ณ เรือนใหญ่ตระกูลหานในเวลานี้ ภายในห้องของหานซินมีเหล่าคุณหนูของตระกูลหานอยู่รวมกันหลายคน
คุณหนูสามหานเยว่มองหานซินที่กำผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งไว้แน่น โดยไม่รู้ว่ากำลังเคร่งเครียดหรือว่ากำลังโกรธเคือง ภายในดวงตาของหานเยว่ฉายแววเหยียดหยาม แต่บนใบหน้ากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆ "น้องห้าเ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก หากท่านพ่อออกไปด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ น้องเจ็ดจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน”
คุณหนูสี่หานเซียงมักจะชอบอยู่กับหานเยว่เสมอ แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้เกิดมาจากมารดาคนเดียวกัน แต่กลับสนิทชิดเชื้อกันเป็อย่างยิ่ง หลังจากได้ยินสิ่งที่หานเยว่พูด หานเซียงเองก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยว่า "ใช่แล้วล่ะน้องห้า ไม่ว่าน้องเจ็ดจะดื้อรั้นอย่างไร แต่ก็ควรที่จะฟังคำพูดของท่านพ่อ”
หานซินชำเลืองมองพี่สาวทั้งสองของตนเอง ความจริงแล้วนางไม่เคยรู้สึกดีอะไรต่อบุตรสาวคนอื่นๆ ในตระกูลหานนี้เลย แต่ในบรรดาพี่สาวน้องสาวทั้งหมดผู้ที่นางเกลียดที่สุดก็คือ หานโม่
คนบางคนก็อาจจะเกิดมาด้วยดวงที่เป็ปรปักษ์ต่อกัน
“ข้าปรารถนาเป็อย่างยิ่งว่านางจะไม่กลับมา มันคงจะดีกว่าหากท่านพ่อทุบตีนางจนตายคาที่ไปเลย!” หานซินพูดออกมาอย่างโหดร้าย
หานเยว่ถอนหายใจ "น้องห้า เ้าจะกลุ้มใจไปทำไม เราทุกคนต่างล้วนเป็พี่น้องกัน แม้ว่าน้องเจ็ดจะเคยเฉลียวฉลาดโดดเด่นกว่าผู้อื่น แต่ตอนนี้ไม่ใช่ว่านางยังคงจนตรอกอยู่หรอกหรือ? เ้าไม่จำเป็ต้องหมายตานางอีกแล้ว ปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตต่อไป และนี่ก็ถือเป็ความห่วงใยในฐานะพี่สาวอย่างเ้าด้วยอย่างไรเล่า"
หานเซียงลอบมองหน้าหานเยว่ชั่วขณะหนึ่ง หานเยว่เป็ที่ชื่นชอบของบิดามากที่สุดในบรรดาพี่น้องรองมาจากจากพี่สาวคนโตอย่างหานเสวี่ย ไม่เพียงเพราะมารดาของหานเยว่คือฮูหยินรองเว่ยซื่อ ผู้ซึ่งเป็ที่โปรดปรานของผู้นำตระกูล แต่ยังเป็เพราะรูปโฉมที่โดดเด่นกว่าผู้ใดของนางอีกด้วย อีกประการหนึ่งคือพี่ใหญ่หานเสวี่ยมักจะออกไปร่ำเรียนหนังสือข้างนอกตระกูลอยู่ตลอดทั้งปี ความสามารถของหานเยว่เองก็ไม่เลวนัก นางยังคอยอยู่เป็เพื่อนข้างกายบิดาเสมอ ดังนั้นบิดาจะชมชอบนางมากกว่าบุตรสาวคนอื่นเล็กน้อยก็เป็เื่ธรรมดา
ทุกคนในตระกูลหานต่างพูดกันว่าคุณหนูสามหานเยว่ไม่เพียงแต่เกิดมาพร้อมกับรูปโฉมที่งดงามที่สุดในแผ่นดินเท่านั้น แต่ความสามารถก็เทียบได้กับคุณหนูใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยก็ยังน่าคบหาและกริยาท่าทางสง่างามเรียบร้อยเยี่ยงคุณหนูผู้สูงศักดิ์
แววตาของหานเซียงฉายแววซุกซน
เป็ดังที่คนนอกร่ำลือกัน แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าพี่สามผู้นี้ของนาง จริงๆ แล้วเป็คนผู้หนึ่งที่สามารถวางแผนการต่างๆ ได้อย่างไร้ช่องโหว่
หานเยว่มักครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดสิ่งใด นางเลือกใช้คำที่หานซินไม่อาจทนฟังได้มากที่สุดมาพูด และทุกๆ ประโยคล้วนก่อให้เกิดโทสะ
ทุกอย่างเป็ไปตามที่หานเยว่คาดการณ์ไว้ ทันใดนั้นความคิดของหานเซียงก็สะดุดลง เมื่อหานซินลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธจัดโดยไม่อาจยับยั้งอารมณ์เอาไว้ได้อีก นางหยิบถ้วยชาบนโต๊ะมาเขวี้ยงลงกับพื้นจนแตกเป็เสี่ยง
"เอาใจใส่ดูแล? ท่านจะให้ข้าดูแลหานโม่นางสารเลวนั่นหรือ? เหอะๆ พี่สาม ข้าขอสัญญากับท่าน ตราบใดที่หานโม่นางสารเลวนั่นกล้ากลับมา ข้าจะ 'ดูแล' นางเป็อย่างดีแน่นอน!" หานซินเผยรอยยิ้มร้ายกาจ เมื่อได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้ก็ทำให้หานเยว่และหานเซียงรู้สึกหวาดกลัวปนตื่นตระหนกเล็กน้อย
แม้ว่าพวกนางจะรู้ว่าหานซินไม่ชอบหานโม่เพียงใด แต่ก่อนหน้านี้หานซินก็กลั่นแกล้งนางมามากพอแล้ว ในตอนนี้กลับดูเหมือนว่าความเกลียดชังของหานซินจะไม่มีจุดสิ้นสุด
"น้องห้า น้องเจ็ดล่วงเกินอันใดเ้าหรือ? เหตุใดเ้าถึงได้เกลียดชังนางเยี่ยงนี้เล่า?" หานเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หานซินตะคอกพี่สาวกลับด้วยน้ำเสียงเ็า "การที่นางมีชีวิตอยู่ก็ถือเป็การล่วงเกินข้าแล้ว!"
หานซินไม่อาจกล่าวอ้างถึงเื่ที่ตัวนางถูกหานโม่วางแผนจัดการจนทำให้ต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไป เมื่อในตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับการซักถามของพี่สาวทั้งสอง นางจึงทำได้เพียงแสดงท่าทีเมินเฉยอย่างหยิ่งยโสเท่านั้น
หานเยว่กับหานเซียงเหลือบมองหน้าซึ่งกันและกัน ทั้งสองก็ส่ายหัวไปมาด้วยหมดจนหนทางแล้ว จึงหยุดพูดเพื่อโน้มน้าวหานซินอีก
สำหรับเหล่าบุตรสาวตระกูลหานแล้ว พวกนางต่างก็ไม่ได้ใส่ใจเื่ของการกลับมาของหานโม่นักด้วยว่าสำหรับพวกนางแล้วมันยังไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร
อย่างไรก็ตามมือของพวกนางก็ไม่แปดเปื้อนอยู่แล้ว
สาวใช้ข้างกายหานซินกระวีกระวาดเข้ามาเก็บกวาดเศษซากที่อยู่บนพื้น แต่หลังจากที่สาวใช้ออกไปได้ไม่นานนักก็ต้องรีบร้อนกลับเข้ามาอีกครั้งแล้วเอ่ยกับหานซินว่า “คุณหนูห้าเ้าคะ นายท่านพาคุณหนูเจ็ดกลับมาแล้วเ้าค่ะ!"
เมื่อได้ฟังดังนั้นหานซินก็ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาเป็ประกายด้วยความอำมหิต "ไม่นึกเลยว่านางจะยังกล้ากลับมาอีก!"
หานเยว่และหานเซียงลอบสบตากันอย่างเงียบๆ
ทั้งสองคนต่างยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบดบังมุมปากที่หยักยกขึ้นน้อยๆ ภายในใจต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
ภายในตระกูลหานกำลังวุ่นวาย
เื่ที่หานโม่ถูกผู้นำตระกูลหานพาตัวกลับมาด้วยตนเองนั้น ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลอย่างรวดเร็ว เมื่อนายหญิงตระกูลหานคนปัจจุบันซึ่งมีนามว่าอู๋ซื่อรู้เื่นี้เข้า แจกันและถ้วยชาที่อยู่ใกล้มือต่างถูกขว้างปาจนแตกกระจายเต็มพื้นห้อง
ตอนที่สามพี่น้องมาถึงเรือนของอู๋ซื่อก็พบกับเหล่าสาวใช้ที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดเศษซากถ้วยชาและแจกันอยู่ ทันใดนั้นหานเยว่กับหานเซียงต่างพยายามควบคุมไม่ให้แสดงสีหน้ายิ้มใดออกมา
อู๋ซื่อและหานซินเป็แม่ลูกกัน ดังนั้นวิธีการระบายความโกรธนั้นก็ย่อมต้องเหมือนกันทุกประการ
สาวใช้เห็นคุณหนูทั้งสามมาด้วยกันจึงกระวีกระวาดเข้าไปรายงานอู๋ซื่อทันที
เพียงไม่นานสาวใช้ก็กลับออกมาเชิญคุณหนูทั้งสามท่านเข้าไปด้านใน
หานซินเป็บุตรสาวคนเล็กของอู๋ซื่อ เพราะหานเสวี่ยที่เป็บุตรสาวคนโตไม่ได้มีเวลาว่างมาอยู่ด้วย ดังนั้นหานซินจึงถูกเลี้ยงดูมาแบบตามอกตามใจเล็กน้อย และเป็เพราะการตามใจของอู๋ซื่อ จึงทำให้หานซินกลายเป็คนเ้าอารมณ์เช่นนี้
ใบหน้าของหานซินเหมือนกับอู๋ซื่อถึงหกส่วน แม้ว่าอู๋ซื่อจะมีบุตรถึงสี่คนแต่เพราะนางคอยดูแลตัวเองเป็อย่างดีมาตลอด อีกทั้งนางเป็ถึงนายหญิงแห่งตระกูลหานจึงได้รับการเอาอกเอาใจอยู่เสมอ จึงดูราวกับยังเป็หญิงสาววัยออกเรือนที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจ
เมื่อตอนที่คุณหนูทั้งสามเดินเข้ามาก็พบกับอู๋ซื่อที่กำลังนั่งอยู่บนตั่งเตียงด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
หานซินไม่สนใจพิธีการใดๆ นางวิ่งตรงเข้าไปนั่งลงข้างๆ อู๋ซื่อ แล้วพูดด้วยความโกรธแค้น "ท่านพ่อไปรับนางสารเลวหานโม่นั่นกลับมาด้วยตัวเองแล้วเ้าค่ะ!"
หานซินสามารถไม่สนพิธีการได้ แต่หานเยว่กับหานเซียงนั้นไม่ใช่ หลังจากที่ทั้งสองทำความเคารพอู๋ซื่ออย่างนอบน้อมแล้วจึงค่อยๆ เดินมายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ดวงตางดงามของอู๋ซื่อมองไปที่บุตรสาวของอนุทั้งสองด้วยแววตาดูถูกดูแคลน
ในตระกูลนี้นอกจากบุตรสาวของนางแล้ว บุตรชายหรือบุตรสาวคนอื่นนั้น ในสายตาของนางล้วนเป็เพียงลูกอนุชั้นต่ำเท่านั้น
อู๋ซื่อไม่เคยเก็บคนเ่าั้ให้อยู่ในสายตา
ดังนั้นนางจึงไม่สนใจหานเยว่และหานเซียง แล้วหันมาโอบกอดหานซินพลางตบหลังนางเบาๆ ด้วยหัวใจที่เป็ทุกข์ และเอ่ยว่า "ไม่มีสิ่งใดที่ต้องโกรธ ซินเอ๋อร์ ถึงแม้ว่าหานโม่กลับมาแล้วมันจะเป็อย่างไร นางอย่าคิดว่าออกไปครั้งหนึ่งแล้วกลับมาจะยังเป็เ้านายของตระกูลหานอยู่ เมื่อก่อนชีวิตของนางเป็เช่นไร ต่อจากนี้ไปนางต้องลำบากยิ่งกว่าเก่า!"
คำพูดของอู๋ซื่อนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ หานซินััได้ถึงความอาฆาตแค้นบางๆ เมื่อกำลังจะพูดอีกสองสามคำเพื่อเอ่ยชมมารดา นางก็เห็นสาวใช้ตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน
อู๋ซื่อมองสาวใช้ที่บุ่มบ่ามเข้ามาผู้นั้น แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความโกรธเคืองทันที "นางคนนี้สมควรตายนัก มีอะไรเ้าถึงได้รีบร้อนเช่นนี้?"
สาวใช้คุกเข่าลงกระแทกพื้นเสียงดังพลางพูดด้วยเสียงสั่นกลัวว่า "นายหญิง เมื่อครู่นี้นายท่านพาคุณหนูเจ็ดไปส่งที่เรือนเหอเซียงด้วยตัวท่านเองเ้าค่ะ เรือนพักที่เดิมทีนายหญิงได้ตระเตรียมไว้นั้น คุณหนูเจ็ดไปดูมาแล้วและบอกว่าแม้แต่หมูก็ล้วนไม่อยากอยู่ นายท่านจึงได้เปลี่ยนเรือนให้คุณหนูเจ็ดเ้าค่ะ”
"อะไรนะ?"
หลังจากได้ฟังสิ่งที่สาวใช้พูด ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงไปชั่วขณะ
แม้ว่าหานเยว่กับหานเซียงจะตกตะลึงไปด้วย แต่ผู้ที่มีปฏิกิริยามากที่สุดก็คืออู๋ซื่อกับหานซิน
ทั้งสองคนต่างขว้างปาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถมองเห็นได้ ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องอันน่ารังเกียจของสองแม่ลูกดังก้อง "นางสารเลวหานโม่!"
หานโม่ไม่รู้ว่าที่เรือนอื่นๆ ของตระกูลหานเกิดเื่อันใดขึ้น ในเวลานี้นางกำลังนั่งอยู่ในเรือนหลังใหม่ของนาง เฝ้ารอการมาถึงของเสี่ยวเยว่
เสี่ยวเยว่ถือได้ว่าเป็เพียงคนเดียวในตระกูลหานที่ปฏิบัติต่อหานโม่เป็อย่างดี ในเมื่อนางกลับมาแล้ว นางก็ต้องคอยดูแลเสี่ยวเยว่ด้วยเช่นกัน
นึกไปถึงตอนที่นางเอ่ยกับหานเฉินต้งว่าขอเปลี่ยนเรือนและเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของเหล่าโมโม่ [1] ที่ประตูเรือนแล้ว หานโม่จึงรู้สึกรื่นรมย์ในใจขึ้นมาทันที
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] เหล่าโมโม่ (老嬷嬷) หมายถึง เป็การเรียกสำหรับสาวใช้ที่สูงอายุ