เมื่อหญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยและอีกสามคนได้ยินเสียงที่น่าเกรงขามนั่นต่างก็ตะลึงงัน แม้เสียงนั้นจะไม่มีความกดดัน แต่กลับทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจากจิติญญา เพียงแค่เสียงก็ทำให้พวกเขายอมศิโรราบได้แล้ว
“เรียนผู้าุโ เย่เฟิงศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนสังหารศิษย์ของพวกเราทั้งสี่ พวกเราสี่คนจึงมาตามหาเย่เฟิงที่นี่” ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้กับเสียงนั้น และน้ำเสียงยังเปลี่ยนไปสุภาพขึ้น
เื่มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าผู้พูดก็คือผู้าุโที่เพิ่งเปิดร่างเจตจำนง?
เมิ่งยวี่ฉิงและเหยาซินเอ๋อร์ที่สังเกตการณ์อยู่ข้าง ๆ ต่างก็ประหลาดใจ ความหยิ่งผยองที่มีก่อนหน้านี้ก็มลายไปเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาเป็การดำรงอยู่ที่ทรงพลัง พวกนางดูิ่อาณาจักรเล็ก ๆ นี่มาตลอด แต่ไม่นึกว่าจะมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ด้วย นี่ทำให้สองสาวยากที่จะยอมรับภายในเวลาอันสั้นได้
“การแข่งขันระหว่างคนรุ่นเยาว์เป็ไปอย่างยุติธรรม ศิษย์ของพวกเ้ากองกำลังทั้งสี่ไร้ความสามารถ จึงถูกเย่เฟิงฆ่าตาย ทำได้เพียงโทษพวกเขาก็เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าพวกเ้าที่เป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจะมาก่อปัญหาถึงสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า ซ้ำยังทำร้ายผู้พิทักษ์ของสำนักข้าอีก ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”
จู่ ๆ เสียงนั้นเปลี่ยนไปเย็นะเืแฝงด้วยความแข็งกร้าว ทำให้ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยและอีกสามคนต้องใจเต้นโครมคราม การกระทำของพวกเขาทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาโมโหแล้ว
“หากบิดาใช้วิธีของพวกเ้าเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้ผู้พิทักษ์สำนักยุทธ์ข้า ป่านนี้พวกเ้าคงตายไปนานแล้ว!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งแต่แฝงด้วยความอาฆาต ทำให้สี่คนนั้นต้องเหงื่อแตกพลั่ก
แม้พวกเขาจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ มีฐานะพิเศษในกองกำลังของตน แต่เมื่อต่อหน้าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา ฐานะของพวกเขาไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา้าฆ่าพวกเขาก็เหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังเปิดร่างเจตจำนงอีก เื่นี้มีไม่กี่คนในจักรวรรดิจิ่วโยวที่ทำได้ แม้กระทั่งเ้าสำนักของพวกเขาสี่กองกำลังก็ยังไม่มีโอกาสเปิดร่างเจตจำนง ดังนั้นกองกำลังของพวกเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งผลึกเจตจำนงแรกเริ่ม เพื่อให้เ้าสำนักของพวกเขาไว้ใช้เปิดร่างเจตจำนง
เ้าของเสียงนี้เปิดร่างเจตจำนงได้ นั่นหมายความว่าศักยภาพของคนผู้นี้อยู่เหนือกว่าเ้าสำนักของพวกเขาทั้งสี่กองกำลัง เช่นนั้นแม้ตอนนี้อีกฝ่ายจะฆ่าพวกเขาที่นี่ เ้าสำนักของพวกเขาก็ไม่มีทางล่วงเกินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาที่เปิดร่างเจตจำนงเพียงเพราะเื่นี้
“ผู้น้อยมิบังอาจ!” เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนได้ยินเสียงนั้นต่างก็โค้งตัวคำนับ พร้อมเผยสีหน้าหวาดผวา
ศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่อยู่ด้านล่างเห็นฉากนี้ต่างก็แสดงท่าทีดีใจ ทั้งยังมองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่ด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “ไม่นึกเลยว่าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าจะมีผู้แข็งแกร่งระดับาาซ่อนตัวอยู่ด้วย รากฐานช่างล้ำลึกยิ่งนัก”
ไกลออกไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะแห่งอาณาจักรจ้าวสามคนนั้นต่างก็ตะลึงงันเช่นกัน พวกเขาอาศัยอยู่ในอาณาจักรจ้าวมานานร้อยปี แต่ยังไม่เคยได้ยินการมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา นี่ทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ผู้น้อยสี่คนไม่มีเจตนารบกวนผู้าุโ หวังว่าท่านจะไม่ถือสา เช่นนั้นพวกเราขอตัวลา” หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวพร้อมโค้งตัวคำนับ ทั้งที่ดวงตาฉายแววไม่เต็มใจ แต่อีกฝ่ายมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองกองกำลัง แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรได้?
