เหอชูซานดูตารางเรียนในคืนวันอาทิตย์และเพิ่งรู้ว่าวันศุกร์หน้าที่พวกเขาจะไปดูหนังกันนั้น ตรงกับวันที่ 1 มิถุนายนซึ่งเป็วันเด็กและเป็วันเกิดของเ้าพ่อมาเฟียพอดี
ก่อนเข้านอนอาป๊าเหอออกไปเข้าห้องน้ำ เขาได้ยินเสียงลูกชายกำลังนับเหรียญดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ในห้อง
อาป๊าเหออดถอนหายใจไม่ได้พร้อมกับนึกชื่นชมในใจ—— สมแล้วที่เป็ลูกชายของฉัน ถึงจะจนแค่ไหนก็ไม่เคยพลาดเื่จีบสาว!
บ่ายวันศุกร์ เหอชูซานสะพายกระเป๋าหนังสือใบเล็กไว้ด้านหลัง สองแขนกอดกล่องกระดาษธรรมดาๆ ใบหนึ่ง แล้วเดินทางมาถึงหน้าโต๊ะสนุกอย่างรีบเร่ง
ผู้จัดการหม่าได้ขับรถไปรอที่นั่นด้วยตนเองตามคำสั่งของพี่ใหญ่ เมื่อเห็นเหอชูซานก็บีบแตรทักทาย
“กินข้าวกลางวันหรือยัง?” เสี่ยวหม่าถาม
“พี่เสี่ยวหม่าครับ สวัสดีครับ” เหอชูซานพูดขณะนั่งเข้าไปในเบาะหลัง “กินมาแล้วครับ”
เสี่ยวหม่าจึงขับรถพาเขาไปยังสำนักงานใหญ่ ระหว่างขับรถก็มองเขาผ่านกระจกมองหลัง พยายามจะมองทะลุใบหน้าที่ดูเหมือนไร้เดียงสาของเขา ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย
“ใกล้จบแล้วหรือยัง?” เสี่ยวหม่าถาม
“ครับ ปีหน้าครับ”
“วางแผนจะทำงานอะไร?”
“ผมเรียนด้านการเงินครับ”
“เก่งนะเนี่ย ฉันได้ยินมาว่าพี่ใหญ่้าให้นายมาดูแลโต๊ะสนุกสองสามแห่ง แต่นายปฏิเสธอย่างนั้นหรือ?”
“ครับ ผมไม่เก่งเื่การบริหารคนครับ”
เสี่ยวหม่าหัวเราะ “ถ้าไม่เป็ก็เรียนรู้สิ!”
เหอชูซานกอดกล่องกระดาษไว้แน่นแล้วตอบกลับด้วยท่าทีว่าง่าย “ผมโง่ครับ รู้แค่การอ่านหนังสือ”
เสี่ยวหม่าหัวเราะในใจอีกครั้ง บอกได้เลยว่าเหอชูซานเก่งเื่การเสแสร้งยิ่งนัก! รู้ทั้งรู้ว่าพี่ใหญ่้าดึงตัวให้เข้ามาช่วยบริหารการเงินในบริษัท ถึงอย่างนั้นก็ยังทำเป็ปฏิเสธด้วยท่าทางใสซื่อ!
ทั้งสองคนต่างก็มีความคิดที่ซ่อนอยู่ในใจ เมื่อเดินทางมาถึงบริษัท พวกเขาก็ตรงเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างของสำนักงานประธานบริษัททันที
เมื่อเข้าไปก็พบว่าโต๊ะประชุมตรงกลางถูกถอดออกและนำไปวางซ้อนกันไว้ด้านข้าง ชย่าลิ่วอีสวมแว่นกันแดด คาบบุหรี่ นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงกลางห้องด้วยท่าทางโอหัง นอกจากเขาแล้ว ในห้องยังมีอาหย่งและอาเปียวผู้เป็บอดี้การ์ดของเขาอีกสองคน รวมถึงชุยตงตงและหญิงสาวผู้มีใบหน้าอวบอิ่มคนหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของเหอชูซานและเสี่ยวหม่า ชย่าลิ่วอีก็โบกมืออย่างทรงอำนาจ อาหย่งลุกขึ้นยืนทันที เขาดึงม่านลง จากนั้นก็กดรีโมตจนแสงสีขาวที่ส่องไปยังผนังฝั่งตรงข้ามปรากฏขึ้น!
