงและยังได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้าอีกห้าสิบชุด