“มาก่อปัญหาที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าอย่างเอิกเกริก ทำร้ายผู้พิทักษ์ของสำนักข้า แต่คิดจะไปง่าย ๆ เช่นนี้น่ะหรือ พวกเ้าเห็นบิดาเป็คนโง่เขลาหรือไง?”
ทว่าไม่รอให้พวกหญิงชราตอบสนอง เสียงนั้นก็ดังออกมาอีกครั้ง ทั้งยังแฝงด้วยความเย็นะเื
“ผู้น้อยมิบังอาจ ไม่ทราบว่าผู้าุโจะจัดการพวกเราอย่างไร?” หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยเอ่ยถามเสียงนั้น
“เห็นแก่พวกเ้าที่มาจากกองกำลังใหญ่แห่งจักรวรรดิจิ่วโยวและกระทำผิดครั้งแรก บิดาจะไม่ทำให้พวกเ้าลำบาก แต่ต้องทิ้งแหวนมิติของพวกเ้าไว้ที่นี่เพื่อชดใช้ที่ทำร้ายผู้พิทักษ์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า พวกเ้าถึงจะไปจากที่นี่ได้” เสียงนั้นกล่าวอีกครั้งด้วยความเกรงขาม
ฝูงชนด้านล่างต่างตกตะลึง การที่ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนทิ้งแหวนมิติไว้ที่นี่ ดูเหมือนจะมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาถึงจะทำเช่นนี้ได้ แม้แต่เมิ่งยวี่ฉิงและเหยาซินเอ๋อร์ยังตัวสั่นสะท้าน ภาพฉากตรงหน้าช่างแตกต่างกับสิ่งที่พวกนางคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนได้ยินคำขอของเสียงนั้นต่างก็ตึงเครียด ก่อนจะเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา อีกฝ่าย้าให้พวกเขาทิ้งแหวนมิติไว้ที่นี่ ซึ่งในแหวนมิติเต็มไปด้วยสมบัติของพวกเขา แม้พวกเขาจะเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ มีฐานะสูงส่ง แต่เมื่อคิดว่าตนเองจะสูญเสียแหวนมิติไปก็อดเ็ปใจไม่ได้
“เราควรทำอย่างไรกันดี? จะส่งแหวนมิติให้จริง ๆ หรือ?” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากสำนักเชียนสุ่ยส่งเสียงผ่านจิตไปหาอีกสามคน
“ไม่งั้นเ้าคิดจะทำอย่างไร? คิดจะต่อต้านอีกฝ่ายงั้นหรือ? อีกฝ่ายเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาและผู้เปิดร่างเจตจำนง เขาสามารถฆ่าพวกเราได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ เ้าต้องคิดทบทวนให้ดี ๆ” ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยส่งเสียงผ่านจิตตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงไร้ทางเลือก แต่เขาแยกแยะได้ว่าทรัพย์สมบัติหรือชีวิตของตนอันไหนสำคัญกว่ากัน
ทั้งสี่คนสื่อสารผ่านจิต จนกระทั่งตัดสินใจส่งมอบแหวนมิติ นั่นก็เพื่อรักษาชีวิตของตนเอง
“วูบ ๆ ๆ ๆ!” พลันสี่เสียงประหลาดดังขึ้น นาทีต่อมาเห็นแหวนมิติสี่วงลอยออกจากฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คน ก่อนจะลอยไปยังทิศทางที่เสียงนั้นอยู่ ฉากนี้ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเผยสีหน้ากระจ่าง
สี่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะมาเยือนสำนักยุทธ์เทียนเสวียนด้วยท่าทีประหนึ่งเทพเ้าผู้ครองโลก ทว่าบัดนี้การปรากฏตัวของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา ทำให้สี่คนนี้ทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนขึ้นมาทันใด
“ผู้าุโ พวกเราส่งมอบแหวนมิติแล้ว ต่อไปจะไม่มารบกวนท่านอีก ไม่ทราบว่าตอนนี้สามารถไปได้หรือยัง?” ชายชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าวพร้อมโค้งตัวคำนับ
“เห็นแก่พวกเ้าที่รู้ผิดชอบชั่วดี บิดาจะไม่ทำให้พวกเ้าลำบาก แต่หากมีครั้งต่อไป บิดาจะไม่อภัยให้เด็ดขาด ไปได้แล้ว!” เสียงนั้นดังออกมาอีกครั้ง
“ขอบพระคุณในความเมตตาของผู้าุโ พวกเราขอตัวลา!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนโค้งตัวคำนับให้กับเสียงนั้น จากนั้นทะยานออกไปจากที่นี่โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก
ส่วนเมิ่งยวี่ฉิงและเหยาซินเอ๋อร์ก็ตามผู้าุโของกองกำลังตนออกไปเช่นกัน เมื่อประสบสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ นับจากนี้ไปหญิงทั้งสองจะไม่กล้าดูแคลนอาณาจักรจ้าวนี่แม้แต่นิดเดียว
“ไปแล้ว!” ศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่อยู่ด้านล่างเห็นฉากนี้ต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสี่คนแล้วอย่างไรเล่า? สุดท้ายก็หนีไปด้วยสภาพน่าเวทนา ทั้งยังสูญเสียแหวนมิติอีกด้วย
โลกใบนี้มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะควบคุมทุกอย่างได้ รวมทั้งชะตากรรมของผู้อื่น
อย่างไรก็ตามฉินเจิ้นถิงไม่เข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปรากฏตัวออกมาได้อย่างไร หรือาาเสวียนจะฟื้นคืนชีพแล้ว? แต่เขารู้ดีว่าเื่นี้ไม่มีทางเป็ไปได้ จากนั้นเขาสลัดความคิดนี้ทิ้งไป ขณะนั้นร่างเฒ่าจิงร่วงลงมา ซึ่งเฒ่าจิงทนรับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดถึงเก้าครั้งติดต่อกัน ทำให้ได้รับาเ็สาหัส การที่อดทนมาถึงตอนนี้ได้ล้วนพึ่งพาจิตใจที่แน่วแน่ทั้งนั้น
จากนั้นฉินเจิ้นถิงรุดไปรับร่างเฒ่าจิง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ ท่านเป็อย่างไรบ้าง?”
“ยังไม่ตาย แต่เกรงว่าจะเหลือเวลาอีกไม่มาก” เฒ่าจิงกล่าวเสียงเบาพร้อมกับสีหน้าขาวซีด เมื่อฉินเจิ้นถิงได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าอึมครึมทันที จากนั้นเขาพาร่างเฒ่าจิงไปยังหอสมุนไพริญญาด้วยความกระวนกระวายใจ ซึ่งที่นั่นคือหน่วยพิเศษที่ก่อตั้งในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่ไว้สำหรับรักษาโดยเฉพาะ
“ไม่คิดว่าในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะมีปีศาจเฒ่าระดับาาโผล่ออกมา เห็นทีองค์ชายใหญ่จะกำจัดไม่ได้แล้ว” หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสามคนที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไปกล่าวขึ้น
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะราชวงศ์กล่าว
“หมายความเช่นไร?” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะอีกสองคนได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พวกเราได้ยินเพียงเสียง แต่กลับไม่เห็นตัวคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาคือการดำรงอยู่ระดับใดกัน? หากในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองอยู่จริง ๆ จะปล่อยสี่คนนั้นไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะราชวงศ์กล่าววิเคราะห์ จากนั้นพูดต่อไปว่า “พูดไปพูดมา หากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองอยู่จริง เช่นนั้นอำนาจของอาณาจักรจ้าวคงเปลี่ยนมือไปนานแล้ว จะปล่อยให้ราชวงศ์กดขี่ข่มเหงเช่นนี้ได้อย่างไร?”
