ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน และจุดอ่อนของผู้าุโเว่ยก็คือเหมยอี่เหลียนกับคณะงิ้วสกุลเหมย
เพื่อปกป้องพวกนางแล้ว เขาจำเป็ต้องทำเช่นนี้
แต่ดูเหมือนเหมยอี่เหลียนจะไม่เข้าใจ ทั้งยังจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกร้าว “ไหนท่านปู่รับปากว่าจะรักษาเขาอย่างไรเล่า?”
ผู้าุโเว่ยย้อนเสียงต่ำ “ให้รักษาน่ะได้ แต่มิใช่อาการาเ็จากพิษฝ่ามือน้ำแข็งเช่นนั้น!”
หนีเจียเอ๋อร์ตาแดงก่ำ ประหนึ่งจะร้องไห้
โจวชิงหวาจะต้องตายจริงๆ หรือ?
เมื่อวานนี้ พิษฝ่ามือน้ำแข็งกำเริบถึงสามครา และโจวชิงหวาก็มีอาการร่อแร่เจียนตายทุกครั้ง
หากผู้าุโเว่ยยืนกรานว่าจะไม่ช่วยรักษา นางคงต้องพาเขาออกจากคณะงิ้วไปทันที เพราะตอนนี้ยังมีเวลา
เพราะหญิงสาวเชื่อว่าที่ด้านนอกนั่น จะต้องมีใครสักคนที่สามารถรักษาโจวชิงหวาได้
...
สามวันผ่านไป
คาดว่ายามนี้ จดหมายคงจะไปถึงมือต้วนอวิ๋นหลานแล้ว!
ด้วยความร้อนใจ พอเสร็จธุระภายในเรือน หนีเจียเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไปสวมชุดบุรุษ แล้วออกจากจวนทันที
หาก้าข่าวสารที่รวดเร็ว ย่อมต้องไปที่โรงเตี๊ยม หรือไม่ก็หอโคมเขียว...
เมื่อมาถึง หนีเจียเอ๋อร์ก็ได้ยินข่าวใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับตนเองและโจวชิงหวา
“นี่... พวกเ้าได้ยินเื่นั้นหรือยัง? ข้าได้ยินว่าเว่ยฉีหรานมาที่เมืองของเรา เพื่อร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของจวิ้นโส่ว เห็นว่าเขาจ้างคณะงิ้วสกุลเหมยที่มีชื่อเสียงมาแสดงในงานด้วย”
“แค่มาร่วมงานวันเกิด ไฉนจะต้องขนคนมามากมายปานนั้นเล่า? ข้ากลับได้ยินมาว่า เขามาที่นี่เพื่อจับกุมใครบางคน!”
“จับกุม? จับกุมใคร? ยังจะมีผู้ใดหนีพ้นเงื้อมมือของเว่ยฉีหรานไปได้อีก!”
“ข้าได้ยินมาว่า เป็บุรุษสองคนที่ลอบแฝงตัวเข้าไปในสำนักฝูเซิง เมื่อถูกจับได้ พวกมันก็ต่อสู้กับใต้เท้าเว่ยจนได้รับาเ็ และหนีตายมาที่เมืองจี้ของเรา!”
“จุๆ! การหลบหนีจากเงื้อมมือของเว่ยฉีหรานนั้นหาใช่เื่ง่าย พวกเขาจะเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งนี้ไปได้หรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์คร้านที่จะฟังต่อ จึงสะบัดพัดเดินออกมา
...
เมื่อกลับมาถึง หนีเจียเอ๋อร์ก็เดินตรงไปยังห้องฝึก เพื่อพบเหมยอี่เหลียน
แต่ไม่คาดคิด ว่าตาเฒ่าเว่ยผู้แสนดื้อรั้นจะอยู่ที่นั่นด้วย
ตอนนี้ เหมยอี่เหลียนกำลังฝึกผ่อนลมหายใจเข้าออก เมื่อรู้ว่าหนีเจียเอ๋อร์มาหา นางจึงหยุดชั่วคราว แล้ววิ่งมาหาทันที “อาหนี เ้า้าพบข้าหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์สะบัดหน้าหนีผู้าุโเว่ย แล้วหันไปพูดกับเหมยอี่เหลียน “พี่เหมย ข้าได้ยินคนเขาพูดกัน ว่าคณะของท่านจะถูกเชิญไปแสดงในงานวันเกิดของจวิ้นโส่วหรือเ้าคะ?”
เหมยอี่เหลียนและผู้าุโเว่ย ลอบมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ ก่อนแสร้งทำเป็ไม่มีอันใดเกิดขึ้น
แต่ท่าทีเหล่านี้ ก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของหนีเจียเอ๋อร์ได้
โชคดีนัก ที่วันนี้นางออกไปข้างนอก มิฉะนั้น คงพลาดโอกาสที่จะชิงยาแก้พิษ
“ข้าได้ยินว่า เว่ยฉีหรานจะมาที่จวนจวิ้นโส่วด้วยตัวเองเลย ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
ผู้าุโเว่ยตอบ “ใช่! แล้วเ้าจะทำไม?”
เขาลุกขึ้น เดินไปหาหนีเจียเอ๋อร์เพื่อเตือนสติ “ล้มเลิกความคิดเสีย ข้าไม่ยอมให้เ้าไปด้วยแน่!”
หนีเจียเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาแน่วแน่ “แต่ข้าต้องไป! พวกท่านวางใจได้ ข้าจะไม่ให้คณะงิ้วสกุลเหมยต้องพลอยมาติดร่างแหไปด้วยเป็แน่”
“จะไม่ดึงพวกเราไปเกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ? หึ! เ้าไม่รู้หรือว่าเว่ยฉีหรานเป็คนเช่นไร? หากเขามีเหตุผล พวกข้าคงไม่...” ผู้าุโเว่ยหยุดชะงัก เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถึง พลางตวัดสายตาไปมองหนีเจียเอ๋อร์
“หากเ้าคิดจะทำให้คณะงิ้วสกุลเหมยต้องเดือดร้อนละก็ ข้าจะไล่พวกเ้าออกไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่เชื่อก็ลองดู!”
หนีเจียเอ๋อร์มิได้ตอบโต้ เพราะเกรงว่าหากต่อล้อต่อเถียงไป จะทำให้พวกเขาต้องโดนไล่ออกจากจวน นางจึงหันไปมองเหมยอี่เหลียน ราวกับอีกฝ่ายเป็ที่พึ่งสุดท้าย
เพราะตอนนี้ หญิงสาวไร้ซึ่งหนทาง ไม่รู้จะหันไปหาใครแล้วจริงๆ...
เพื่อมิให้ผู้าุโเว่ยโมโหมากขึ้น เหมยอี่เหลียนจึงดึงหนีเจียเอ๋อร์ออกไปคุยข้างนอก
ทันทีที่พ้นขอบประตู หนีเจียเอ๋อร์ก็เอ่ยปากวิงวอนทันที “พี่เหมย นี่เป็โอกาสเดียวที่ข้าจะนำยาถอนพิษมารักษาพี่ชายได้ โปรดช่วยข้าด้วย ข้าสัญญาว่าจะมิให้เว่ยฉีหรานล่วงรู้ ว่าพวกเรามาอาศัยอยู่กับท่าน!”
เหมยอี่เหลียนขมวดคิ้วแน่น ก่อนกล่าวเสียงเบา “ข้ารู้ว่าพิษนี้ร้ายแรงมาก แต่เ้าต้องไตร่ตรองให้ดี ว่าทำเช่นนี้แล้วจะได้ยาถอนพิษจากเว่ยฉีหรานมาจริงๆ หรือ? การที่เ้าบุกไปหาเขา ไม่ต่างอันใดกับการส่งเนื้อเข้าปากเสือ หากเกิดอะไรขึ้น ใครเล่าจะดูแลพี่ชายเ้า!”
หนีเจียเอ๋อร์ขบกรามแน่น “แล้วพี่เหมยจะให้ข้าปล่อยพี่ชายให้ทนทรมานเช่นนี้หรือ? เขาต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะข้ามานับครั้งไม่ถ้วน นี่เป็โอกาสเดียวที่ข้าจะสามารถช่วยเขาได้ ท่านคิดว่าข้าควรจะยอมแพ้ไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?”
เหมยอี่เหลียนนิ่งงัน
หลังจากเงียบไปสักพัก นางก็เอ่ยเสียงเศร้า “ยอมแพ้เถอะ เ้าช่วยเขาไม่ได้หรอก!”
จากนั้น ก็ตบไหล่หญิงสาวเป็การปลอบใจ ก่อนเดินกลับเข้าไปฝึกซ้อมต่อ
หนีเจียเอ๋อร์มองตามหลังไป พลางกำหมัดแน่น...
ไม่... นางจะไม่มีวันถอดใจง่ายๆ แน่!
ทว่า หญิงสาวมิได้บอกเื่นี้ให้โจวชิงหวาทราบ
...
และแล้ว วันจัดงานเลี้ยงก็มาถึง
คนของคณะงิ้ว เริ่มแต่งองค์ทรงเครื่องกันั้แ่เช้า
ซึ่งเหมยอี่เหลียนก็แวะมาหาหนีเจียเอ๋อร์ั้แ่เช้าเช่นกัน เพื่อนำชามาให้ดื่ม ทั้งยังมอบขนมให้ด้วยท่าทีกระตือรือร้น ก่อนกำชับให้นางพักผ่อนอยู่กับเรือน
รอยยิ้มฝืดฝืนที่ได้รับกลับมา ทำให้เหมยอี่เหลียนหัวใจกระตุกพิกล ด้วยเชื่อว่าเพื่ออาหวาผู้เป็พี่ชายแล้ว อาหนีจะต้องคิดการบางอย่างอยู่เป็แน่...
หลังจากทั้งสองดื่มชาและพูดคุยกันไปสักพัก หนีเจียเอ๋อร์ก็ยกมือขึ้นประคองศีรษะตัวเอง “พี่เหมย ข้าปวดหัว...” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ล้มฟุบลงไปกับโต๊ะ
เหมยอี่เหลียนเรียกนางสองสามครั้ง เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดสติ จึงสั่งให้ศิษย์คนอื่นๆ มาพาตัวหนีเจียเอ๋อร์ไปพักผ่อนที่ห้องนอน
…
พอคล้อยหลังบุรุษทั้งสอง หนีเจียเอ๋อร์ก็ลืมตาขึ้น ก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างคล่องแคล่ว แล้วเดินไปหยิบยาพิษที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชัก มาชโลมลงบนมีดสั้นของตน จากนั้นก็เก็บไว้ในแขนเสื้อ
เมื่อตระเตรียมทุกอย่างเสร็จ หญิงสาวจึงลอบติดตามคณะงิ้วสกุลเหมยไปยังจวนจวิ้นโส่วอย่างเงียบๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้