บ่าวรับใช้ไม่เคยเห็นสายตาที่เ็าและมีอำนาจเช่นนี้มาก่อน น่ากลัวว่าแม้แต่ผู้นำตระกูลหานเองก็ไม่อาจทรงอำนาจได้ถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่กล้ากระทำสิ่งใดลับหลัง ทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของหานโม่ในทันที พวกเขาลอบพานางเข้ามาทางประตูหลังสู่ลานเล็กๆ หน้าจวนที่คุณหนูเจ็ดพำนักอยู่
“จงกลับไปรายงานคุณหนูห้าซะ สิ่งใดที่ควรพูดและสิ่งใดที่ไม่ควรพูด พวกเ้าเข้าใจหรือไม่?” เมื่อนึกถึงใบหน้าอัปลักษณ์ของตัวเองที่เต็มไปด้วยร่องรอยาแและคราบเื หานโม่จะปล่อยคนพวกนั้นไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
ไม่มีสตรีคนใดที่ไม่ใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเอง บัดนี้ดวงหน้าของนางเสียโฉมยับเยินไปหมด ส่วนผู้ที่ทำนั้นได้ถูกหานโม่หมายหัวเอาไว้หมดแล้ว และจะไม่มีผู้ใดรอดไปได้เช่นกัน
โดยกฎของหานโม่คือ หากผู้ใดไม่ระรานข้า ข้าก็จะไม่ระรานผู้ใด แต่หากผู้ใดมาระรานข้า เสี่ยวเหยีย [1] จะตีเ้าจนแม้แต่บิดาก็ไม่อาจจำได้!
หญิงสาวเผยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่กลับดูเยือกเย็นเสียจนทำให้บ่าวรับใช้ทั้งสองรู้สึกราวกับ ตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง หลังจากที่คุณหนูเจ็ดกลับมาจากสุสานสายตาก็เปลี่ยนไป จนพวกเขามองความหมายที่แท้จริงในแววตาของหานโม่ไม่ออกเลย
หานโม่ลืมตัวยกมือขึ้นมาแตะาแบนใบหน้า มุมปากข้างหนึ่งกระตุกด้วยความเจ็บ ทันใดนั้นสายตาพลันเ็าขึ้นมาทันที ในแววตาปรากฏประกายเย็นะเื
"ไม่ต้องกังวลไป เ้าก็คือข้า ข้าหานโม่ผู้นี้ ไม่เคยถูกผู้ใดเหยียบย่ำถึงเพียงนี้นับั้แ่เกิดมา คนพวกนั้นต้องชดใช้!”
ทว่าตอนนี้ หานโม่อยากจะลองทดสอบดูว่าร่างกายนี้มันไร้ประโยชน์จริงๆ หรือไม่ จึงนั่งลงทำสมาธิ ฉับพลันนั้นนางรับรู้ถึงความผันผวนของบรรยากาศโดยรอบได้เกือบจะทันที ภายในทรวงอกมีกระแสอุ่นร้อนสายหนึ่งก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนอดที่จะบ่นภายในใจไม่ได้ "น้องสาว เหตุใดลมปราณของเ้าถึงได้ติดขัดเร็วนัก นี่มันเรียกว่ามีพร์ได้แน่หรือ?”
แต่หานโม่เองก็รับรู้ว่าปัญหาที่แท้จริงของนางอยู่ที่ตันเถียน นางไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมลมปราณให้เข้าสู่จุดตันเถียน และไปถึงระดับเสวียนเจ่อได้ [2]
หานโม่ควบคุมกระแสลมปราณให้ค่อยๆ จมลงไป และเพียงแค่พริบตาเดียวในขณะกำลังเข้าสู่ตันเถียนนั้น ความเ็ปสายหนึ่งพลันทะลุทะลวงออกมาจากตันเถียน รุนแรงราวกับว่าร่างกายถูกฉีกกระชากออกจากกัน แม้ว่าหานโม่ที่มีจิตใจเข้มแข็ง ยังอยากจะเกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเ็ป
หานโม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่ออดทนต่อความเ็ปทรมานภายในร่างกายของตัวเอง นางกำมือแน่น
ความร้อนที่จุดตันเถียนเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งอาการคันที่ิัก็ยังเพิ่มมากขึ้น จนทำให้หานโม่อยากจะยกมือขึ้นมาเกาบริเวณผิวที่เริ่มเจ็บราวถูกเข็มทิ่มแทงยิ่งนัก
แต่ภายในจิตใจของนางบอกตัวเองว่าอย่ายกมือขึ้นมาเกาโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นมันอาจจะล้มเหลวเอาได้
ในขณะที่นางกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ ก็รู้สึกถึงความร้อนแผดเผาที่จุดตันเถียน เพียงไม่นานก็ปะทุจนะเิออกมา!
ราวกับเศษดาวตกที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นจนเป็หลุม
ความเ็ปราวถูกเข็มทิ่มแทงตามร่างกายยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นเหมือนกับมีแสงสีขาวเรืองรองกำลังปกคลุมอยู่รอบๆตัวหานโม่ ในความเป็จริงแล้ว แสงสีขาวเหล่านี้ประดุจมารดาที่กำลังคอยดูแลปกป้องทารกน้อยที่อยู่ข้างใน
เส้นลมปราณในร่างกายหานโม่นั้นถือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกว่าก่อนหน้านี้มาก
ของเหลวในเส้นลมปราณของบ่อโลหิต [3] แห่งนี้ ได้ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เส้นลมปราณที่ถูกกระตุ้นนั้นมีการเปลี่ยนแปลง
เส้นลมปราณที่ถูกชะล้างค่อยๆ ขยายกว้างขึ้น ทำให้ลมปราณไหลเวียนได้คล่องมากกว่าก่อนหน้านี้ เืลมเด่นชัด ไม่มีอะไรมาเจือปนและเล็กแคบเหมือนเมื่อครั้งก่อนหน้าอีก
ความรู้สึกร้อนที่กำลังแผดเผาตรงจุดตันเถียนค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด หานโม่พยายามอดทนกลั้นเอาไว้ นางรู้สึกได้ว่าอีกเพียงแค่นิดเดียว!
ทันใดนั้นจุดตันเถียนก็ราวกับูเาไฟะเิปะทุ กระแสพลังอบอุ่นไหลพุ่งออกมา!
จนไหลอาบกระจายไปทั่วทั้งเส้นลมปราณอย่างช้าๆ ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้ราวกับถูกแสงอาทิตย์แผดเผาจนผืนดินแห้งแล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มายามนี้ราวกับได้รับหยาดน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาจนผืนดินที่แตกระแหงชุ่มชื่น มันช่างเย็นสบายและช่วยให้นางให้รอดพ้นไปได้
“อ่า...” พักหนึ่งน้ำเสียงแห่งความสบายก็ดังขึ้น
แสงสว่างบางๆ ปกคลุมอยู่บนร่างหานโม่ นี่นับว่านางก้าวหน้าแล้วใช่หรือไม่?
ความเ็ปทรมานค่อยๆ จางหายไป หานโม่ล้มตัวลงนอนบนเตียงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บนหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ประกายเย็นะเืในแววตากลับยิ่งทำให้รู้สึกหนาวสะท้านมากขึ้นกว่าเดิม นางเป็ปรมาจารย์ด้านวรยุทธ์ ดังนั้นจึงชัดเจนแล้วว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็มาั้แ่เกิดแน่นอน หากแต่เป็เพราะเส้นเอ็นรอบๆ จุดตันเถียนได้ถูกตัดขาดไป และไม่ได้เป็อันตรายถึงแก่ชีวิต กระทั่งส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็ไม่โดนทำลาย เห็นได้ชัดว่าผู้ที่ทำต้องมีความเชี่ยวชาญอย่างยิ่ง
เมื่อไม่มีทางฝึกฝนให้ก้าวหน้าได้ ทำให้ลึกๆ แล้วหานโม่คนเดิมรู้สึกอ่อนแอ
และในเวลานี้เอง จุดตันเถียนกลางอกจู่ๆ ก็มีพลังงานอ่อนนุ่มสายหนึ่งแผ่ออกมาและห่อหุ้มจุดตันเถียนทั้งหมดเอาไว้ พลันก็เกิดความรู้สึกเบาสบายจนทำให้หานโม่เกือบส่งเสียงออกมา แต่ในทันใดนั้นเองหานโม่ก็เข้าใจอย่างชัดแจ้ง แม้นางจะไม่รู้ว่าพลังงานเหล่านี้มาจากไหน แต่นางแน่ใจว่านี่คือโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ดังนั้นจึงนั่งลงทำสมาธิเพื่อเริ่มโคจรลมปราณทันที
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หานโม่คิดไม่ถึงเลยว่าในระหว่างที่นางกำลังทะลุมิติมาเกิดใหม่นั้น มีใครบางคนให้นางดื่มชาถ้วยหนึ่ง ในชาถ้วยนั้นมีพลังงานบริสุทธิ์ที่สุดในโลกอยู่ ถึงแม้ว่าจะถูกทำให้เจือจางไปมากแล้ว แต่ก็ยังเข้มข้นมากพอที่จะทำให้นางได้ถอดรกเปลี่ยนกระดูก [4]
และในโลกิญญา พลังงานบริสุทธิ์นับไม่ถ้วนเปรียบได้กับพู่กันด้ามหนึ่ง ที่ขีดเขียนอักษรตัวใหญ่ที่มีพลังอันน่าอัศจรรย์สามตัว นั่นก็คือคำว่า ลิขิต์
...................................................
เชิงอรรถ
[1] เสี่ยวเหยีย คือ เ้านาย/นายท่านที่อายุน้อย หากใช้เรียกผู้อื่นจะเป็การเรียกด้วยความยกย่อง หากใช้เรียกตัวเองจะเป็การเรียกในลักษณะข่มคู่สนทนา
[2] ระดับเสวียนเจ่อ คือ ลำดับขั้นของผู้ฝึกวรยุทธ์
[3] บ่อโลหิต เปรียบเสมือนน้ำพุแห่งชีวิต
[4] ถอดรกเปลี่ยนกระดูก คือ กลับเนื้อกลับตัว หรือเปลี่ยนแปลงตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้