ความคิดของจื่อหนานสามารถคาดเดาได้ไม่ยาก เขา้าใช้โอกาสนี้ให้หลินเฟิงและลูกสาวทั้งสองของเขาเชื่อมความสัมพันธ์
จื่อหลิงนั้นอายุน้อยกว่าหลินเฟิง ส่วนจื่ออีและหลินเฟิงอายุเท่ากัน แม้สองสาวจะไม่ได้งดงามมากนัก แต่พวกเธอก็นับว่าเป็หญิงสาวหน้าตาน่ารักชวนมอง นอกจากนี้ยังมีพร์ที่ยอดเยี่ยม หากหลินเฟิงตกหลุมรักใครคนหนึ่งล่ะก็ มันจะต้องเป็เื่ที่ดีอย่างแน่นอน
แม้หลินเฟิงจะไม่ตกหลุมรัก แต่ก็สามารถคุ้มครองสองสาวได้ แล้วเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร
แต่ในตอนนี้จื่อหลิงและจื่ออีกลับแปลกใจขณะมองไปที่จื่อหนาน เมื่อได้ยินท่านพ่อของพวกนางเรียกหลินเฟิงว่า ‘จอมยุทธ์น้อย?’
“ท่านพ่อ ท่านเรียกเขาว่าอะไรนะ?” จื่ออีถามอย่างสงสัย เพราะปกติท่านพ่อของนางไม่ค่อยได้ดุนางสักเท่าไร แต่วันนี้กลับดุนางถึงสองครั้ง ซึ่งดูเหมือนเื่ทั้งหมดนี้จะเป็เพราะหลินเฟิง
“จื่อหลิง จื่ออี พวกเ้าทั้งสองไร้เหตุผลเกินไปแล้ว การบ่มเพาะของจอมยุทธ์น้อยหลินยังมากกว่าพวกเ้าเสียอีก และยังต้องอดทนต่อพฤติกรรมของพวกเ้า ความโอบอ้อมอารีของเขา พวกเ้ากลับแยกแยะไม่ออกว่าเื่ไหนดีหรือไม่ดี ที่พวกเ้าปฏิบัติต่อจอมยุทธ์น้อยหลินเช่นนี้ มันมากเกินไป” จื่อหนานกำลังดุลูกสาวทั้งสองของตัวเองด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ครั้งนี้ข้าจะให้จอมยุทธ์หลินเดินทางไปกับพวกเ้า เ้าทั้งสองคอยชี้แนะเขาด้วย”
“การบ่มเพาะของเขามากกว่าพวกเรา?” จื่อหลิงจ้องเขม็งไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ เข้าใจผิดหรือเปล่า?”
“ท่านพ่อ ท่านไม่ควรเชื่อผู้อื่นง่ายๆ” จื่ออีเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน นางเป็อัจฉริยะและอยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 ทั้งหลินเฟิงและนางต่างก็มีอายุเท่ากัน แม้เขาจะไม่ใช่เศษขยะ แต่ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่านางได้
“หุบปาก! หรือพวกเ้ากล้ากังขาในคำพูดของข้า!” จื่อหนานตวาดออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ยังไม่รีบไปเก็บข้าวของกันอีก เตรียมตัวเดินทางกันได้แล้ว”
“หึ!” จื่อหลิงหน้าบึ้ง แล้วจูงมือจื่ออีออกไป
ขณะมองทั้งสองที่เดินจากไป จื่อหนานก็ได้แต่ส่ายศีรษะน้อยๆ แล้วหันไปยิ้มให้หลินเฟิงอย่างขมขื่นพลางกล่าวว่า “จอมยุทธ์น้อย ถึงสองคนนั้นจะดื้อรั้นเช่นนี้ แต่ท่านก็อย่าได้ถือสานักเลย”
หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและสายหัวอย่างช่วยไม่ได้ จื่อหนานดูเหมือนว่าจะไม่สบายใจ หรือว่าระดับขอบเขตของหลินเฟิงจะสูงมากจนเขาไม่สนใจคำพูดของคนธรรมดา?
จื่อหลิงและจื่ออีจัดเตรียมเสื้อผ้าไปเท่าที่จำเป็สำหรับการเดินทาง
ด้านนอกของหมู่บ้านจื่อเหวย จื่อหลิง จื่ออีและหลินเฟิงกำลังอยู่บนหลังม้าพันลี้ จื่อหนานกล่าวว่ามีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่จะได้ไปตระกูลจื่อ
ในตอนแรกจื่อหนาน้าจะไปด้วยตัวเอง แต่เขาก็คิดว่าหากคนของตระกูลจื่อได้เห็นพร์ของชายหนุ่มที่ไปพร้อมกับลูกสาวทั้งสองของเขาแล้วล่ะก็ คงจะเข้าใจเหตุผลได้เป็อย่างดี
“จอมยุทธ์น้อยหลิน ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว และฝากดูแลลูกสาวทั้งสองของข้าด้วย”
จื่อหนานกล่าวเสียงแ่เบา หลินเฟิงก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ข้ารับรองว่าพวกนางจะไปถึงตระกูลจื่ออย่างปลอดภัยแน่นอน”
ทว่าหลินเฟิงไม่ได้พูดถึงขากลับ จื่อหนานเองก็รอฟัง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น หากหลินเฟิงใช้เวลากับพวกนางและเข้ากันได้ เขาจะต้องพาพวกนางกลับมาส่งอย่างแน่นอน
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านพี่จื่ออีก็อยู่ด้วยกัน แล้วจะเกิดเื่ไม่ดีได้อย่างไร? งั้นพวกข้าไปล่ะ” จื่อหลิงกล่าวจบก็ควบม้าออกไป
จื่ออีและหลินเฟิงอยู่ด้านหน้า ส่วนจื่อหลิงอยู่ด้านหลัง
“หลินเฟิง เ้าไปพูดอะไรกับท่านพ่อกันแน่ เขาถึงได้เชื่อมั่นในตัวเ้าเช่นนี้?”
บนเส้นทางที่ไปยังตระกูลจื่อ จื่ออีได้เร่งฝีเท้าม้าให้ทันหลินเฟิง แล้วะโไล่หลังถามเขาเช่นนั้น
สายตาของหลินเฟิงดูเฉยเมยและไม่หันไปมองจื่ออี จึงยิ่งทำให้จื่ออีไม่พอใจอย่างมาก
“ท่านพี่ ข้าคิดว่าท่านพ่อพยายามจะจับคู่ท่านกับเขา”
จื่อหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม จึงทำให้จื่ออีต้องขมวดคิ้วและมองไปทางหลินเฟิง จากนั้นก็กล่าวอย่างเ็าว่า “ข้าจะไม่แต่งงานกับเศษขยะ”
จื่ออีกล่าวจบก็ควบม้าทิ้งห่างหลินเฟิงไปอย่างรวดเร็ว
หลินเฟิงยังคงเฉยเมย ในตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดเื่ผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานกับจื่อโฉง ผู้หญิงคนนี้จะใช่ต้วนซินเยี่ยหรือไม่?
ระยะทางจากหมู่บ้านจื่อเหวยไปตระกูลจื่อต้องใช้เวลาในการเดินประมาณสองวัน นอกจากนี้วันแต่งงานของจื่อโฉงจะจัดขึ้นในอีกสามวัน
เปรี้ยง!!!
เกิดสายฟ้าฟาดบนขอบฟ้า จนท้องฟ้ายามค่ำคืนต้องสว่างจ้า ฝกตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ถนนหนทางเฉอะแฉะไปด้วยโคลนเลน
ูเาจื่อจินเป็เทือกเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ซึ่งตระกูลจื่อก็ตั้งอยู่บนยอดเขาจื่อจิน
ในขณะนั้นที่เชิงเขาของูเาจื่อจินได้มีกระท่อมเก่าหลังหนึ่ง พวกเขาทั้งสามจึงควบม้าตรงไปถึงชายคาบ้าน แล้วก้าวเข้าสู่ภายในกระท่อม ซึ่งในกระท่อมนั้นมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง
“ฝนฟ้าช่างแย่นัก พวกเราอุตส่าห์มาถึงเชิงเขาจื่อจินแล้วเชียว ฝนดันมาตกหนักแบบนี้ซะได้ จริงๆ คืนนี้เราควรถึงตระกูลจื่อและได้พักผ่อนสบายๆ แล้วแท้ๆ”
จื่ออีทั้งหงุดหงิดทั้งเหนียวตัว ั้แ่หัวจรดเท้าเสื้อผ้าของนางเปียกปอนแนบชิดกับผิวกาย เผยให้เห็นรูปร่างของนาง เห็นได้ชัดว่าจื่ออีมีเสน่ห์เพียงพอที่จะดึงดูดชายหนุ่มจำนวนมากได้
ขณะนั้นจู่ๆ จื่อหลิงก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองนางอยู่ นางจึงกวาดสายตาไปรอบๆ กระท่อมและเห็นร่างเงาสามร่างกำลังนั่งอยู่บนพื้น ซึ่งร่างเงาทั้งสามนี้ก็กำลังจ้องมองนางด้วยแววตาชั่วร้าย
จื่อหลิงพลันเงียบเสียงลงขณะที่ร่างกายเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย เมื่อเห็นสายตาชั่วร้ายของร่างเงาทั้งสามที่มองมาทางนี้ นางจึงหวาดกลัวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ในขณะนั้นจื่ออีและหลินเฟิงก็เข้ามาด้านในกระท่อม ร่างทั้งสองเปียกฝนมากว่าจื่อหลิงมากนัก นอกจากนี้หลินเฟิงก็ยังสวมหน้ากากสีเงินอีกด้วย
จื่ออีเองก็รู้สึกถึงสายตาของสามคนนั้นที่กำลังมองนางอยู่ คนพวกนี้จะต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน
อย่างไรก็ตามนางยังไม่คลายความระวัง เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านจื่อเหวยมามากแล้ว พวกนางจึงต้องระมัดระวังตัวเป็อย่างมาก จากนั้นนางลากจื่อหลิงไปอีกด้านของกระท่อมและนั่งลง
หลินเฟิงเองก็หยิบท่อนไม้บางส่วนจากกระท่อมขึ้นมา จากนั้นก็ไปหาจื่อหลิงและจื่ออี เขานำท่อนไม้เ่าั้มาก่อไฟและนั่งผิงไฟเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็วอีกด้วย
ร่างเงาสามร่างนั้นกวาดสายตามองหลินเฟิง พวกเขาเห็นแค่หลินเฟิงกำลังก้มหน้าผิงไฟอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นทั้งสามเลย
“ไร้ประโยชน์เสียจริง ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านพ่อกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ให้เศษขยะติดตามมาพวกเรามา”
จื่ออีเห็นหลินเฟิงทำแต่เื่ไร้สาระ แต่นางก็ไม่ได้ขอบคุณหลินเฟิงแต่อย่างใด ในทางกลับกันนางเอาแต่ดูถูกและเหยียดหยามเขา
เมื่อคนหนึ่งเห็นคนที่ไม่ชอบ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร การกระทำนั้นก็ล้วนขัดหูขัดตาทั้งนั้น ท้ายที่สุดจื่ออีก็เอาแต่ดูถูกหลินเฟิง หรือเป็เพราะนางคิดว่าหลินเฟิงอ่อนแอ หากนางรู้ว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งกว่าท่านพ่อของนางล่ะก็ คงไม่รู้ว่านางจะรู้สึกเช่นไร
จื่ออีไม่รู้ว่าคำพูดของนางนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหลินเฟิงแม้แต่น้อย เพราะเดิมทีหลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจนางอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่ได้สนใจคำพูดของนางด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าการกระทำของจื่ออีนั้นเรียกว่าไม่รู้จักชั่วดี จึงทำให้เขาไม่ค่อยประทับใจจื่ออีสักเท่าไร
“ลูกพี่คิดยังไงกับสองสาว?”
ขณะนั้นมีเสียงชั่วร้ายดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง หนึ่งในร่างเงาทั้งสามมองจื่ออีและจื่อหลิงด้วยแววตาหื่นกระหาย
“ข้าชอบคนนั้นที่ดูเ็าหน่อยๆ หน้าอกและบั้นท้ายของนางช่างดูเย้ายวนยิ่งนัก หากเล่นด้วยจะต้องสนุกแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าตอนที่กำลังเล่นด้วย นางจะเ็าเหมือนตอนนี้หรือไม่?”
ลูกพี่ของมันมีดวงตาสีเขียวอ่อน ซึ่งกำลังพิจารณาร่างที่อวบอิ่มของจื่ออี ซึ่งตอนนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน จึงทำให้เสื้อผ้าแนบชิดกายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหน้าอกของจื่ออีที่เห็นได้ชัด พวกมันดึดดูดสายตาของพวกเขามาก
เมื่อได้ยินคำพูดโสโครกของอีกฝ่าย สีหน้าของจื่ออีพลันเยือกเย็นขึ้นมาและจ้องเขม็งไปทางพวกเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับ ทันใดนั้นร่างกายของนางก็กำลังปลดปล่อยกลิ่นอายอันหนาวเหน็บออกมา
“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นโกรธแล้ว ไม่เห็นน่าสนใจเลย ข้าชอบผู้หญิงอ่อนโยนมากกว่า ไม่เพียงแต่น่ารักเท่านั้น ยิ่งรูปร่างของนางแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
อีกคนที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น ขณะที่ั์ตาก็จ้องมองจื่อหลิงอย่างหื่นกระหาย
ทั้งสามต่างคนต่างพูดอย่างไม่ปิดบัง ขณะมองไปที่จื่ออีและจื่อหลิงราวกับเป็เหยื่อของพวกเขา
ส่วนหลินเฟิงที่กำลังผิงไฟอยู่ ทั้งสามคนนั้นไม่ได้สนใจแต่อย่างใด
จื่ออีนั่งติดกับจื่อหลิง ถึงแม้นางจะเป็คนร่าเริง แต่เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ นางจึงอดรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้
“ไร้ยางอายยิ่งนัก! พวกเ้าลองพูดอีกครั้งสิ?”
ทันใดนั้นร่างกายของจื่ออีที่เต็มไปด้วยลมปราณอันหนาวเหน็บจู่ๆ ก็ลุกขึ้นยืน และจ้องเขม็งที่ทั้งสามคนนั้นด้วยสายตาเยือกเย็น
“ฮ่าๆๆ รูปร่างช่างยอดเยี่ยมเสียจริง”
ลูกพี่คนนั้นจ้องมองร่างของจื่ออีที่กำลังลุกขึ้นยืน ราวกับว่าเขากำลังมองไปยังร่างหญิงสาวที่เปลือยเปล่า