หรงชิงย่อมรู้เื่นี้ดีแต่เมื่อเทียบระหว่างชีวิตกับเกียรติยศของบุตรสาวและพิธีมงคลของเชื้อพระวงศ์แน่นอนว่าชีวิตย่อมสำคัญกว่า!
เขารู้ว่าบุตรสาวของตนเป็คนตรงไปตรงมาหากถูกผู้อื่น... บุตรสาวของตนคงยอมตายเพื่อรักษาศักดิ์ศรีกระมัง?
นอกจากนั้นคนของตู๋เฟิงฮุ่ยยังโกรธแค้นเขาถึงเพียงนี้คาดไม่ถึงว่าจะยอมตามมาถึงเมืองหลวงของแคว้นเฟิงมีหรือจะยอมปล่อยบุตรสาวของเขาไปง่ายๆ?
หากช่วยบุตรสาวของเขาเร็วขึ้นหนึ่งวันนางก็คงทนทุกข์ได้น้อยลงบ้าง โอกาสที่นางจะยังมีชีวิตคงมากขึ้นอีกนิดเช่นกันส่วนเื่อื่น....
เขา้าให้บุตรสาวยังมีชีวิตอยู่เท่านั้นต่อให้ตนต้องพานางปกปิดชื่อเสียงเรียงนาม ระหกระเหินไปใช้ชีวิตอยู่แดนไกล หรือต่อให้มีเพียงพวกเขาสองพ่อลูกที่ต้องประคับประคองกันไปตลอดชีวิตก็ตาม
แต่เขาก็รู้ว่าสำหรับหญิงที่ยังไม่ออกเรือนนางหนึ่งพรหมจรรย์และชื่อเสียงเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด...
“ช่างเถิด!หากจะมีความผิดหรือบาปกรรมอันใด จงให้ข้าเป็ผู้รับไว้แต่เพียงผู้เดียวเถิด...”หรงชิงเอ่ย
แม้ภายหน้าบุตรสาวอาจจะโกรธเกลียดเขา...แต่เขา้าให้บุตรสาวยังคงปลอดภัย ส่วนเื่อื่นนั้นเขายินดีจะแบกรับทุกสิ่งเอาไว้
เขาไม่ได้กังวลว่าบุตรสาวจะโกรธเกลียดเขาทว่ากลับเป็เื่ที่บุตรสาวรู้ว่าอะไรควรไม่ควรยิ่งนักไม่ว่าเื่อะไรล้วนเก็บไว้ในใจและรับไว้เพียงลำพัง
แม่ทัพหรงลุกขึ้นผลัดอาภรณ์ทันใดนั้นได้ยินเสียงเอ่ยอย่างขลาดกลัว “นายท่าน...หรือพวกเราจะไปหาเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยก่อนขอรับ? ความสามารถของเฉินอ๋องเตี้ยนเซี่ยก็ไม่ด้อยไปกว่าทางการนะขอรับ”
แม่ทัพหรงพลันผ่อนลมหายใจเฮือกหนหนึ่งเมื่อพิจารณาชั่วครู่จึงคิดว่านี้เป็ความคิดที่ดี
เฉินอ๋องมีสัญญาหมั้นหมายกับบุตรสาวของตนหากบุตรสาวของตนเป็อะไรขึ้นมา เฉินอ๋องก็ต้องอับอายขายหน้าเช่นกันยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเกิดเื่นี้หากเฉินอ๋องคิดจะถอนหมั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าภายหน้าเขาจะมีเื่บาดหมางใจกับบุตรสาวของตนขอเพียงแค่สามารถช่วยออกมาได้ก็พอแล้วมิใช่หรือ?
แม่ทัพหรงนึกตำหนิที่ตนคิดใคร่ครวญไม่มากพอเพราะเขามัวแต่เป็ห่วงบุตรสาวมากเกินไปจนพลาดพลั้งไปชั่วขณะ
หากเื่นี้มีเฉินอ๋องเป็ผู้ออกหน้าต้องเก็บเป็ความลับได้ดีกว่าไปแจ้งทางการอยู่สักหน่อย หากไปแจ้งทางการ เกรงว่าจะมีคนอยากให้บุตรสาวของเขาไม่กลับมาแต่ถ้าบอกเฉินอ๋องย่อมต้องแตกต่างออกไป อย่างน้อยไม่ว่าจะเป็อย่างไรเฉินอ๋องก็หวังให้บุตรสาวของเขาได้กลับมา
“อาจงเตรียมรถม้าไปจวนเฉินอ๋อง”
หรงชิงพาหรงจงมุ่งหน้าไปยังจวนเฉินอ๋อง
เฉินอ๋องคาดไม่ถึงว่าแม่ทัพหรงจะเดินทางมาถือเป็การให้เกียรติไม่น้อยเพราะเขาออกมาต้อนรับที่หน้าประตูตำหนักจาวเสียนของตนด้วยตนเอง
“บุตรเขยไม่ทราบว่าท่านพ่อตาจะเดินทางมาจึงไม่ได้ออกไปต้อนรับแต่ไกล” ตามหลักมารยาทถือได้ว่าแสดงความนอบน้อมได้อย่างเหมาะสม
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าโศกของหรงชิงแน่นอนว่าเฉินอ๋องไม่คิดว่าเขาจะมายกเลิกงานแต่งแต่เกรงว่าจะมีเื่อะไรที่ยากจะเอ่ยเสียมากกว่า
“พวกเ้าออกไปก่อน”เฉินอ๋องออกคำสั่งกับหญิงรับใช้รอบกาย
“เชิญท่านพ่อตาเข้าไปนั่งด้านใน”เฉินอ๋องเอ่ย
เมื่อเข้ามาในห้องหรงชิงจึงทำความเคารพเฉินอ๋อง “กระหม่อมคำนับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านพ่อตารีบลุกขึ้นมาเถิด”เฉินอ๋องเข้าไปประคองหรงชิงและเอ่ย “ท่านพ่อตาไม่จำเป็ต้องมากพิธีกับเปิ่นหวาง”
ทว่าหรงชิงกลับไปยอมลุกขึ้น“กระหม่อมมีเื่หนึ่งอยากจะขอร้องเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ...ขอเตี้ยนเซี่ยโปรดช่วยชีวิตบุตรสาวของกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ...”
“หรงหว่านซีเป็อะไรเสียแล้ว?”เฉินอ๋องเอ่ยพลางรอยยิ้ม
แม้ภายนอกยังคงยกยิ้มคล้ายไม่ใส่ใจสิ่งใดทว่าภายในใจกลับคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเกิดเื่กับหรงหว่านซี มิหนำซ้ำยังไม่ใช่เื่เล็กไม่เช่นนั้นหรงชิงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีคงไม่มาขอร้องเขา
แม้หรงชิงจะไม่ได้เอ่ยออกมาต่อหน้าแต่เขาก็รู้ว่าแท้จริงแล้วหรงชิงไม่ชอบบุตรเขยผู้นี้
ผู้เดียวที่สามารถทำให้หรงชิงยอมอ่อนข้อและพลาดพลั้งก็มีเพียงบุตรสาวของเขาเท่านั้นภายในราชสำนักหรือแม้แต่ผู้คนในแคว้นเฟิงผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแม่ทัพหรงรักบุตรสาวยิ่งชีพ?
หรงชิงพิจารณาในใจครู่หนึ่งแต่กลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากเช่นไรถึงจะไม่ตึงเครียด แต่เื่เช่นนี้ต่อให้พูดเช่นไรก็ไม่อาจผ่อนคลายมิสู้ให้อาจงเอาจดหมายให้เฉินอ๋องอ่านยังจะดีเสียกว่า?
หรงชิงหนักการลุกขึ้นและบอกใบ้อาจง“เอามาให้เตี้ยนเซี่ย”
อาจงนำจดหมายทำจากกระดาษหยาบฉบับนั้นส่งให้เฉินอ๋อง
เฉินอ๋องอ่านใจความบนจดหมาย...เขาถือจดหมดและนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย“คนของแคว้นเหลย?เดินทางมาหมื่นลี้เพื่อแก้แค้นหรือ? อีกทั้งยังผ่านมาถึงสามปี...คนของยุทธภพเหล่านี้มีความจงรักภักดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ปากบอกว่า้าร่ำรวยทว่าความเป็จริงกลับทำเื่ผลาญทรัพย์จากแคว้นเหลยมาถึงที่นี่ต้องจ่ายค่ารถม้าตั้งเท่าใด? ค่าทหารอีกตั้งเท่าใด?เกรงว่าเงินจำนวนนี้คงมากพอให้พวกเขาใช้ชีวิตตามปกติได้สามเดือนเลยกระมัง?”
เมื่อได้ยินเฉินอ๋องกล่าวเช่นนี้หรงชิงจึงสังเกตเห็นช่องโหว่ของเื่นี้ได้ทันที...
นอกจากนั้นเมื่อคืนขณะเขาต่อกรกับชายชุดดำผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าชายชุดดำผู้นั้นมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและใช้กระบวนท่าที่เป็เคล็ดของวิชาต่อสู้ไม่มีทางที่โจรหยาบช้าของแคว้นเหลยจะเทียบเทียม
หรือว่ามีคนหยิบยืมชื่อศัตรูเก่าอย่างตู๋เฟิงฮุ่ยมาลักพาตัวบุตรสาว? ถ้าเช่นนั้นเื่นี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เป็การแก้แค้นแต่การลักพาตัวซีเอ๋อร์ต่างหากที่เป็จุดประสงค์หลักของพวกมัน
ผู้ใดที่จะทำเช่นนี้?
ภายในใจของเขาเกิดคำถามนี้ขณะกลัดกลุ้มและไม่ทันรู้ตัว คำตอบพลันปรากฏออกมา...หรือว่า... องค์รัชทายาท?
“ท่านพ่อตาโปรดเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้อ๋องผู้น้อยฟังอย่างละเอียดด้วยเถิด”เขาไม่เหมือนกับหรงชิง เพราะเฉินอ๋องควบคุมสติอารมณ์ได้ดีกว่า
เมื่อเห็นเช่นนี้หรงชิงจึงรู้แล้วว่าการที่ตนเลือกมาหาเฉินอ๋องนั้นถูกต้องเพราะเฉินอ๋องไม่มีทางเป็กังวลจนว้าวุ่นใจเช่นตน
แต่...ด้วยเหตุนี้ก็สามารถรับรู้ได้เช่นกันว่าเฉินอ๋องมิได้แยแสบุตรสาวของตนแม้แต่นิด
เพราะั้แ่เฉินอ๋องรู้ว่าซีเอ๋อร์ถูกจับตัวไปจนกระทั่งตอนนี้เขากลับไม่เคยเผยสีหน้าเป็กังวลหรือห่วงใยเช่นผู้เป็ว่าที่สามีควรจะมี
หรงชิงเล่าเื่ที่ตนประสบเมื่อคืนให้เฉินอ๋องฟังและบอกสิ่งที่ชูเซี่ยเข้ามารายงาน“เด็กรับใช้ของซีเอ๋อร์บอกว่าเมื่อคืนนางไม่ได้ยินเสียงอะไรและพึ่งรู้ว่าซีเอ๋อร์หายตัวไปตอนเช้าแสดงว่าซีเอ๋อร์ก็ถูกวางยาสลบเช่นเดียวกับข้า”
เขาจำได้ว่าวิธีที่ตู๋เฟิงฮุ่ยใช้ในตอนนั้นเป็การใช้ยาสลบจุ้ยเมิ่งฉางกับสตรียาสลบชนิดนั้นเลื่องชื่อเื่การออกฤทธิ์ยาวนาน
ั้แ่เมื่อวานจนถึงเช้าตรู่วันนี้ถ้าเป็ยาสลบธรรมดา แม้เขาจะยังล้มป่วย แต่ถูกซิ่งเอ๋อร์ปลุกเพียงครู่ก็น่าจะรู้สึกตัวทว่าซิ่งเอ๋อร์กลับบอกว่าออกแรงเขย่าร่างเขาตั้งหลายหน แต่เขายังคงไร้สติไม่รู้เนื้อรู้ตัวนอกจากนั้นขณะท่านหมอเจียงฝังเข็มขับพิษเขายังคงรู้สึกมึนเบลอเพราะฤทธิ์ยาอยู่ไม่น้อย
หรือว่า...ยาสลบที่ใช้วางยาเขาก็คือจุ้ยเมิ่งฉาง?
หากเป็เช่นนี้จะไม่เป็การยืนยันว่านี่คือฝีมือของคนแคว้นเหลยได้อย่างไร?
เขาไม่กล้าสะเพร่าจึงเล่าเื่ที่ตนค้นพบให้เฉินอ๋องฟัง
เมื่อเฉินอ๋องได้ฟังจึงขบคิดครู่หนึ่ง“พวกเราควรจะกลับไปตรวจสอบห้องของท่านพ่อตาเสียก่อนขณะอีกฝ่ายกำลังต่อสู้อาจทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้”
หรงชิงเอ่ย“พ่ะย่ะค่ะ เชิญเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
คนทั้งสองกลับมายังจวนแม่ทัพและตรวจสอบภายในห้องหลังตรวจสอบเสร็จ เฉินอ๋องยิ่งมั่นใจว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนแคว้นเหลย
หากเป็คนแคว้นเหลยพวกเขาบากบั่นเดินทางมา ทั้งยังเป็ฤดูใบไม้ผลิที่ฝนตกชุก พื้นรองเท้าจะต้องสกปรกมากทว่ารอยเท้าบนโต๊ะกลับหลงเหลือไว้เพียงฝุ่นผงเล็กน้อยเท่านั้น
เฉินอ๋องได้ยินหรงชิงบอกว่าตอนเห็นโจรผู้นั้นโจรผู้นั้นอยู่นอกหน้าต่างด้านหลัง เขาจึงออกไปตรวจดูนอกหน้าต่างหลังเรือน เมื่อสำรวจดูจึงพบกับก้านต้นกกหนึ่งก้านเมื่อหยิบขึ้นมา เขากลั้นหายใจและสำรวจดูข้างในผลคือพบผงยาสีขาวจำนวนหนึ่งอยู่ข้างใน
“ท่านพ่อตาในจวนมีหมอหรือไม่?” เฉินอ๋องเอ่ยถาม
“มีพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพหรงออกคำสั่ง “อาจง รีบไปเรียกท่านหมอเจียงมาเร็วเข้า”
ครั้นหรงชิงเห็นก้านต้นกกในมือเฉินอ๋องจึงรู้แล้วว่าน่าจะเป็สิ่งที่คนผู้นั้นใช้เป่า “จุ้ยเมิ่งฉาง” เข้าไปในห้องหากภายในก้านต้นกกยังมีผงยาเหลืออยู่ หากท่านหมอเจียงลองตรวจสอบดูแล้วผลคือจุ้ยเมิ่งฉางโดยไม่ต้องสงสัยถ้าเช่นนั้นฝ่ายนั้นคงเป็คนของตู๋เฟิงฮุ่ยจากแคว้นเหลยอย่างแน่นอน
ยามอยู่ต่อหน้าเฉินอ๋องแม่ทัพหรงยังคงแลดูสุขุมอยู่บ้างทว่าภายในใจกลับเฝ้าภาวนาและหวังว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนของตู๋เฟิงฮุ่ย
เพราะหากอีกฝ่ายเป็คนของตู๋เฟิงฮุ่ยแสดงว่าบุตรสาวของเขามีแนวโน้มไปด้านร้ายมากกว่าดีแต่หากผู้อื่นแอบอ้างชื่อของตู๋เฟิงฮุ่ยเพียงเพื่อลักพาตัวซีเอ๋อร์อาจไม่ทำอันตรายใดต่อบุตรสาวของเขาก็ได้
ไม่นานนักท่านหมอเจียงจึงก้าวเท้าฉับไวเข้ามา
คนจำนวนหนึ่งเข้าไปในห้องเฉินอ๋องส่งก้านต้นกกให้ท่านหมอเจียง ท่านหมอเจียงใส่ที่อุดจมูกทำการขูดผงสีขาวภายในก้านต้นกกลงบนปลายนิ้วก้อย ก่อนจะส่งเข้าปากเพื่อแยกแยะประเภท
เพราะผงสีขาวที่หลงเหลือในก้านต้นกกมีไม่มากทั้งยังปิดหน้าต่างทุกบาน ภายในห้องไม่มีลมพัดผงเหล่านี้ เฉินอ๋องกับแม่ทัพหรงแค่กลั้นหายใจแต่ไม่ได้ระมัดระวังมากนัก
เดิมทีแค่เพียงสูดดมเข้าไปฤทธิ์ยาจะกระจายตามลมหายใจ ยามนี้ท่านหมอเจียงแตะผงยาลงบนลิ้นเพื่อแยกแยะประเภทจึงทำให้มันไม่อาจออกฤทธิ์
“จิ๊...ดีนัก ดียิ่งนัก!” ท่านหมอเจียงเดาะลิ้นพลางอุทาน
เขาบ้วนปากด้วยน้ำชาก่อนจะอธิบาย“สิ่งที่อยู่ภายในของสิ่งคือยาที่มีชื่อว่า ‘หญ้าจุ้ยเซียน*’มีฤทธิ์ด้านการระงับความรู้สึกเ็ปหลังกินยานี้เข้าไปจะทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บหรือปวดเพราะสามารถระงับความรู้สึกเ็ปของผู้มีอาการป่วย ถือเป็หนึ่งในยาที่บรรดาท่านหมอผู้มีใจเมตตาปรารถนาแต่น่าเสียดายของสิ่งนี้กลับเกิดอยู่บนอยู่ในซอกเขารื่อจ้าวบนเขากวางิของแคว้นเหลยทั้งยังมีจำนวนน้อย คนภายนอกยากจะมีใน”
“แคว้นเหลย...”แม่ทัพหรงเอ่ยทวน “ถ้าเช่นนั้น...ของสิ่งนี้ก็คือจุ้ยเมิ่งฉาง”
“ไม่ผิดแน่”ท่านหมอเจียงเอ่ย “นายท่านช่างรอบรู้ยิ่งนักข้าน้อยได้ยินว่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้แคว้นเหลยมียาฤทธิ์แรงยิ่งนักชนิดหนึ่งชื่อว่า‘จุ้ยเมิ่งฉาง’ ส่วนประกอบสำคัญคือ ‘หญ้าจุ้ยเซียน’ ผสมกับสมุนไพรที่มีฤทธิ์ ‘ไร้กังวล’‘ใจสงบ’ ‘ช่วยในการหายใจ’ เพื่อทำให้นอนหลับสนิทเป็ส่วนผสมเสริมขอรับ”
“และยังมีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยให้เกิดอาการชาขนานเบากว่าสิบชนิดผสมลงไปตามปริมาณที่กำหนดสามารถทำให้นอนหลับโดยไม่รู้สึกตัวตลอดทั้งวันหรือทั้งคืนขอรับ เดิมทีไม่มียาแก้ทำได้เพียงใช้วิธีฝังเข็มขับพิษเป็ทางแก้คาดว่ายาสลบที่นายท่านถูกวางยาก็คือจุ้ยเมิ่งฉางโดยไม่ต้องสงสัยขอรับ”
หรงชิงพยักหน้าภายในใจรู้สึกหนักอึ้ง “แท้จริงแล้ว แท้จริงแล้วคือคนแคว้นเหลย...”
“ท่านหมอเจียงจงออกไปก่อนเถิด”เฉินอ๋องเอ่ย “ท่านนำของสิ่งนี้กลับไปศึกษาเพิ่มเติมอีกสักหน่อยลองดูว่าสามารถศึกษาส่วนประกอบ วิธีการ และปริมาณในการผสมยาได้หรือไม่หากรู้แล้วสามารถจดบันทึกและมอบให้เปิ่นหวางได้หรือไม่?”
“พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยจะพยายามสุดความสามารถ เตี้ยนเซี่ยโปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”ท่านหมอเจียงเอ่ย
หรงชิงอดรู้สึกชาวาบทั้งหัวใจไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้คาดไม่ถึงว่าเวลาเช่นนี้เฉินอ๋องยังมีกะจิตกะใจถามท่านหมอเจียงถึงวิธีผสมยา? ภายในใจของเฉินอ๋องขณะซีเอ๋อร์กำลังตกอยู่ในอันตราย ยาหายากชนิดนี้ยังสำคัญมากกว่าอีกหรือ?
*หญ้าจุ้ยเซียน หญ้าเซียนเมามาย