—— ชย่าลิ่วอีให้คนไปขึงผ้าใบผืนใหญ่ตรงผนังนั้น แล้วตั้งโปรเจกเตอร์พร้อมทั้งจัดลำโพงขนาดใหญ่สองตัวไว้ทั้งสองฝั่ง นี่คือโรงหนังส่วนตัวสุดหรูของเขา!
เขาแจกเก้าอี้ชายหาดให้ทุกคนคนละหนึ่งตัว พร้อมทั้งลูกชิ้นปลาหนึ่งชาม ขนมจีบหนึ่งชาม ป็อปคอร์นหนึ่งถุง เฟรนช์ฟรายส์หนึ่งห่อ ส่วนบุหรี่และเบียร์นั้นสามารถหยิบได้ตามสบาย
เหอชูซานตกตะลึงกับการเตรียมการนี้ เขาถูกเสี่ยวหม่าจูงไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ชย่าลิ่วอีทั้งที่ยังคงงุนงงอยู่ เหอชูซานมองไปยังชย่าลิ่วอีผู้มีผิวคล้ำ เขาสวมแว่นกันแดดเพื่อความเท่ “พี่ลิ่วอี เราจะดูอะไรกันเหรอครับ?”
ชย่าลิ่วอีลุกขึ้นนั่ง เขาถอดแว่นกันแดดอย่างเชื่องช้า แล้วยักคิ้วอย่างมีเลศนัย “《The Godfather》 ไม่ได้มีแค่ฉบับพากย์เสียงเป็ภาษาจีนกลางใช่ไหม? ฉันให้คนไปกวาดซื้อมาครบทั้งสามภาคจากกวางโจวแล้ว วันนี้พวกนายมาฉลองกับฉัน ต้องดูให้จบทุกภาคถึงจะไปได้!"
“...” เหอชูซาน
“จะได้ให้ไอ้หนูนี่รู้ซะบ้าง ว่านี่แหละที่เขาเรียกว่าดูหนัง!” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างสบายใจพร้อมกับเอนตัวลงนอนบนเก้าอี้ เขาดับบุหรี่แล้วโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจะหยิบลูกชิ้นปลามากินอย่างสบายอารมณ์
“...” เหอชูซานที่ถูกอำนาจาาของเขาเอาชนะโดยสมบูรณ์
หนังเริ่มฉายแล้ว ชย่าลิ่วอีเอียงศีรษะท่ามกลางแสงสลัว เขามองเห็นกล่องกระดาษเล็กๆ ที่เหอชูซานวางไว้บนโต๊ะกาแฟจึงเอ่ยถามขึ้น “นี่อะไร?”
นักศึกษาเหอพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายว่า “ของขวัญวันเกิดครับ”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะ ทำท่าทางเหมือนกับกำลังถามว่า ‘แกรู้จักให้ของขวัญด้วยหรือ’ อย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วพูด “เก็บไว้ เดี๋ยวค่อยแกะตอนไปดื่มที่ไนต์คลับคืนนี้”
“คืนนี้ผมต้องกลับบ้าน…” เหอชูซานกลืนคำว่า ‘เร็วหน่อย’ ลงคอเมื่อถูกจ้องมอง
—— เห็นแก่ว่าเป็วันเกิดก็อย่าไปขัดใจเขาเลย เหอชูซานปลอบใจตัวเองเช่นนั้น
“แม่งเอ๊ย ต้องเล่นบทโหดก่อนถึงจะยอมฟังทุกครั้งเลย ไม่รู้เป็อะไรนักหนา” ชย่าลิ่วอีด่า
“เฮีย ดูหนังอยู่นะครับ! จะพลอดรักกันก็ไปที่ห้องทำงานชั้นบนไม่ได้หรือ?” ชุยตงตงพูดอย่างหงุดหงิดพลางโอบกอดนักร้องสาวหน้ากลมของเธอ
ชย่าลิ่วอีขว้างไม้เสียบลูกชิ้นปลาที่กินเหลือไปโดนเธอ แต่เธอก็ขว้างกลับมาอย่างดุเดือด
