ซูจ้งกัดฟันกรอดพร้อมทั้งหันไปต่อว่าเหล่าบ่าวรับใช้หญิงชรา “พวกเ้ายังไม่รีบมารับใช้ถอดรองเท้าลายปักให้คุณหนูใหญ่อีก! ”
เหล่าหญิงชราล้วนเป็ข้ารับใช้ให้กับสกุลซู ดังนั้นคำสั่งของซูจ้งจึงถือเป็คำสั่งเด็ดขาดสำหรับพวกนาง เหล่าข้ารับใช้รู้กันทันทีว่า ‘รับใช้ ’ สองคำนี้หมายความว่าอย่างไร จึงรีบเข้ามาอย่างว่องไว
“ล่วงเกินพี่หญิงใหญ่แล้ว! ”
ฮั่วซื่อคิดจะห้ามเหล่าหญิงชรา ทว่าเมื่อนางไตร่ตรองดูแล้ว สิ่งที่ซูจิ่นซีพูดก่อนหน้านี้ไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก ซ้ายขวาของนางก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้ ถึงอย่างไรสกุลของฮั่วซื่อก็มีอิทธิพล เพียงแต่ว่าซูจิ่นซีมีอำนาจเป็พระชายาของโยวอ๋องก็เท่านั้น
ซูจิ่นซีในเวลานี้เข้าใจกระจ่าง แตกต่างจากคนโง่ที่เคยถูกข่มเหงดังเช่นที่ผ่านมา หากฮั่วซื่อ้าปกป้องซูเซียนฮุ่ยคงต้องคิดวางแผนให้ยาว
เมื่อไม่มีฮั่วซื่อคอยห้ามปรามสักคน ซูเซียนฮุ่ยแม้อยากที่จะขัดขวางก็ไม่มีประโยชน์อันใด เหล่าหญิงชราต่างก็รีบถอดรองเท้าลายปักของซูเซียนฮุ่ยออก
เมื่อผู้คนเห็นว่าพื้นรองเท้าของซูเซียนฮุ่ยและฮั่วอวี้ต่างมีคราบโคลนจากริมสระน้ำและหญ้าหวู่จูเช่นเดียวกันก็ล้วนแตกตื่นใ
ฮั่วซื่อหลับตาลงอย่างหมดแรง
ซูจ้งทำหน้าราวกับพบเจอเื่น่าผิดหวังที่สุดในชีวิตของตน
ทว่าเื่พลิกผันถึงเพียงนี้แล้ว แม้ผลลัพธ์เื่นี้จะไม่เป็ไปตามที่ทุกคนคาดไว้ ทว่ามันก็ดูสมเหตุสมผลดี
เื่ที่สองแม่ลูกทำช่างไร้จิตสำนึกเหลือเกิน เช่นนี้แล้วยังมีเื่อันใดอีกหรือไม่ที่พวกนางทำไม่ได้?
ทว่าเื่ที่คาดไม่ถึงคือ ซูเซียนฮุ่ยจะฆ่าได้แม้กระทั่งคนของสกุลฮั่ว
ซูจิ่นซียิ้มมุมปากอย่างเ็า ไม่แม้แต่จะเอื้อนเอ่ยคำใด
ซูเซียนฮุ่ยคุกเข่าลงบนพื้น กอดขาฮั่วซื่อแล้วร้องไห้ “ช่วยด้วยท่านแม่ ช่วยข้าด้วย! ข้าไม่ได้ตั้งใจ พี่ฮั่วมันคิดร้ายกับข้าก่อน มันคิดจะหยามข้า ข้าทำไปเพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น… ”
ซูเซียนฮุ่ยยังไม่ทันพูดจบก็ถูกฮั่วซื่ออุดปากของนางไว้ ฮั่วซื่อมองทุกคนด้วยหางตา “ออกไปให้หมด นี่ไม่ใช่เื่ของพวกเ้า! ”
สำหรับฮั่วซื่อ สตรีผู้โเี้และเป็ใหญ่ในสกุลนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของนาง แม้แต่ซูเมิ่งเหยาและอนุซุนต่างก็ลุกขึ้นและเดินออกไปอย่างคนขี้ขลาด
เมื่อทุกคนเดินมาถึงหน้าประตู ฮั่วซื่อก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “เื่ราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ หากมีผู้ใดกล้าเปิดเผยออกไปแม้แต่คำเดียว อย่ามาโทษว่าฮูหยินอย่างข้าไม่ไว้หน้าเช่นแต่ก่อนก็แล้วกัน! ”
ผู้คนที่ทราบวิธีการของฮั่วซื่อดีต่างก็เอ่ยรับคำเป็เสียงเดียวกันและรีบเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
นอกเหนือจากศพของฮั่วอวี้ที่นอนอยู่บนพื้นก็เหลือเพียงฮั่วซื่อ ซูเซียนฮุ่ย และซูจ้ง ฮั่วซื่อปล่อยมือที่ปิดปากซูเซียนฮุ่ยออก นางพร้อมเทหมดหน้าตักเพื่อสู้กับซูจิ่นซี
“เซียนฮุ่ยคือบุตรสาวของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องนาง เ้า้าสิ่งใดก็พูดมา! ”
ซูจิ่นซีชอบใจยิ่งนักที่ได้คบหากับคนฉลาดและตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทว่าไม่ได้หมายความว่าฮั่วซื่อจะมีสิทธิ์คิดร้ายและข่มเหงรังแกใครต่อใครได้
ทว่าซูจิ่นซีเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า ในจวนสกุลซูนี้ ฮั่วซื่อมีอำนาจและอิทธิพลมากเพียงใด แม้นางคิดอยากตอบแทนความแค้นในอดีต คิดอยากกำจัดฮั่วซื่อและซูเซียนฮุ่ยให้ถึงที่สุด ทว่าก็ไม่ใช่เื่ที่จะสามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน เื่นี้ยังต้องใช้เวลาในการวางแผนอีกนาน
หากในภายภาคหน้านางสามารถยืนหยัดอยู่ในจวนของโยวอ๋องได้ ก็ค่อยคิดจัดการกับเหล่าปีศาจในสกุลซูพวกนี้ ไม่ใช่เื่ที่ทำได้อย่างง่ายดายกว่าหรือ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูจิ่นซีจึงกล่าวว่า “ในเมื่อเื่มาถึงขนาดนี้แล้ว ในใจของท่านแม่คงทราบดี ข้าไม่สามารถเป็แพะรับบาปแทนผู้ใดอย่างไร้ค่าได้”
“ใช่ ใช่ ใช่ ในที่สุดเื่ราวนี้ก็ราวกับน้ำลดตอผุด เพราะอวี้เอ๋อร์มัวแต่เล่นระเริง ไม่ทันระวังจึงพลัดตกสระบัวเสียชีวิต เป็ธรรมดาปกติที่... จิ่นซีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้สักนิด! ”
ซูจิ่นซีชะงักไปชั่วครู่ วิธีจัดการของฮั่วซื่อนี้ช่างเด็ดขาดเสียจริง โหดร้าย สามารถเปลี่ยนเื่จากหน้ามือเป็หลังมือดังเช่นการขโมยคานแล้วเปลี่ยนเป็เสาเช่นนี้
ซูจิ่นซีได้แต่ถอนหายใจ แล้วพูดต่อว่า “ เื่ที่พี่หญิงใหญ่ดูถูกข้าก็ให้แล้วไปเถิด คาดไม่ถึงว่าจะบังอาจสาปแช่งท่านอ๋อง เื่นี้ถึงแม้ว่าท่านแม่จะไม่ไต่สวนหาความแล้ว เกรงว่าหากเื่นี้ได้ยินไปถึงหูโยวอ๋อง ท่านอ๋องคงไม่ปล่อยไว้เป็แน่”
ฮั่วซื่อจ้องไปที่ซูจิ่นซีอย่างโเี้
“ลูกหมายความว่า พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องรับโทษตาย ทว่าก็ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างง่ายดายนัก ความผิดนี้จะติดตัวพี่หญิงไปจนตายอย่างนั้นหรือ?”
ซูจิ่นซีตอบรับโดยการยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย
ฮั่วซื่อแทบอยากกระโจนเข้าไปบีบคอซูจิ่นซีให้ตายคามือ แม้ปากอยากจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด กลับทำได้เพียงกลืนมันลงไปในคอเท่านั้น
“เซียนเอ๋อร์ปากไม่มีหูรูด พูดจาเพ้อเจ้อ ั้แ่คืนนี้เป็ต้นไป ข้าขอสั่งให้เ้าไปคุกเข่าในห้องสำนึกผิดเป็เวลา 1 เดือน และห้ามออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”
“ท่านแม่... ”
ซูเซียนฮุ่ยหน้าซีดขึ้นมาทันใด นางคิดที่จะคัดค้านแต่กลับถูกฮั่วซื่อมองกลับมาอย่างโเี้
หนึ่งชีวิตที่ต้องสูญเสียไป แลกกับการให้คุกเข่าในห้องสำนึกผิด 1 เดือน ซูเซียนฮุ่ยจะสบายเกินไปแล้ว
เมื่อความจริงถูกเปิดเผยว่าการตายของฮั่วอวี้ เป็เพราะซูเซียนฮุ่ยและฮั่วอวี้ที่ร่วมมือกัน คิดหวังทำลายความบริสุทธิ์ของซูจิ่นซี ทว่าซูเซียนฮุ่ยกลับถูกฮั่วอวี้หยามนางเสียเอง เพื่อปกป้องตนเอง จึงเป็เหตุให้ซูเซียนฮุ่ยพลั้งมือฆ่าฮั่วอวี้ หลังจากนั้นจึงคิดจะโยนความผิดให้ซูจิ่นซีเป็แพะรับบาป
ซูจิ่นซีล้างมลทินให้ตัวนางแล้ว ส่วนฮูหยินฮั่วซื่อและบุตรสาว หากในอนาคตมีโอกาสอีกครั้ง ซูจิ่นซีจะไม่มีวันปล่อยให้หลุดลอยไปง่ายๆอีกแน่นอน
เื่ราวจนกระทั่งบัดนี้ ซูจิ่นซีเบื่อจนไม่อยากจะมองหน้าฮั่วซื่อและซูเซียนฮุ่ยแล้ว
“ท่านแม่ ถ้าไม่มีเหตุอันใดแล้ว ข้าขอตัวกลับห้องก่อน”
ฮั่วซื่อไม่ได้เอ่ยตอบ ซูจิ่นซีมุ่งตรงออกประตูไป
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ซูจิ่นซีก็หันหลังกลับมามองฮูหยินฮั่วซื่อและพี่หญิงใหญ่ของตนอย่างขยะแขยง
“พี่หญิงใหญ่ยังจำได้หรือไม่ว่า ครั้งก่อน ท่านได้พบกับไท่จื่อที่ห้องสวนหลังจวน ไท่จื่อทรงสัญญาว่าจะพาท่านเข้าตำหนักบูรพา ทว่าเื่ราวยังไม่แน่นอน ในเมื่ออีก 3 วันข้างหน้าจะถึงพิธีอภิเษกสมรสระหว่างข้ากับโยวอ๋องแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ท่านแม่เตรียมค่าสินเดิมเ้าสาวไว้ให้ท่าน ท่านก็มอบมันให้ข้าก่อนเถิด! แม้เพียงเศษสตางค์ก็อย่าให้ขาดไป! ”
“สินเดิมเ้าสาวของเ้า แม่ได้เตรียมไว้ให้เ้าตั้งนานแล้ว เ้าจะเอ่ยถึงสินเดิมเ้าสาวของเซียนเอ๋อร์ทำไม? ”
ฮั่วซื่อกัดฟันข่มความอดทน
“หากท่านแม่ทำใจไม่ได้เื่ค่าสินเดิมเ้าสาว ก็ให้พี่หญิงใหญ่อภิเษกเองเสียสิ ถึงอย่างไรพิษบนใบหน้าของข้า ไม่ต้องรอให้ถึงวันส่งตัวเข้าหอ นับวันมันก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นอยู่แล้ว ยิ่ง่เวลาเช่นนี้อาการจะกำเริบจนถึงตายเมื่อไรข้าก็ไม่อาจทราบได้”
เมื่อมีแต้มต่ออยู่ในมือ ซูจิ่นซีจึงยิ้มอย่างน่ากลัวขึ้นมา
ฮั่วซื่อโกรธถึงขั้นจิกเล็บลงไปบนฝ่ามือตนเอง “ได้ ตราบใดที่เ้าประสงค์จะเข้าพิธีสมรส เื่สินเดิมเ้าสาวทองหมั้นให้เป็เื่ของข้าจัดการเอง”
ทว่า ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นองครักษ์เงาที่ลักลอบเข้ามาในชายคาจวนสกุลซูอย่างเงียบเชียบ และหายไปอย่างเงียบสงัด
……
หลังออกมาจากห้องโถงใหญ่ ซูจิ่นซีก็ตระหนักได้ทั้งกายและใจว่า เื้ัสกุลต่างๆ ในสมัยโบราณนี้ช่างยุ่งยากและน่าหวาดกลัวเสียจริง
ยังไม่ทันจะก้าวเท้า ลวี่หลีก็โผล่พรวดออกมาจากด้านหลังพุ่มดอกไม้ มองดูแล้วคล้ายกับว่าพึ่งผ่านการร้องไห้มา
ซูจิ่นซีถูกดึงเข้าไปใกล้ตัว “คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมา ข้ากังวลแทบแย่เ้าค่ะ ผู้คนต่างก็กล่าวว่าอาการป่วยของท่านดีขึ้นแล้ว เป็จริงใช่หรือไม่เ้าคะ? ”
ซูจิ่นซีชำเลืองมองพร้อมถอนหายใจเฮือก เ้าของร่างเดิมนี่ช่างโง่เง่าเสียจริง อยู่ในจวนสกุลซูเองก็ได้รับความทุกข์ไม่น้อย ทว่าลวี่หลีกลับอยู่ข้างนางไม่จากไปไหน เป็ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์และอยู่เคียงข้างนางมาโดยตลอด คนเช่นนี้จะหาจากที่ใดได้อีกเล่า
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซูจิ่นซีก็ยื่นมือเช็ดน้ำตาให้ลวี่หลีเล็กน้อย
“เด็กโง่ เ้าเลิกร้องไห้ได้แล้ว ข้าดีขึ้นมากแล้วละ นับจากนี้จะไม่มีใครมารังแกพวกเราได้อีกแล้ว”
ลวี่หลีร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ ซูจิ่นซีถึงกับต้องกุมขมับอีกครั้ง สตรีสมัยโบราณร้องไห้เก่งกระไรเช่นนี้?
หลังจากกลับมาถึงจวนข้างลานดอกบัวที่เป็ตำหนักของนาง ซูจิ่นซีส่องดูใบหน้าตนเองในกระจกแกะสลักลวดลาย แท้จริงแล้วใบหน้าของนางปรากฏรอยพิษร้ายอันน่าหวาดกลัว มันปิดบังใบหน้าซีกขวาที่แท้จริงของนางไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว
ไม่แปลกใจเลยที่ฮั่วอวี้และซูเซียนฮุ่ยต่างก็บอกว่านางขี้ริ้วขี้เหร่ เช่นนี้นี่เองจึงทำให้ผู้คนที่เห็นใบหน้าของนางพากันใกลัว
ส่วนประกอบของสารพิษนี้ช่างซับซ้อน ทว่าซูจิ่นซีเริ่มเข้าใจระบบถอนพิษบ้างแล้ว นางใช้เวลาในการนั่งคิดวิเคราะห์มาระยะหนึ่ง กระทั่งได้รู้จากการนำพิษมาตรวจสอบ แท้จริงแล้วมันคือพิษเจ็ดแมลงเจ็ดสี
พิษชนิดนี้ไม่ได้ถ่ายทอดทางสายเื ทว่าในทางกลับกันมันเป็พิษที่เกิดขึ้นหลังจากที่นางกำเนิดขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นยังเป็ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้า พิษเรื้อรังชนิดนี้ไม่สามารถเป็ได้ในชั่วข้ามคืน
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ รอบตัวของซูจิ่นซีมีผู้ประสงค์ร้ายแฝงตัวอยู่ พวกนกต่อเหล่านี้ให้ยาพิษเรื้อรังแก่นาง
หากไม่กำจัดรอยพิษออกจากร่างกายโดยเร็วที่สุดแล้วละก็ มันอาจส่งผลอันตรายต่อชีวิตของนางเป็แน่
ทว่าการกำจัดพิษชนิดนี้ออกไป ต้องอาศัยตัวยาถึง 7 ชนิด ในเวลานี้ระดับชั้นความสามารถระบบถอนพิษของซูจิ่นซียังไม่เพียงพอ และนางยังหาวัตถุดิบแก้พิษไม่ครบ ขาดอีกเพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือสมุนไพรตงเออเออเจียว [1] และไป๋ลู่เฉ่า [2]
ทั้งสองสิ่งนี้เป็ส่วนประกอบทางการแพทย์อันล้ำค่า
ไป๋ลู่เฉ่าเป็กล้วยไม้หายากในยุคโบราณ ซูจิ่นซีเคยได้เห็นเพียงภาพที่ร่างไว้เท่านั้น ทว่าไม่เคยได้เห็นมันด้วยตาของตนเอง
ส่วนตงเออเออเจียว ช่วยในการบำรุงเื การไหลเวียนเื และยับยั้งการแข็งตัวของเื ดังนั้นมันจึงเป็ที่นิยมมากเพราะผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ทว่ามีราคาสูง ในยุคโบราณมีเพียงในพระราชสำนักหรือตระกูลสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะสามารถมีไว้ในได้ ทว่าก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในห้องโถง ระบบถอนพิษของซูจิ่นซีตรวจสอบได้ว่าร่างกายของอนุซุนมีท่าทีแสดงให้เห็นว่าเคยใช้เครื่องปรุงยาจีนนี้มาก่อน
เป็ไปได้ว่าตงเออเออเจียวมีอยู่ในจวนของสกุลซู ทั้งยังอยู่ในมือของอนุซุน
ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น ลวี่หลีก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
“คุณหนูเ้าคะ ดูท่าไม่ดีเสียแล้ว อนุซุนกำลังมาที่จวนของเราเ้าค่ะ”
ซูจิ่นซียิ้มและเลิกคิ้วโก่งขึ้นอย่างชั่วร้าย นึกถึงสิ่งใดสิ่งนั้นก็ปรากฏทันทีเลยหรือนี่!
……
เชิงอรรถ
[1] ตงเออเออเจียว เป็ยาสมุนไพรชนิดหนึ่งชื่อเออเจียว ทำมาจากหนังของลาเอาไปต้ม เคี่ยวจนได้เป็น้ำเหนียวข้น ปัจจุบันอยู่ที่มณฑลชานตง
[2] ไป๋ลู่เฉ่า เป็สมุนไพรชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์กล้วยไม้ มีดอกสีขาว ก้านดอกสูง 20-50 ซม. และมีลำต้นอยู่ใต้ดิน มีถิ่นกำเนิดในเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น ที่เรียกว่า ไป๋ลู่ เพราะดอกไม้ชนิดนี้มีลักษณะเหมือนนกกระยางกางปีก