ณ ป่าบนูเา ถังเหล่ยกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต ปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างถูกรีดออกมาหมด ขาสองข้างล้วนวิ่งจนเกิดเป็เงาติดตา เขาอุ้มหลินเนี่ยนไปวิ่งไปอย่างบ้าคลั่ง
ไม่อาจอยู่ในเมืองอวิ๋นหลิวได้อีก มีแต่ต้องหนีไปด้านนอกเท่านั้นถึงจะรอด ยังไงอีกฝ่ายก็ไล่ตามไม่เลิกแน่ ทำเช่นนี้ตระกูลถังในเมืองอวิ๋นหลิวถึงจะปลอดภัยมากขึ้น
เมื่อถังเหลยออกจากเขตเมืองอวิ๋นหลิว เขาก็ใช้ความมืดยามราตรีวิ่งไปทางเทือกเขาสัตว์อสูร
ปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างเขาถูกเผาผลาญไปเร็วยิ่ง แต่เพื่อรักษาชีวิตของเขากับหลินเนี่ยนไว้แล้ว จึงไม่ได้เก็บงำพลังไว้แม้แต่น้อย เขารีดเค้นปราณแท้ในร่างจนถึงขีดสุด
“แค่กๆ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน!?”
เมื่อครู่ิญญายุทธ์ของหลินเนี่ยนถูกทำร้ายาเ็สาหัสจนสลบไป แต่นางตื่นขึ้นมาเพราะถังเหล่ยวิ่งหนีอยู่บนพื้นขรุขระอย่าบ้าระห่ำ
“อยู่นอกเมืองอวิ๋นหลิว เรากำลังหนี เ้าอย่าเพิ่งพูดอะไรได้หรือไม่? พักผ่อนเสียเถอะ!”
ถังเหล่ยกล่าวด้วยเสียงปนหอบ หลินเนี่ยนได้รับาเ็ก็เพราะช่วยเขา ดังนั้นเขาจึงทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยนางออกมาให้ได้
“ข้าใกล้จะถูกเขย่าจนตายอยู่แล้ว จะให้พักผ่อนอย่างไร”
หลินเนี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง ร่างกายของนางยามนี้อ่อนแอมาก ไหนจะต้องกินยาิญญาเหมันต์เข้าไป และผ่านการต่อสู้มาหลายครั้ง สุดท้ายิญญายุทธ์ก็ถูกทำร้ายาเ็สาหัส แค่เสียงที่นางจะใช้พูดก็ยังเเผ่วเบายิ่งนัก
แต่หลินเนี่ยนจำใจต้องพูด ไม่เช่นนั้นหากไม่ถูกคนไล่สังหารตาย ก็คงต้องตายเพราะถูกเขย่าอยู่ในอ้อมกอดของถังเหล่ยแน่
ถังเหล่ยบ่นในใจว่าทำไมถึงเื่เยอะขนาดนี้!
เขาเปลี่ยนท่าอุ้มหลินเนี่ยน แต่ความเร็วที่ใช้ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
หลินเนี่ยนพิงคางที่ไหล่ของถังเหล่ย นางทำได้เพียงมองป่ารอบด้านที่เคลื่อนคล้อยไปอย่างรวดเร็ว
แขนข้างหนึ่งของถังเหล่ยโอบหลังของหลินเนี่ยนเอาไว้ และใช้มืออีกข้างจับใต้ก้นของนาง
ท่าอุ้มนี้เหมือนจะน่าอึดอัดไปบ้าง!
ใบหน้าของหลินเนี่ยนแดงก่ำ ดีที่ตอนนี้อยู่ในที่มืด ถังเหล่ยจึงมองไม่เห็นใบหน้าของนาง แต่ต่อให้มองเห็น ก็ไม่ใช่เวลามาสนใจ ในสมองของเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือรีบหนี!
ไม่นานเทือกเขาสัตว์อสูรขนาดใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาของถังเหล่ย
ระยะทางที่เมื่อก่อนต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ถังเหล่ยมาถึงในเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น
เมื่อเห็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในความมืด ในใจหลินเนี่ยนหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อถังเหล่ยมาในเทือกเขาสัตว์อสูรแล้ว เขาก็แบกหลินเนี่ยนไว้บนหลัง แล้วะโขึ้นไปบนต้นไม้
โดดไปมาในป่าหนาแน่น และอยู่บนกิ่งไม้เช่นนี้ค่อนข้างปลอดภัยกว่า ไม่เพียงสามารถเพิ่มความเร็วได้ ทั้งยังหลีกเลี่ยงการถูกสัตว์อสูรบนพื้นรบกวนอีกด้วย
เงาร่างของถังเหล่ยว่องไวเหมือนวานรตัวหนึ่ง เขาะโจากกิ่งไม้หนึ่งไปอีกกิ่งไม้หนึ่งอย่างต่อเนื่อง
“ในส่วนลึกของเทือกเขาสัตว์อสูรมีสัตว์อสูรทรงพลังอยู่ ไม่ใช่ว่าเรารอดพ้นจากเงื้อมมือเยียนหลิงซาน แต่ไปตายในป่าของสัตว์อสูรหรอกนะ!?”
หลินเนี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบา
ตอนนี้นางไม่มีความสามารถต่อสู้แต่อย่างใด ิญญายุทธ์ในร่างถูกทำร้ายาเ็สาหัส ตอนนี้อยู่ในสภาวะหลับลึก และปราณแท้ิญญายุทธ์ในร่างของนางถูกใช้จนหมดแล้ว
“วางใจเถิด ต่อให้เ้าอยากตาย ข้าก็ไม่ให้เ้าตายหรอก ต่อให้ข้าต้องทุ่มสุดชีวิต ก็ต้องช่วยเ้าให้ได้!”
ถังเหล่ยกล่าวโดยไม่หันหน้ากลับมา ในเทือกเขาสัตว์อสูรมีถ้ำที่ปลอดภัยแห่งหนึ่ง นั่นก็คือถ้ำที่ถังเหล่ยเคยหลบซ่อนฝูงหมาป่านภาในตอนที่มาหนแรก
ตรงนั้นอยู่บริเวณชายแดนของเทือกเขาสัตว์อสูรพอดี ไม่ต้องกังวลด้วยว่าจะมีสัตว์อสูรทรงพลังปรากฏตัว
เพียงไม่นานถังเหล่ยก็มาถึงตรงถ้ำ จากนั้นเขาก็วางหลินเนี่ยนไว้บนพื้น ก่อนจะรีบวิ่งหายไปในป่า
ไม่นานนักในมือของถังเหล่ยก็ถือพืชหลายชนิดกลับมา
“เ้าไปไหนมา? ข้าคิดว่าเ้าจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ให้รอความตายเสียอีก”
หลินเนี่ยนกล่าวด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เมื่อครู่ถังเหล่ยจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ บอกนางสักนิดก็ยังดี
“เยียนหลิงซานเป็ยอดฝีมือระดับยอดยุทธ์ ไม่แน่ว่าอาจจะมีวิธีสะกดรอยตาม ข้าจึงไปรวบรวมพืชที่ช่วยปิดบังกลิ่นอาย!”
เมื่อถังเหลยพูดจบ เขาก็ออกไปวางพืชปกปิดกลิ่นอายไว้บริเวณปากถ้ำ และตกแต่งตรงทางเข้าเพื่อให้แน่ใจว่าคนธรรมดาจะไม่มาพบเข้า
จากนั้นถังเหล่ยก็เข้ามาในถ้ำอีกครั้ง
ถังเหล่ยกลัวว่าเยียนหลิงซานจะมีวิธีอื่นอีก จึงไม่ได้จุดไฟในถ้ำ ระหว่างพวกเขาทั้งสองมีเพียงความมืดมิด
“ที่นี่มืดมาก ข้ามองไม่เห็นเ้าเลย!”
หลินเนี่ยนพึมพำ ความมืดมิดราวกำแพงชั้นหนึ่งปิดกั้นสายตาของนาง ถึงแม้สามารถััถึงถังเหล่ยได้ แต่กลับมองไม่เห็นใบหน้าของเขาเลย
“มองเห็นหรือไม่เห็นข้ามันสำคัญตรงไหน? ตอนนี้เ้าควรรักษาตัวให้ดี อาการาเ็ของิญญายุทธ์เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ถังเหล่ยคิดในใจว่า นี่มันใช่เวลามาคิดเื่มองเห็นเขารึไง ช่างเป็สาวน้อยจริงๆ
“อาการาเ็ของเสี่ยวหลานสาหัสมาก มันหลับใหลในร่างของข้าแล้ว ปราณแท้ิญญายุทธ์ในร่างของข้ามีไม่พอ ไม่อาจช่วยมันฟื้นฟูพลังได้”
หลินเนี่ยนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ นางตั้งชื่อให้ิญญายุทธ์ในร่างกายของตัวเองว่าเสี่ยวหลาน
“พวกเราอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เื่ ไม่ช้าก็เร็วเยียนหลิงซานต้องเจอตัวเราแน่ ถ้าอาการาเ็ของิญญายุทธ์ในร่างของเ้าสาหัสมาก เราต้องรีบฟื้นฟูมันให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจหลงเหลืออาการาเ็เรื้อรังไว้ และอาจมีผลต่อการพัฒนาในอนาคตของเ้า”
ถังเหล่ยกล่าว
จากนั้นถังเหล่ยนำศิลาอัญมณีส่องแสงสีทองออกมาจากในแหวนมิติด้วยใบหน้าอันเ็ป
เมื่อแสงอัญมณีต้องใบหน้าถังเหล่ย หลินเนี่ยนก็เห็นความเ็ปป้ายอยู่บนใบหน้าของเขา
“อันนี้ข้าให้เ้าแล้วกัน ถ้าเ้าสามารถฟื้นฟูพลังได้ โอกาสรอดของพวกเราก็จะเพิ่มมากขึ้น…”
นี่ก็คือหนึ่งในสามแก่นอสูรที่ถังเหล่ยดูดซับของเหลวเลี้ยงิญญาเข้าไป และเป็แก่นอสูรระดับสอง
ทำเช่นนี้ถังเหล่ยรู้สึกปวดจิตปวดใจนัก เพราะในแก่นอสูรระดับสองนี้แฝงไปด้วยของเหลวเลี้ยงิญญาอายุหนึ่งปี แล้วของเหลวเลี้ยงิญญาอายุหนึ่งปีนั้นมีค่ามากขนาดไหน
มากขนาดต่อให้ราชันยุทธ์ธรรมดาทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดก็แลกมาไม่ได้ แต่เพราะชาติที่แล้วถังเหล่ยเป็ถึงราชันนักปรุงยาระดับหก ราชันตงจึงมองของเหลวเลี้ยงิญญาอายุหนึ่งปีให้
“นี่คืออะไรกัน?”
หลินเนี่ยนเผยใบหน้าสงสัย ถังเหล่ยเอาอัญมณีส่องแสงสีทองออกมาเม็ดหนึ่ง ดูท่าทางจะพิเศษมาก
“นี่คือแก่นอสูรระดับสอง แต่กลิ่นอายสัตว์อสูรในนั้นถูกหลอมกลั่นไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในนั้นก็คือ...”
ถังเหล่ยลังเลเล็กน้อย ถ้าเขาบอกว่าสิ่งที่อยู่นั้นคือของเหลวเลี้ยงิญญาที่แม้แต่ราชันยุทธ์ล้วนอยากได้ หลินเนี่ยนต้องสงสัยแน่ สถานะของเขาตอนนี้เป็แค่อัจฉริยะจากเมืองเล็กเมืองหนึ่ง ดังนั้นไม่พูดจะดีกว่า
“ไม่ต้องสนใจว่าในนั้นใส่อะไรเอาไว้ เ้ารีบดูดซับมันเร็วเข้าเถอะ!”
ด้วยแสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากของเหลวเลี้ยงิญญา ถังเหล่ยจึงรีบเอาอัญมณีก้อนนั้นยัดใส่มือของหลินเนี่ยน
“ข้าไม่...เ้าทำตัวลับๆ ล่อๆ ต้องไม่ใช่เื่ดีแน่ แก่นอสูรจะหลอมกลั่นจนหมดได้เยี่ยงไร!? อาจารย์ของข้าบอกข้านานแล้ว!”
หลินเนี่ยนถืออัญมณีเอาไว้ในมือ แต่ไม่ได้ดูดซับมัน
“ถ้าเ้าไม่เอาก็คืนให้ข้า เ้าคิดว่าข้าอยากให้เ้าหรือ? ถ้าไม่ใช่เห็นว่าเ้ากับอาจารย์ของเ้าช่วยเหลือตระกูลถัง ข้าก็ไม่เอามันให้เ้าใช้หรอก!”
ถังเหล่ยทำท่าจะแย่งกลับมา หลินเนี่ยนรีบหยุดเอาไว้ ของที่ถึงมือนางแล้วยังคิดจะเอากลับไปไม่มีทางซะหรอก
จากนั้นหลินเนี่ยนใช้ปราณแท้พลังยุทธ์ที่ฟื้นฟูกลับมาใส่เข้าไปในนั้น จากนั้นของเหลวเลี้ยงิญญาก็ไหลเข้ามาในร่างของหลินเนี่ยนตามพลังิญญาฟ้าดินในอัญมณี