《The Godfather》 ภาคแรกยาวสามชั่วโมง ภาคสองยาวสามชั่วโมงครึ่ง และภาคสามยาวสามชั่วโมง รวมทั้งหมดเก้าชั่วโมงครึ่ง พวกเขาดูั้แ่บ่ายสองโมงจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงหกโมงเย็น ชุยตงตงทนไม่ไหวเลยแกล้งขอไปเข้าห้องน้ำแล้วหนีไปกับนักร้องสาวของเขา ทว่าเหล่าลูกน้องที่เหลือไม่สามารถแม้แต่จะแกล้งไปเข้าห้องน้ำได้ เพียงแค่ลูกพี่ใหญ่ชย่าเลิกคิ้วขึ้น ทุกคนก็ไม่กล้าขยับตัว…
ทุกคนทนทรมานใจดูภาพยนตร์กับลูกพี่ใหญ่ชย่าจนถึงสองทุ่มครึ่ง ภาคสองจบลงแล้ว ชย่าลิ่วอีกำลังจะสั่งให้ฉายภาคสามต่อ เสี่ยวหม่าจึงเสียสละตัวเองะโเข้าไปคุกเข่ากอดขาชย่าลิ่วอี “เฮีย! ทนไม่ไหวแล้วครับ! อย่าดูต่อเลย! สาวๆ ที่ไนต์คลับรอพวกเราอยู่นะ!”
เหอชูซานขดตัวอยู่บนเก้าอี้และงีบหลับไปแล้ว แต่เพราะถูกเสี่ยวหม่าทำให้ใ เขาจึงลืมตาขึ้นมามองอย่างงัวเงีย
ชย่าลิ่วอีเองก็เริ่มรู้สึกมึนงง จึงโบกมือไล่ด้วยความหงุดหงิด “ไป ไปให้หมด! ไปกันให้หมด!”
เสี่ยวหม่าดีใจจนน้ำตาไหล เขาพาอาหย่งและอาเปียวที่ยังมึนงงลงไปขับรถมารับลูกพี่ใหญ่ เหอชูซานได้ทีจึงรีบลุกขึ้นมาสะพายกระเป๋าเล็กๆ ของเขาแล้วตั้งท่าจะแอบหนีไป
“กลับมา!”
“พี่ลิ่วอี ผมต้องกลับบ้านไปทำอาหารเย็นให้พ่อครับ”
“เขาไม่มีมือหรือไง? ทำเองไม่ได้หรือไง? ไปไนต์คลับกับฉัน! คืนนี้พี่ลิ่วอีเลี้ยงเอง จะพาไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อย!”
เหอชูซานหดคอเล็กน้อย “ไม่ต้องแล้วครับ พี่ลิ่วอี”
ชย่าลิ่วอีคว้าสายสะพายกระเป๋าของเขาด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเคย แล้วพูด “เลิกพูดมากน่า ไปกันได้แล้ว!”
“ไม่เป็ไรจริงๆ พี่ลิ่วอี”
“หุบปาก!”
“ผมไม่อยากไปจริงๆ ครับ พี่ลิ่วอี…”
“หุบปาก!”
“ลิ่ว…”
“...” จ้องเขม็ง
เหอชูซานพูดด้วยเสียงแ่เบา “ไม่เปิดหูเปิดตา ไม่ดื่มเหล้าได้ไหม? ผมแค่อยากไปร่วมฉลองวันเกิดกับพี่”
……
สองชั่วโมงต่อมา เหอชูซานกำลังอ้วกอย่างหนักในห้องน้ำของห้องคาราโอเกะวีไอพีสุดหรูในไนต์คลับ
“ไอ้นั่นมันก็แค่ไก่อ่อน!” ชย่าลิ่วอีด่าเขาอยู่ข้างนอก ขณะกำลังกอดสาวที่เรียกมาเอนเตอร์เทน “แค่สองขวดก็ไม่ไหวแล้ว! อะไรกันเนี่ย!”
เสี่ยวหม่า อาหย่ง อาเปียว และชุยตงตงเองต่างก็กอดสาวๆ ไว้ในอ้อมแขนหนึ่งหรือสองคนเช่นกัน พวกเขานั่งอยู่บนโซฟาราวกับกลุ่มงูที่มารวมตัวกัน เมาได้ที่บ้าง ไม่เมาบ้าง และคนที่ดื่มมากที่สุดคือเสี่ยวหม่า เขาหน้าแดงก่ำะโเห็นด้วยกับชย่าลิ่วอีเสียงดัง “ใช่! อะไรกันเนี่ย!”
ชุยตงตงส่งสาวนักร้องของเธอกลับบ้านไปแล้ว ในตอนนี้เธอกำลังกอดสาวสวยอยู่ในอ้อมแขน เธอจูบสาวคนนั้นหนึ่งที แล้วพูด “เข้าไปข้างในครึ่งชั่วโมงแล้ว จะเป็อะไรไปหรือเปล่านะ?”
“ช่างหัวมัน ไม่ต้องสนใจว่าจะตายหรือไม่ตาย” ชย่าลิ่วอีพูด “เสี่ยวหม่า! ร้องต่อไป!”
ทันใดนั้นเสี่ยวหม่าก็ลุกขึ้นคว้าไมโครโฟนและเริ่มร้องเพลงอย่างบ้าคลั่ง! อาหย่งหั่นเค้กสามชั้นสุดหรูเป็ชิ้นๆ ทันใดนั้นชย่าลิ่วอีก็เป็คนแรกที่คว้าเค้กที่ถูกหั่นแล้วชิ้นหนึ่งขึ้นมาปาใส่ชุยตงตง! ชุยตงตงโต้กลับอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งะโว่า “โค่นบอสแล้วพวกเธอจะเป็ใหญ่!” เธอสั่งให้สาวๆ โจมตีชย่าลิ่วอีด้วยครีมและหน้าอก! ชย่าลิ่วอี อาหย่ง และอาเปียวจึงเริ่มการโจมตีโต้ตอบโดยมีเป้าหมายที่จะล้มผู้หญิงให้ได้มากที่สุด พวกเขากลิ้งไปมาบนโซฟากับกลุ่มหญิงสาวจนกลายเป็ความโกลาหล…
เสียงเพลงจากลำโพงดังสนั่นหวั่นไหว แสงไฟหลากสีสาดส่องลงมายังฝูงชนที่กำลังเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง เสี่ยวหม่าะโร้องเพลง 《A Real Man》 ของ George Lam ด้วยเสียงแหบพร่า——
เป็ลูกผู้ชายตัวจริง
แบกรับความเ็ปและความผิดหวัง!
น่าหลงใหลคือความรู้สึกนี้
ใครบ้างที่ไม่มีเื่ราวความเสียใจในอดีต!
เหอชูซานอยู่ห่างออกไปเพียงประตูเดียว เขายกกระดาษทิชชูขึ้นมาปิดปาก เสียงเพลง เสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุยดังมาถึงด้านในห้องน้ำ หัวใจของเขาเต้นแรง!
การกระตุ้นที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยได้ััมาก่อนทำให้แก้วหูของเขาเ็ป เขาอยู่ในอาการมึนงง เหอชูซานนั่งลงพิงประตู และในขณะที่เขากำลังรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาก็ได้ยินเสียงเพลงที่บ้าคลั่งของกลุ่มมาเฟียเหล่านี้…
เป็ลูกผู้ชายตัวจริง!
ในที่สุดทุกคนก็ต้องตาย!
ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน!
วีรบุรุษอาจเป็คนบ้า!
เหอชูซานยกมือขึ้นปิดหูและกุมศีรษะของเขา ก่อนจะสะลึมสะลือหลับไปด้วยความงุนงง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ประตูห้องน้ำได้ถูกผลักจากข้างนอกเข้ามาด้านในจนเหอชูซานที่พิงตัวอยู่โงนเงนไปข้างหน้าเกือบเอาหัวมุดโถส้วม
ชย่าลิ่วอีเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับกระเป๋าหนังสือใบเล็กของเหอชูซาน เขาปิดประตูลงอย่างรวดเร็วและล็อกมัน จากนั้นก็โยนกระเป๋าไปที่เท้าของเหอชูซาน แล้วเดินไปยังโถฉี่เพื่อปลดทุกข์ เขาคลำเข็มขัดของเขาไปด้วย เตะเหอชูซานไปด้วย “เฮ้ เมาหรือตาย?”