“พูดมาก็มีเหตุผล แต่ถ้าคนนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา แล้วเมฆเจตจำนงที่ปรากฏเมื่อครู่นี้จะอธิบายอย่างไร? หรือเมฆเจตจำนงจะเป็ของปลอม?” หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะกล่าวด้วยความไม่เข้าใจ
“มีความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียว ตบะของผู้เปิดร่างเจตจำนงยังไม่ถึงขั้นาา แต่เขาเพียงแค่เล่นละครตบตาสี่คนนั้น” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะราชวงศ์กล่าววิเคราะห์ พวกเขาล้วนเป็ปีศาจเฒ่าที่อยู่มาร้อยปีก็ย่อมฉลาดหลักแหลม การวิเคราะห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทัดเทียม
“มีสิ่งหนึ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองจริงหรือไม่” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะคนหนึ่งกล่าวพร้อมดวงตาเผยประกายคมกริบ
“วิธีอะไร?” อีกสองคนเอ่ยถาม
“เวลา” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะตอบกลับ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เื่นี้ต้องใช้เวลาพิสูจน์ พวกเราให้เวลาอีกหนึ่งเดือน หากไม่ว่าเื่ใดเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในหนึ่งเดือน กระทั่งสร้างปัญหาให้กับราชวงศ์จ้าว นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครองอยู่จริง กลับกันหากอีกฝ่ายระวังตัวไม่เคลื่อนไหวเอิกเกริก เช่นนั้นก็เป็เื่เท็จ”
“พูดจามีเหตุผล หาก้ารู้คำตอบ เวลาคือตัวพิสูจน์ที่ดีที่สุด” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะราชวงศ์กล่าวเห็นด้วยกับอีกฝ่าย อีกคนก็เห็นด้วยเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาสามคนยังคงสงสัยเื่ปรากฏการณ์เมฆเจตจำนง
บนท้องฟ้าไกลจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนหลายร้อยลี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนหยุดการเคลื่อนไหว ซึ่งแต่ละคนยังดูใไม่หาย การที่รอดจากเงื้อมมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาามาได้ พวกเขารู้สึกโชคดียิ่งนัก
“เกือบไปแล้ว! ไม่คิดว่ากองกำลังในดินแดนไร้อารยธรรมเช่นนี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาปกครอง ครั้งนี้พวกเรารอดชีวิตมาได้ถือว่าโชคดี” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากหมู่บ้านหานเสวี่ยกล่าว โดยที่เขาจำเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่ลืม
“ใช่! เกือบไปแล้ว หากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา้าฆ่าพวกเรา ต่อให้พวกเราสี่คนผลึกกำลังก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย มีแต่จะถูกอีกฝ่ายฆ่าตาย” หญิงชรากล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวา
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาท่านนั้นเพิ่งเปิดร่างเจตจำนง น่าจะยังไม่สะดวกลงมือจัดการพวกเรา ต่อไปพวกเราห้ามไปยั่วยุอีกเด็ดขาด หาไม่แล้วมีเพียงความตายเท่านั้นก็รออยู่” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากสำนักเชียนสุ่ยกล่าวด้วยความหวาดกลัว
“ข้าเดาว่าผลึกเจตจำนงแรกเริ่มที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาท่านนั้นใช้เปิดร่างเจตจำนงก็คือผลึกก้อนนั้นที่ปรากฏในมิติก้นบึ้งทะเลสาบ นั่นหมายความว่าเ้าเด็กที่มีนามว่าเย่เฟิงนั่นยังไม่ตาย เขาชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มก็เพื่อนำไปให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาท่านนั้น” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจากพันธมิตรเทียนเตากล่าววิเคราะห์
“คงจะใช่ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาาอยู่เื้ั ไม่แปลกใจที่เด็กคนนี้สามารถฆ่าศิษย์ของเราทั้งสี่คนได้ ต่อไปพวกเราคงจะยั่วยุเด็กคนนี้ไม่ได้อีก” หญิงชรากล่าว
เมื่อเมิ่งยวี่ฉิงและเหยาซินเอ๋อร์ได้ยินบทสนทนาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนก็ต้องตัวสั่นสะท้านทั้งที่ยังไม่หายจากอาการใ พวกนางรู้ว่าการที่เย่เฟิงยังไม่ตาย อาจเป็ไปได้ว่าเขาเป็ศิษย์ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา
