“จริงหรือ?”
“เช่นนั้นก็ดีเลย!”
“ใช่แล้ว พี่รองพูดถูก เช่าของใครก็เหมือนกัน งั้นข้าก็เช่าที่นาของพี่รองแล้วกัน บ้านข้ามีข้าเป็แรงงานชายเพียงคนเดียว ข้าขอเช่าน้อยหน่อย บ้านพี่ใหญ่มีแรงงานชายหลายคน พี่ใหญ่ก็เช่าเยอะๆ เลยสิ”
อวิ๋นโส่วจงพอใจกับความถ่อมตนของอวิ๋นโส่วเย่า จึงเอ่ยขึ้นว่า “ที่นามีเยอะ พวกท่านอยากเช่าเท่าไหร่ก็เช่าเลย อีกสองสามวัน ผู้ใหญ่บ้านน่าจะให้คำตอบแล้ว”
“ถึงตอนนั้นที่นามีมากขึ้น คงต้องปล่อยเช่าหรือจ้างคนมาช่วยทำนา ข้าคงต้องรบกวนพี่ใหญ่กับน้องสามช่วยข้าดูแลสักหน่อย”
สองพี่น้องดีใจจนเนื้อเต้น รู้สึกว่าในที่สุดชีวิตก็มีความหวังขึ้นมา จึงรีบตอบตกลงทันที
ตอนที่ทั้งสองครอบครัวกลับไป อวิ๋นโส่วจงยังยัดเงินห้าตำลึงให้กับพวกเขาคนละห้าตำลึง ทั้งสองคนไม่ยอมรับ อวิ๋นโส่วจงจึงพูดว่า “ไม่ได้ให้เปล่าๆ ปีหน้าพวกท่านมีเงินแล้ว ก็ค่อยเอามาคืนข้าพร้อมเงินสิบตำลึงนั่นก็แล้วกัน”
ทั้งสองครอบครัวเพิ่งแยกบ้านออกมา แม้แต่หม้อข้าวหม้อแกงยังไม่มี หากไม่มีเงิน พวกเขาสองครอบครัวคงต้องอยู่อดๆ อยากๆ เป็แน่
เมื่อได้ยินอวิ๋นโส่วจงบอกว่าจะให้พวกเขาคืน ทั้งสองคนจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป ยอมรับเงินมาเก็บไว้ คิดว่าพรุ่งนี้จะช่วยน้องรองชำแหละหมูป่า แล้วไปซื้อพวกหม้อไหและข้าวสารที่ในตำบล
ฟางซื่อเดินตามออกมา ยื่นห่อผ้าให้หลิ่วซื่อกับเฉาซื่อคนละห่อ ในห่อนั้นเป็แป้งแผ่นที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ “...พวกท่านอย่าปฏิเสธเลย เอาไว้ไปกินตอนเช้าพรุ่งนี้เถิด เพิ่งแยกบ้านออกมา อะไรก็ยังไม่มีพร้อม พรุ่งนี้เช้าจะให้พวกเด็กๆ อดก็คงไม่ได้กระมัง”
เมื่อเห็นพี่สะใภ้ใหญ่กับน้องสะใภ้ไม่ยอมรับ ฟางซื่อจึงพูดเกลี้ยกล่อม ทั้งสองคนต่างมองสามีของตนเองพร้อมกัน เมื่อเห็นสามีพยักหน้า จึงรับห่อผ้ามาด้วยความขอบคุณ
หลังจากส่งคนบ้านใหญ่กับบ้านสามกลับไปแล้ว อวิ๋นโส่วจงก็หันไปขอโทษฟางซื่อกับอวิ๋นเจียวด้วยความรู้สึกผิด “ซู่ซิน เจียวเอ๋อร์ ข้าขอโทษพวกเ้าด้วย!”
อวิ๋นเจียวรู้ดีว่าบิดาของนางกำลังรู้สึกผิดเื่อะไร เขาคิดว่าการปล่อยอวิ๋นโส่วจู่ไปเช่นนี้ ช่างไม่ยุติธรรมต่อนางกับมารดา
ดังนั้นก่อนที่ฟางซื่อจะเอ่ยปาก อวิ๋นเจียวจึงเงยหน้ามองบิดา ดวงตากลมโตเป็ประกายฉายแววเ้าเล่ห์
“ท่านพ่อ ประโยคนี้ค่อยพูดหลังจากที่ท่านเห็นทั้งสองคนนั้นในวันพรุ่งนี้เถิดเ้าค่ะ” หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ อวิ๋นเจียวไม่อยากเรียกทั้งสองคนนั้นว่าท่านอากับท่านอาสะใภ้อีกแล้ว
ฟางซื่อนึกถึงใบหน้าของอวิ๋นโส่วจู่กับภรรยาที่เต็มไปด้วยรอยเกาจนเหมือนแมวลาย ก็พอจะเข้าใจว่าอวิ๋นเจียวหมายถึงอะไร จึงยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะออกมาเบาๆ
อวิ๋นโส่วจงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่ออวิ๋นเจียวไม่พูดอธิบาย ฟางซื่อจึงช่วยบุตรสาวปิดบังเอาไว้ เอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ลูกสาวท่านบอกแล้วว่า พรุ่งนี้หลังจากที่ท่านพบทั้งสองคนนั้นก็จะรู้เอง”
คืนนั้น อวิ๋นโส่วจงกระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับ เอาแต่คิดถึงคำพูดของบุตรสาว แต่ก็จนปัญญาเพราะภรรยาที่นอนอยู่ข้างๆ ไม่ยอมบอกเขา
ส่วนด้านบ้านเก่า แม้ว่าเสียงดุด่าของเถาซื่อจะดังไม่ขาดสาย แต่คนทั้งสองครอบครัวกลับนอนหลับสบายที่สุดในรอบหลายปี
เช้าวันต่อมา อวิ๋นเจียวถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงดังจอแจจากในลานบ้าน หลังจากที่นางล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นอวิ๋นโส่วกวง อวิ๋นโส่วเย่า และอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ต่างพากันมาถึงแล้ว
อวิ๋นโส่วจงกับพี่น้องทั้งสองคนกำลังชำแหละหมูป่า ส่วนเฉาซื่อกับหลิ่วซื่อกำลังช่วยกันล้างเครื่องในหมูป่า ด้านฟางซื่อกำลังต้มน้ำเตรียมถอนขนหมูป่า
ส่วนชุนเหมยกำลังปรนนิบัติให้อวิ๋นเจียวกินอาหารเช้า อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์จึงเดินเข้ามาหา “พี่หญิงรอง กินข้าวหรือยังเ้าคะ? หากยังไม่ได้กิน ก็มากินกับข้าหน่อยสิ”
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ตอบยิ้มๆ “ข้ากินมาแล้ว เป็แป้งแผ่นที่ท่านป้ารองทำให้ไปเมื่อคืน”
หลังจากที่อวิ๋นเจียวกินข้าวเสร็จ นางก็พาอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เข้าไปในห้องของตนเอง จากนั้นหยิบชุดหรูฉวิน [1] แขนสามส่วนเสื้อบนผ่าหน้ากระโปรงยาวแบบประยุกต์ที่ซื้อมาจากเถาเป่าเมื่อคืนนี้ พร้อมกับผ้าเนื้อดีที่มีสีใกล้เคียงกันอีกสามพับออกมา
ผ้าทั้งสามพับเป็สีม่วงเหมือนกัน เพียงแต่เฉดสีเข้มอ่อนต่างกัน เมื่อเห็นชุดและผ้าเนื้อดี ดวงตาคู่งามของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ก็พลันเป็ประกาย “สวยจังเลย สมแล้วที่เป็ของจากเมืองหลวง!”
แขนเสื้อของชุดหรูฉวินแขนสามส่วน ที่อวิ๋นเจียวยื่นให้นางนั้น แคบกว่าแบบที่นิยมในปัจจุบันมาก ดูแล้วไม่ยาวจนเกินไป ไม่รุ่มร่าม
ส่วนกระโปรงก็ไม่ยาวลากพื้น หากตัดตามส่วนสูงของท่านป้ารอง ก็น่าจะยาวพอดีข้อเท้า
ลวดลายบนกระโปรงก็ดูงดงามแปลกตา ไม่ใช่ลวดลายเถาดอกไม้ หรือลวดลายสวัสติกะ [2] ที่เป็ลายมงคลแบบที่เห็นทั่วไป เป็เพียงลวดลายดอกชุนหลาน [3] หนึ่งพุ่มที่ปักอยู่บริเวณชายกระโปรง พร้อมด้วยปักลายผีเสื้อสามสี่ตัว ลวดลายเหล่านี้ช่างดูมีชีวิตชีวา
ปกติแล้วผู้หญิงในชนบท เพื่อความสะดวกในการทำงาน อย่าว่าแต่กระโปรงปักลายดอกไม้เลย แค่มีชุดที่ปกปิดบั้นท้ายได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ส่วนครอบครัวที่มีฐานะดีหน่อย บุตรสาวและภรรยาส่วนใหญ่ก็สวมกระโปรงสั้นที่ยาวคลุมเข่า ข้างในก็ยังคงสวมกางเกงขายาว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความสะดวกในการทำงาน และแน่นอนว่าเป็เพราะขาดแคลนเงินทองด้วย
แต่บ้านลุงรอง ไม่ว่าจะเป็ป้ารอง หรือสาวใช้อย่างชุนเหมย ต่างก็สวมเสื้อคลุมกับกระโปรงยาวแบบเป็ทางการ
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์รู้สึกอิจฉา แต่ไม่ได้ริษยา ผู้หญิงทุกคนล้วนรักสวยรักงาม อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ก็อยากสวมกระโปรงสวยๆ บ้าง เพียงแต่เื่พวกนี้นางได้แต่คิดในใจเท่านั้น
“พี่หญิงรอง ท่านตัดเย็บตามแบบเสื้อตัวนี้ก็แล้วกัน ข้าซื้อมาตามขนาดตัวของท่านแม่ ท่านตัดตามแบบนี้ได้เลยเ้าค่ะ”
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์พยักหน้า “ได้สิ แต่ข้ากลัวว่าจะทำออกมาไม่ดี จะเสียของเปล่าๆ”
อวิ๋นเจียวยิ้มตอบ “พี่หญิงรอง ท่านวางใจเถอะ ด้วยฝีมือของท่าน ไม่มีทางทำเสียของหรอกเ้าค่ะ” พูดไปพลางมองเสื้อผ้าของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รู้สึกดีใจ เจียวเอ๋อร์มองเสื้อผ้าของนาง แสดงว่านางพึงพอใจกับฝีมือของนางหรือ? ในใจนางจึงตัดสินใจว่า ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจตัดเย็บเสื้อผ้าชุดนี้ให้ออกมาดีที่สุด เพื่อไม่ให้ผิดต่อความเชื่อใจของเจียวเอ๋อร์
“เจียวเอ๋อร์ ข้าขอพิจารณาเสื้อตัวนี้ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน น่าจะเริ่มลงมือตัดเย็บได้ตอนบ่าย”
“ได้เ้าค่ะ พี่หญิงรอง ท่านค่อยๆ ดูไปนะเ้าคะ กล่องเข็มเย็บผ้าอยู่ตรงนี้ หากท่าน้าอะไรก็บอกชุนเหมยได้เลย ข้าออกไปดูข้างนอกก่อน”
อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รีบพูด “เจียวเอ๋อร์ไม่ต้องสนใจข้าหรอก” พูดจบอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ก็หยิบของขึ้นมา ลุกขึ้นพร้อมกับอวิ๋นเจียว นำของไปดูที่นอกห้อง ไม่รบกวนห้องของอวิ๋นเจียว
อวิ๋นเจียวประหลาดใจกับความละเอียดอ่อนของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ สำหรับเด็กผู้หญิงที่เติบโตมาอย่างหวาดกลัวภายใต้การกดขี่ข่มเหงของเถาซื่อที่บ้านเก่า การที่นางมีความละเอียดอ่อนเช่นนี้นับว่าหายากยิ่งนัก
อวิ๋นเจียวเดินออกจากห้อง ก็เห็นพวกผู้ใหญ่จัดการหมูป่าเสร็จแล้ว พอเสี่ยวไป๋เห็นนางออกมา ก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที แล้วเอาหัวถูไถ่ขาเล็กๆ ของนางไปมา
“เจียวเอ๋อร์ อยากออกไปข้างนอกหรือไม่? หากอยากออกไปข้างนอก ก็ไปส่งหมูป่าให้พี่ถังสุ่ยที่หมู่บ้านข้างๆ กับข้าสิ” อวิ๋นฉี่ซานเห็นอวิ๋นเจียวออกมาจึงเอ่ยชวน
อวิ๋นเจียวไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่นางหันไปถามอวิ๋นโส่วจง “ท่านพ่อ เมื่อไหร่ท่านจะไปอำเภอหรือเ้าคะ?”
อวิ๋นโส่วจงตอบ “ไม่รีบหรอก ไปตอนบ่ายก็ได้ เจียวเอ๋อร์อยากเข้าเมืองหรือ?”
อวิ๋นเจียวพยักหน้า “เ้าค่ะ ข้าอยากเข้าเมือง” สบู่ผลึกแก้วแข็งตัวดีแล้ว อวิ๋นเจียวอยากเอาไปขายที่ในอำเภอ
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ดี พ่อจะพาเ้าไปด้วย”
อวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ คิดว่าอย่างไรเสียตอนนี้นางก็ว่างอยู่แล้ว งั้นไปกับเขาสักหน่อยก็แล้วกัน ถือโอกาสไปขอบคุณถังสุ่ยที่มอบลูกสุนัขแสนดีให้กับนาง เพิ่งมาอยู่ด้วยกันก็รู้จักปกป้องเ้านายแล้ว
“พี่รอง ข้าไปกับพวกท่านด้วยเ้าค่ะ!”
เชิงอรรถ
[1] หรูฉวิน (襦裙) เป็ชุดที่ประกอบด้วยเสื้อและกระโปรงยาว ซึ่งเป็เครื่องแต่งกายของสตรีจีนในสมัยโบราณ
[2] สวัสติกะ (万字纹 หรือ 卍字) เป็สัญลักษณ์มงคลของศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู
[3] ดอกชุนหลาน (春兰) คือดอกกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง