หยางมามาเสนอสิ่งที่ตนเห็นสมควร “ตามที่บ่าวเคยบอกก่อนหน้านี้ พวกเราจำเป็ต้องขัดเกลานิสัยคุณหนูสี่อย่างเคร่งครัด อย่าให้เอ้อร์ไท่ไท่และเอ้อร์เหล่าเหยียรู้เื่นี้เด็ดขาด มิเช่นนั้นจะไร้ประโยชน์!”
เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามด้วยความลังเล “เ้ายังคิดหลอกคุณหนูเส่าแล้วส่งนางไปขัดเกลานิสัยในวัดอีกหรือ? เอ่อ…มีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไม่?”
“เหล่าไท่ไท่ โปรดคิดทบทวนอีกครั้ง คุณหนูสามอยู่ในจวนได้เพียงไม่กี่วัน คุณหนูสี่ก็วางยาให้นางเป็ใบ้ เพิ่งพบหน้าจะมีความแค้นอันใดต่อกันเล่า? หรือเพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น? เราต้องตระหนักว่ายาใบ้บางชนิดเป็ยาชั่วคราว แต่บางชนิดก็เป็ยาถาวร! หากนางใช้ยาผิด คุณหนูสามจะกลายเป็ใบ้ตลอดชีวิต!” เมื่อเห็นเหล่าไท่ไท่ไม่มีทีท่าตำหนิคุณหนูสี่ หยางมามาจึงพยายามเกลี้ยกล่อมสุดความสามารถ “ตอนนี้นางอายุเพียงเก้าขวบแต่กลับใช้กลอุบายเช่นนี้ทำร้ายลูกพี่ลูกน้องแล้ว ในอนาคตหากแต่งงานแล้วมีปัญหาระหว่างแม่สามี พี่สะใภ้หรืออนุภรรยาเล่า แม้นางจะไม่สร้างปัญหาแต่ปัญหาก็จะมาหานางเอง นิสัยเช่นนี้จะเป็ปัญหาได้นะเ้าคะ”
เหล่าไท่ไท่ไม่อาจปฏิเสธ “ใช่ ลูกสาวก็เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าในครอบครัว แต่เมื่อแต่งงานก็จะไม่มีความหมายอันใด! แม้นางจะมีอารมณ์รุนแรงและไม่ยอมใคร แต่ข้าก็กลัวว่าเสียวเส่าจะเติบโตเป็ลูกสะใภ้ที่แข็งนอกอ่อนใน รู้เพียงวิธีเล่นกลอุบายเท่านั้น หากถูกอนุที่มีความสามารถมากกว่ากดดัน นางอาจตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญเสียความโปรดปรานจากสามี”
หยางมามากระซิบเสียงเบา “บ่าวได้ยินว่าแม่ชีที่ไม่มีอารมณ์และความปรารถนามีวิธีพิเศษในการจัดการผู้คน เหล่าไท่ไท่ดูคุณหนูสามสิเ้าคะ” นางชี้เหอตังกุย “นางเขียนหนังสือได้หลังอยู่ที่วัดสุ่ยซังครึ่งเดือน เห็นได้ชัดว่าวัดเป็สถานที่เหมาะแก่การขัดเกลาเด็ก ๆ มีประสิทธิภาพกว่าอาจารย์หญิงที่จวนเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีสิ่งล่อใจจากโลกภายนอก ไม่มี ‘ละครเหลียนซวี่’ ที่วุ่นวายและแปลกประหลาด เป็การดีที่จะทำให้คุณหนูสี่มีสมาธิฝึกฝนการเขียนอักษรเป็เวลาหลายเดือน”
เหล่าไท่ไท่ได้ยินก็หวั่นไหว นางแตะที่ครอบเล็บบนมือขวาด้วยปลายนิ้วซ้ายช้า ๆ ก่อนเอ่ยจริงจัง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากทำ เพียงแต่…"
“ท่านยายทำใจไม่ได้ที่จะต้องแยกจากน้องสี่” เหอตังกุยรินน้ำชาส่งให้หยางมามาอีกถ้วย พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่แปลกหรอกเ้าค่ะ มีคนหนุ่มสาวไม่กี่คนในครอบครัว ท่านพี่ไป๋จี๋จากครอบครัวสาขาสามก็ไปทางเหนือกับท่านลุงสาม หลานชายจูจากครอบครัวสาขาแรกก็ด่วนจากไป จู่ ๆ มามาก็แนะนำให้ท่านยายส่งน้องสี่จากครอบครัวสาขาสองเข้าไปขัดเกลาในวัด แม้จะเป็ประโยชน์ต่อน้องสี่ในอนาคต แต่ท่านยายก็ไม่สามารถทำใจได้!”
“จริงสิ!” เหล่าไท่ไท่เพิ่งจิบชาได้ครึ่งคำ เมื่อได้ยินเหอตังกุยเอ่ยถึงคุณชายจูก็พลันวางถ้วยแล้วเอ่ยถาม “เสี่ยวอี้ ที่เ้าบอกว่าฝันนั้นฝันถึงสิ่งใดกันแน่? เ้าจะช่วยหลานจูอย่างไร?”
“อ้อ...เื่นั้นหรือ เป็เช่นนี้เ้าค่ะ” เหอตังกุยกรีดนิ้วก้อยลูบผมของนางให้เรียบพลางเอ่ย “ข้าฝันถึงสิ่งเหล่านี้ในคืนก่อนหยางมามาจะมาที่วัด ในความฝันข้ากลับไปที่เรือนซีคั่วของจวนตระกูลหลัวตงแล้ว ตอนเที่ยงคืนหนูในห้องครัวและบ่อนพนันของป้าหวังส่งเสียงดังเกินไป ข้าจึงสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปที่สวนดอกไม้…”
“หนูในห้องครัว? เสียงดังจากบ่อนพนัน?” เหล่าไท่ไท่ทวนคำพูดของนางด้วยความประหลาดใจ “หนูมาจากที่ใดกัน?”
หยางมามาอธิบายให้เหล่าไท่ไท่ฟัง “คุณชายเว่ยเลี้ยงพวกมันไว้ในห้องครัวเล็กของคุณหนูสามในฐานะสัตว์เลี้ยงเ้าค่ะ พวกมันแพร่พันธุ์จนกลายเป็หายนะใหญ่แล้ว บ่าวจะเล่ารายละเอียดเื่นี้ให้ท่านฟังภายหลัง ถึงอย่างไรหวังฉีบ่าวรับใช้ชั่วก็จะต้องชดใช้” นางหันไปพูดกับเหอตังกุย “คุณหนูสามเล่าความฝันต่อเถิด”
เหอตังกุยพยักหน้าแล้วพูดต่อ “ข้าจึงสวมเสื้อคลุมแล้วเดินไปที่สวนดอกไม้ ได้พบนักพรตเทพเซียน เขาบอกว่าตระกูลหลัวมีลูกชายฝาแฝด ภายในสามวันจะมีหนึ่งในฝาแฝดมีผื่นแดงที่หน้าอก มีไข้สูงและผ่ายผอมลงเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จะสูญเสียพลังงานและตายจากไป ข้าได้ยินก็ใมากจึงเอ่ยถามเซียนผู้เฒ่าว่ามีทางช่วยเขาหรือไม่ ท่านตอบว่ามีทางเดียวแต่มีราคาที่ต้องจ่าย ข้าจึงถามว่าต้องจ่ายเท่าไร เซียนผู้เฒ่าก็ชี้ที่หน้าของข้า ตอนนั้นท่านรีบไปร่วมงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาหวังหมู่ฮองเฮาของเง็กเซียนฮ่องเต้ ทว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งไปรวบรวมสมุนไพรที่เกาะเผิงไหล ทำให้ผิวถูกแดดจนไหม้เกรียม เขาจึง้าแลกเปลี่ยนิักับข้าเพื่อไม่ให้เซียนท่านอื่นหัวเราะเยาะ”
“แลก…แลกิั?!” เหล่าไท่ไท่และหยางมามาอุทานด้วยความใอย่างพร้อมเพรียง พวกนางยื่นหน้าเข้าใกล้เหอตังกุยมากขึ้น เมื่อสำรวจอย่างละเอียดแล้วต่างก็จับมือของเหอตังกุยพลางลูบด้วยความระมัดระวัง ตายแล้ว! นี่เป็ผิวที่แลกมาจากเซียนเทพกระนั้นหรือ?
เหอตังกุยพยักหน้าพลางเหยียดแขนให้พวกเขาลูบ ก่อนเอ่ยไร้เดียงสา “แม้ในฝันข้าจะรู้สึกตัวแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เซียนผู้เฒ่ากล่าวเป็จริงหรือไม่ ไม่รู้ว่านั่นคือการ ‘แลกเปลี่ยนิั’ ข้าสับสนและเป็ห่วงหลานชายทั้งสองเท่านั้นจึงเห็นด้วยในคำขอของเขา ทันใดนั้นก็ััได้เพียงแสงเจิดจ้าที่ส่องทั่วทั้งสวนดอกไม้เสมือนตอนกลางวัน ร่างกายของข้าอบอุ่นราวแช่น้ำร้อน เมื่อมองอีกครั้งก็พบว่ามือขวาของข้าที่เคยทำงานในไร่นากลับกลายเป็สีเปลือกข้าวสาลีเข้มเช่นตอนนี้"
เหล่าไท่ไท่จับมือเหอตังกุยพลางถอนหายใจก่อนเอ่ย “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็์ที่ทำให้เ้ามีผิวสีเหลือง ไม่รู้ว่าสีผิวของเ้าจะสามารถกลับมาในภายหลังได้หรือไม่”
หยางมามาเอ่ยปลอบใจเหล่าไท่ไท่ “เหล่าไท่ไท่อย่าได้กังวลใจ ตอนนี้คุณหนูสามยังคงความงามของเด็กสตรี เมื่อนางเติบโตรูปร่างหน้าตาก็จะงดงามกว่านี้ แม้สีผิวของนางจะเปลี่ยนเป็สีเหลืองแต่ก็ไม่ได้รับาเ็ คุณหนูสาม ต่อไปท่านทำเช่นไร?”
เหอตังกุยทอดมองเบื้องบนพลางเล่าต่อ “เมื่อข้ามองท้องฟ้าก็เห็นเซียนผู้เฒ่ากลายเป็บุรุษหน้าตาหล่อเหลา ผิวพรรณขาวเนียนดุจหิมะ ดวงตาสดใสราวผิวน้ำ ราวข้ากับท่านเทพเคยรู้จักกันมาก่อน...จากนั้นท่านก็บอกวิธีรักษาหลานจู ข้าจดขั้นตอนทั้งหมดลงกระดาษแล้วส่งให้ลุงเนี่ย ตอนนี้เขาคงถึงตระกูลหลัวแล้ว ข้าหวังว่าเขาจะช่วยหลานจูและทำให้เขาฟื้นคืนชีพเช่นเดียวกับข้า”
......
“เนี่ยชุน เ้าวิ่งมาเรือนหลิวหลี่ด้วยเหตุใด?”
ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึง หูของหลัวไป๋เฉียนไวมากพอที่จะได้ยินเสียงถากถางของบุรุษ เป็ดังคาด เขามองไปรอบ ๆ ก่อนสะดุดใบหน้าน่ารำคาญที่สุดในความคิดของเขา หลัวไป๋เฉียนชี้จมูกเนี่ยชุนพลันก่นด่าด้วยความเดือดดาลทันที “คนสารเลว เ้ามาทำอะไรที่เรือนข้า! ได้ยินว่าลูกชายข้าเสียชีวิตจึงจงใจมาหัวเราะเยาะใช่หรือไม่?”
เนี่ยชุนย่นจมูกก่อนตอบอย่างเ็า “ข้าไม่ได้ว่างเหมือนคุณชายอย่างเ้าที่ชอบดูคนอื่นไว้ทุกข์ให้ลูกชายที่ตายไปแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อส่งจดหมาย ไม่เคยคิดมาหาเ้า หากเดินมากกว่านี้อีกสองก้าวเกรงว่าเท้าของข้าจะสกปรกได้ นี่เป็จดหมายที่ผู้ส่งเจาะจงว่าต้องส่งให้ถึงมือเ้าโดยเฉพาะ ฮึ ส่งเสร็จคงต้องเอารองเท้าไปล้างทำความสะอาดเสียหน่อย”
ต่งซื่อที่จมูกฟกช้ำบวมเป่งลุกจากพื้นพลันวิ่งไปหาเนี่ยชุน นางมองเขาด้วยความระมัดระวังก่อนเอ่ยถามน้ำเสียงเฉียบคม “ใครเขียนจดหมายให้เขา บุรุษหรือสตรี?”
แม้จะมีต่งซื่อและบ่าวรับใช้อีกหลายสิบคนแทรกกลาง แต่เนี่ยชุนก็ยังคงโยนจดหมายไปเบื้องหน้าของหลัวไป๋เฉียน ก่อนกล่าวทิ้งไว้หนึ่งประโยค “สตรีแซ่เหอ” เมื่อเขาพูดจบก็หันหลังเดินออกจากประตูใหญ่ พลันจากไปไกลในอีกชั่วอึดใจเดียว ทิ้งให้คนอื่นมองแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไปของเขา
“จดหมายอะไร? ใครเขียนถึงเ้า? หลัวไป๋เฉียน เ้ารู้จักสตรีแซ่เหอได้อย่างไร?” หลังเนี่ยชุนจากไป ต่งซื่อก็ฝ่าฝูงชนแน่นขนัดพลางร้องไห้ด้วยความไม่พอใจ “หลัวไป๋เฉียน ข้าทำงานบ้านอย่างหนักเพื่อดูแลลูกชายและลูกสาว แต่เ้ากลับออกไปสานสัมพันธ์กับสตรีอื่น! นางทำอะไร? เ้ากับนางมีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนแล้ว?”
หลัวไป๋เฉียนเปิดจดหมายด้วยความรีบร้อนโดยไม่สนใจต่งซื่อ เมื่ออ่านจบก็เต็มไปด้วยความสงสัย ไม่นานเขาก็รีบวิ่งตามหาเนี่ยชุนที่หายไปทันที เดินตามเส้นทางภายนอกเรือนหลิวหลี่สองสามรอบ ในที่สุดก็พบบุรุษชุดสีแดงสดข้างสระบัวใกล้โขดหินในระยะไกล เขาจึงเดินเข้าไปด้วยคิ้วขมวดมุ่น
สระบัวแห่งนี้เคยเป็จุดชมทิวทัศน์ที่มีคนมาเที่ยวชมเยอะที่สุดในจวนตระกูลหลัว ในฤดูใบไม้ผลิเลี้ยงปลาไน ในฤดูร้อนเก็บดอกบัว ในฤดูใบไม้ร่วงเก็บกระจับและในฤดูหนาวก็ตกปลาไน สองปีที่แล้วสตรีชื่อซินเอ๋อร์ตกลงไปในน้ำ กว่าจะตามหาพบ ศพของนางก็ขึ้นอืดก่อนถูกงมในวันรุ่งขึ้น ั้แ่นั้นมาสระบัวที่สวยงามแห่งนี้ก็แผ่รัศมีเย็นเยียบมาโดยตลอด พวกขี้ขลาดก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้ เื่กินฝักบัว เก็บกระจับและตกปลาไนยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ก่อนหน้านี้ เมื่อได้กินของเ่าั้ก็รู้สึกถึงความสดใหม่และกลิ่นอายป่าเขา ทว่าตอนนี้แม้รสชาติจะหวานเพียงใด พวกเขาก็อดนึกถึงเื่เก็บศพสตรีไม่ได้ ยากจะกลืนกินยิ่งนัก
หลัวไป๋เฉียนมองใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็เนี่ยชุนที่กำลัง “ทำตามคำพูดที่เอ่ยก่อนหน้านี้” เขาเดินไปริมสระบัวแล้วล้างเท้า ข้างกายคือรองเท้าบูตคู่หนึ่งที่ถูกทำความสะอาดแล้ว
หลัวไป๋เฉียนบันดาลโทสะยิ่งนัก ก่อนก้าวไปเตะรองเท้าบูตที่กำลังตากแดด เขาชี้หน้าด้านข้างของเนี่ยชุนพลันะโ “หากเก่งนักก็ออกไปเสีย! อย่าอยู่ในตระกูลหลัว หากเ้าเก่งจริง แม้แต่พื้นตระกูลหลัวของพวกข้าก็ไม่จำเป็ต้องเหยียบด้วยซ้ำ!”
เนี่ยชุนได้ยินเสียงรองเท้าบูตที่ถูกชายผู้นั้นเตะ แต่เขาก็ไม่หันกลับมามองแต่อย่างใด พลางเอ่ยเ็า “การใช้ชีวิตในตระกูลหลัวเป็เพียงผลประโยชน์เล็กน้อยจากการค้าขายระหว่างข้ากับประมุขหลัว ยังไม่ถึงคราวรุ่นเยาว์เช่นเ้าเอาปากเข้ามาสอด มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในตระกูลหลัวที่สกปรกเป็พิเศษจนข้าต้องล้างเท้าทุกครั้งที่เหยียบย่างเข้าไป แต่สถานที่ที่เหลือก็ยังสามารถเหยียบได้อยู่”
หลัวไป๋เฉียนเขย่าจดหมายข้างแก้มของเนี่ยชุน ก่อนเอ่ยเคร่งขรึม “จดหมายฉบับนี้คืออะไร? ตอนต้นเขียนว่า ‘หลังทำตามขั้นตอนต่อไปนี้แล้ว หลัวสื่อจูลูกชายของท่านจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง’ ? ถุย! เนี่ยชุน เ้าเป็คนคุ้มครองท่านย่าไม่ใช่หรือ? เปลี่ยนงานเป็นักต้มตุ๋นลึกลับั้แ่เมื่อไร?”
เนี่ยชุนดึงเท้าขนาดใหญ่ของเขาออกจากสระ ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าจากแขนเสื้อแล้วเช็ดเท้าด้วยความละเมียดละไม พลางเอ่ยตอบเนิบนาบ “เหล่าไท่ไท่ขอให้ข้ากลับมาโดยเร็วที่สุด นางบอกข้าว่ามันจะไม่มีประโยชน์หากข้ามาส่งช้า แต่ดูเหมือนแม้ว่าข้าจะส่งก่อนเวลาแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตาม จดหมายไร้ประโยชน์ที่เด็กหญิงตัวเล็กเขียนก็ไม่ต่างจากเศษกระดาษหรอก” กล่าวจบก็จับขอบสระบัวด้วยสองมือ ก่อนตีลังกาสองตลบะโไปยังรองเท้าบูตข้างที่ใกล้ที่สุด เมื่อสวมใส่ข้างซ้ายแล้วก็ะโไปยังรองเท้าบูตข้างขวาใตู้เาจำลองอีกครั้ง
หลัวไป๋เฉียนได้ยินก็ประหลาดใจนัก เขาอ่านจดหมายอีกครั้งก่อนเอ่ยถามเนี่ยชุนที่ะโด้วยรองเท้าข้างเดียว “เ้าหมายถึง...ท่านย่าสั่งให้เ้าส่งจดหมายใช่หรือไม่? นางไปรับน้องสามที่วัดสุ่ยซังไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นสตรี...แซ่เหอ...ก็คือน้องสามใช่หรือไม่? นางเขียนจดหมายฉบับนี้หรือ” ลายมือยุ่งเหยิงเช่นนี้ดูเหมือนนางจะเป็คนเขียน แต่ประโยคสะเปะสะปะเหล่านี้หมายถึงอะไรกันแน่?
หลังทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ หลัวสื่อจูลูกชายของท่านจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง?
ไม่ว่าจะอ่านอย่างไรก็เหมือนคำพูดจากปากนักต้มตุ๋นผู้ลึกลับคนหนึ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้