ผู้ใดสนว่าพวกเขาอภิเษกปลอมๆ หรือไม่?
อภิเษกก็คืออภิเษก จะมีจริงมีปลอมกระไรกัน
คำพูดนี้ให้ไปกล่อมผู้อื่นยังพอได้ ทว่าให้มาจัดการกับอวิ๋นอี้นั้นยังไม่พอ
ในเมื่อหว่านฉือบอกเื่การอภิเษกกับนางได้อย่างใจเย็น ดูเหมือนว่าเื่นี้เกือบจะแน่นอนหมดแล้ว มีเพียงนางเท่านั้นที่ถูกปิดบังมิให้รู้
อวิ๋นอี้โกรธสุดขีด ทว่านางกลับหัวเราะออกมาได้
มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ตาโค้งเว้ามองหว่านฉือ พลันถามนางว่า “การอภิเษกปลอมๆ เป็อย่างไรหรือเ้าคะ? หืม?”
“จะให้พูดก็ยาวเพคะ การอภิเษกครานี้เป็การถูกบังคับ การเล่นว่าวนอกเมืองคราก่อนข้าป่วย ในตอนนั้นพระชายาก็อยู่ด้วย พอจะจำได้หรือไม่เพคะ?” หว่านฉือพูดขึ้น
อวิ๋นอี้อืมตอบ “จำได้”
จะจำมิได้ได้อย่างไร
นั่นเป็ครั้งแรกที่นางได้เจอกับหว่านฉือ ความประทับใจแรกชัดเจนมาก นางหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบชา พลันโบกมือให้หว่านฉือพูดต่อ
“องค์ชายเจตนาดีช่วยข้าแท้ๆ ข้ากลับมิคิดเลยว่าจะทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่โตเช่นนี้ เดิมทีข้าก็คิดว่าข้าจะรับมือกับข่าวลือ เื่นินทาเ่าั้ได้ มิคิดเลยว่าในตอนที่ได้ยินเข้ากับหูจริงๆ กลับรู้สึกแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ในวันที่ข้าะโน้ำฆ่าตัวตาย ตอนที่ฟื้นขึ้นถึงได้รู้สึกเสียใจ ทว่าเื่มันใหญ่โตไปมากแล้ว ข้าทำให้ไทเฮาใมาก ไทเฮารู้สึกกับข้าราวกับหลานสาวแท้ๆ ตลอดมา นางรู้ว่าข้าทำไปเพราะว่าเื่นินทาเ่าั้ จึงให้องค์ชายแต่งงานกับข้า!” หว่านฉือพูดเน้นย้ำ “พระชายาเพคะ องค์ชายอภิเษกกับข้าเพราะว่าโดนบังคับ!”
“......”
อวิ๋นอี้มองนางอย่างเ็า “แล้วอย่างไรล่ะเ้าคะ? ในเมื่อรู้ว่าเขาโดนบังคับยังจะแต่งเข้ามาอีกหรือเ้าคะ? ข้าจะต้องว่าท่านอย่างไรดี?”
ในน้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยการเสียดสี มองข้ามไปมิได้เลย
หว่านฉือรู้ดีว่าด้วยรูปร่างหน้าตาและความสามารถของนาง การแต่งเข้าไปเป็บ้านน้อยของหรงซิวนั้นดูจะเหยียดหยามตนเองเกินไป
ทว่าผู้ใดใช้ให้เขาเป็คนเดียวในสายตานางเล่า?
หว่านฉือชะงักไป พูดเท็จว่า "ข้าก็โดนใช้ให้แต่งงานด้วยเพคะ..."
"เ้าถูกบังคับหรือ?”
“ข้า...”
มองดูสตรีตรงหน้า ฟังคำถามที่สงบนิ่งและเยือกเย็นของนาง จู่ๆ หว่านฉือพลันรู้สึกว่า พระชายาเจ็ดที่ถูกเลื่องลือว่าเป็สตรีโง่เขลานั้น ดูจะแตกต่างออกไป
ต่างออกไปแล้วจะเป็เช่นไรเล่า หว่านฉือคิดอีกว่า สามปีผ่านไปแล้ว ต้องมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แม้ว่านางจะฉลาดขึ้นแล้ว ทว่าจะฉลาดไปได้แค่ไหนกันเชียว?
ตราบใดที่คำโกหกของนางแยบยลพอ นางก็จะถูกหลอกเหมือนเมื่อก่อน
นางมิได้ตอบคำถามไปตามตรง ทว่ากลับสูดลมหายใจเข้า แล้วเปลี่ยนเื่ "ข้ารู้ดีว่าองค์ชายและพระชายามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันมาก ทว่าเื่มันเป็เช่นนี้แล้ว หลังจากที่ข้าอภิเษกกับองค์ชายแล้ว ข้าจะไม่มารบกวนท่านกับองค์ชายเลยเพคะ จะมิแย่งความโปรดปรานจากองค์ชายด้วย ข้าจะทำตัวให้ดี ในวันนี้ที่พูดมาถึงเช่นนี้ ข้าหวังเพียงจะได้อยู่ร่วมกับพระชายาได้อย่างสมานฉันท์ในอนาคตเพคะ”
อวิ๋นอี้หรี่ตาแล้วยิ้ม ยืนขึ้นช้าๆ พลันวางมือของนางบนโต๊ะกลม “หว่านฉือ ท่านอย่าคิดว่าผู้อื่นโง่สิเ้าคะ”
“กระไรนะ?” หว่านฉือใจึงรีบพูดออกมา เหมือนว่าจะหาคำอธิบายให้ตนเอง “พระชายาเพคะ ข้ามิเข้าใจว่าท่านหมายความว่าอย่างไร ข้า...ข้าทำตัวไม่เหมาะสมที่ใดกัน ท่านสามารถบอกมาตรงๆ ได้เลยเพคะ...”
“เ้าทำสิ่งใด ในใจมิได้รู้ชัดอยู่แล้วหรือ?” อวิ๋นอี้ยักไหล่ "ข้ากลับล่ะ"
คำเชิญนัดพบเช่นนี้ ไร้ความหมายเสียจริง
หว่านฉือมิได้มาเพื่อเล่าเหตุการณ์ นางมาเพื่ออวดโอ้พร้อมทั้งยื่นคำท้า
ไม่ว่านางจะแสดงได้แยบยลเพียงใด ทว่าทั้งสองก็เป็สตรี รักบุรุษคนเดียวกัน นางััความได้ใจได้จากน้ำเสียงของนาง
อวิ๋นอี้รีบลงไปข้างล่างพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก
หลังจากที่ขึ้นนั่งบนรถม้า หน้าของนางก็แข็งทื่อขึ้นทันใด นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะติดกับเข้าแล้ว
มิน่าเล่า นางถึงได้รู้สึกว่า เื่ที่เกิดจากหลังจากได้พบกับหว่านฉือ ถึงได้ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เมื่อคิดดูให้ดีแล้ว นี่มันถูกคิดมาอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอนเลยนี่นา
การป่วยในวันที่เล่นว่าว เป็แผนที่นางตั้งใจไว้แล้ว
การเชิญให้หรงซิวอยู่ค้างคืน ก็คิดไว้แล้วอย่างตั้งใจ
ข่าวลือที่เต็มไปหมด ก็เป็นางที่ส่งคนไปกระจายข่าว
ทนกับเสียงซุบซิบนินทามิได้จนต้องฆ่าตัวตาย เป็ละครที่นางแสดงให้พวกเขาดู
ทั้งหมด ก็เพื่อจุดประสงค์สุดท้าย คือการแต่งงานกับหรงซิว จนได้เข้าจวนมา
อวิ๋นอี้มิได้โง่ หลายครั้งหลายคราที่นางไม่ตั้งใจจะไปตรวจสอบ มิได้หมายความว่านางโง่จริงๆ
หว่านฉือใช้แผนการเล็กน้อยที่จะได้เข้ามาในจวน นางเข้าใจได้ ทว่าที่แปลกใจคือ นางกล้าเล่นงานแม้กระทั่งกับหรงซิว
หรงซิวรู้เื่พวกนี้หรือไม่นะ?
หากว่าเขารู้ แต่ไม่ขัดขวาง มันจะหมายความว่า เขายอมให้เื่นี้เกิดขึ้น หรือว่าเขาอาจจะร่วมกันแสดงละครกับหว่านฉือก็ได้
ท้ายที่สุดแล้ว เขาจะได้แต่งงานกับหว่านฉือ
ส่วนเื่ที่เกิดขึ้นหลังจากการอภิเษกนั้น อวิ๋นอี้ไม่อยากจะไปคิด เกรงว่านางที่เป็พระชายาผู้นี้ อีกไม่นานคงจะถูกขับออกไป
ไม่นะ......
นางส่ายหัวอย่างรวดเร็ว จะคิดเช่นนี้มิได้
ถ้าหากหรงซิวกับหว่านฉือเป็พวกเดียวกัน ตอนอยู่ต่อหน้านางเหตุใดเขาต้องเสแสร้ง เหตุใดยังพูดคำหวานใส่นางมิได้ขาด?
ในเมื่อจะแต่งงานกับสตรีคนใหม่ เขาเพียงเฉยเมยกับนางก็พอแล้ว มิจำเป็ต้องอธิบายให้นางเข้าใจ
การกระทำของเขาขัดแย้งกัน ไม่สมเหตุสมผลเลย
ดังนั้น......
อวิ๋นอี้จึงเดาว่า หรงซิวไม่น่าจะรู้กระไร เขาโดนหว่านฉือหลอก
นางควรเตือนเขา หรือบอกกับเขาเกี่ยวกับเื่ที่นางรู้ดีหรือไม่นะ?
อวิ๋นอี้ครุ่นคิดมาตลอดทาง เมื่อมาถึงจวน ความคิดของนางก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ในตอนที่ยังมิรู้เื่อย่างชัดเจน นางจะหุนหันไปมิได้ นางต้องรู้ท่าทีของหรงซิวก่อน ถึงค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร
ในตอนนี้ นางควรจะทำกระไรก็ทำไปก่อน ข้าแสดง นางแสดง ทุกคนแสดง
พ่อบ้านพาอวิ๋นอี้กลับเข้ามาในจวน พลันบอกกับนางว่าหลงซิวยังไม่กลับมา นางร้องอ้อ บอกเพียงว่าให้บอกนางในตอนที่เขากลับมาแล้ว
จนกระทั่งถึงเวลาก่อนนอน นางก็มิได้รับการรายงานใดๆ
นางคิดในใจ สัญญาของหรงซิวช่างมิมีประโยชน์จริงๆ บอกเองว่าไม่ว่าอย่างไรคืนนี้ก็จะกลับมา น่าจะแกงนางอีกแล้วแน่ๆ
หลังจากบอกให้เซียงเหอดับเทียนแล้ว อวิ๋นอี้ก็มองเพดานห้องที่ดำสนิท ไม่นานก็หลับไป
ในตอนที่หลับ ่กลางดึกนางรู้สึกไม่ไม่สบายตัว มีบางอย่างอุ่นๆ ที่แก้มนาง พลันเลื่อนลงไปที่คอ นางอิดออดสองสามครา พยายามที่จะเอาตัวออก ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับติดตามนางราวกับเงา
นางเหมือนจะหายใจไม่ออก จึงอ้าปากกว้าง พลันถูกยัดอย่างอื่นเข้ามา
สิ่งนั้นยืดหยุ่นมาก เหมือนกับปลากระดุกกระดิกขึ้นลงในปาก นางถูกรบกวนจนนอนไม่หลับอีก จึงลืมตาขึ้นอย่างโกรธเคือง
“อุ้...”
เมื่อเห็นชัดว่าเป็ผู้ใด นางจึงยกมือขึ้นตีเขา พลันถูกหรงซิวคว้ามือนางไว้ เขากดแรงริมฝีปากนางเบาๆ พลันยิ้มพูด “เหตุใดตื่นมาก็ตีข้าเลยเล่า?”
“ฝ่าาคิดว่าอย่างไรเล่าล่ะเพคะ!” อวิ๋นอี้กัดฟัน มองบุรุษผู้อยู่ใกล้มือในความมืด นางจงใจพูดว่า “หว่านฉือนัดข้าออกไปเมื่อเช้านี้ บอกข่าวดีกับข้ามาหนึ่งเื่ ฝ่าาทายสิเพคะว่าเื่กระไร?”
หรงซิวยิ้มเล็กน้อย แรงในมือเบาลง ทว่าร่างกายกลับกดลงมา “มิรู้สิ อวิ๋นเออร์ช่วยบอกข้าหน่อย”
“มิรู้หรือเพคะ? หรงซิว ต้องรอให้ถึงวันอภิเษกของฝ่าาก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะยอมบอกเื่ของท่านกับนาง? เอาแต่พูดว่ารักข้า แต่กลับปิดบังข้า ฝ่าาคิดว่าข้าหลอกง่าย เห็นว่าข้าถูกหลอกจนหัวหมุน ท่านรู้สึกดีมากใช่หรือไม่เพคะ?”
นางพูดอย่างดุดัน ผลักชายหนุ่มออกไปด้วยมือ เมื่อเขาไม่ยอม นางจึงยกขาขึ้นไปเตะ
หรงซิวหมดหนทาง น้ำเสียงยังคงไพเราะ "อวิ๋นเออร์ ใจเย็นหน่อยสิ จะถีบข้าก็ไม่เป็ไร หากเ้าทำตนเองเจ็บข้าจะปวดใจนะ!"
“น้อยๆ หน่อยเพคะ!” ถึงตอนนี้ก็ยังแสร้งทำเป็รักนาง เพียงแค่อวิ๋นอี้เห็นใบหน้าที่จอมปลอมของเขา ความโกรธของนางก็พุ่งขึ้น นางบีบเอวของหรงซิว ทำให้เขายืนขึ้น และเมื่อได้โอกาส นางก็ถีบเขาไปมั่วๆ จนได้ยินเสียงเขาร้องอย่างเ็ป เอามือกุมเป้ากางเกงไว้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้