ไท่ไท่สามมีอาการแพ้ละอองเกสรดอกไม้ นี่เป็โรคเก่าที่เป็มาั้แ่เด็ก ไม่นับว่ารุนแรงมาก แต่ก็มักสร้างความรำคาญให้เสมอ เมื่อถึงวสันตฤดู ก็มักจะไม่สบาย แต่อาการแพ้ละอองเกสรดอกไม้ยากที่จะรักษาให้ถึงต้นตอ นานวันเข้าก็กลายเป็ความเคยชินไปเสียแล้ว
บัดนี้อวี้อ๋องแนะนำคนที่มีความสามารถในการรักษาให้ เฉียวเยว่ย่อมจะยินดีและกระตือรือร้นเป็พิเศษ หากสามารถรักษาให้หายได้ก็ประเสริฐยิ่ง
แน่นอนว่าคนอื่นๆ ต่างยินยอม แต่ฉีจือโจวกลับมีความคิดหนึ่งในใจ เขารู้สึกทึ่งในความปราดเปรื่องของหรงจ้านอยู่เงียบๆ ที่รู้จักเลือกเส้นทางเดินที่สบายที่สุด เมื่อตรองดูอย่างถ้วนถี่จะพบว่าอาอิ่งคือคนที่คุยไม่ยากและควบคุมง่ายที่สุดในเหล่าผู้าุโของเฉียวเยว่
เขามีความคิดที่ค่อนข้างล้ำลึก มิเช่นนั้นแล้วไหนเลยจะเลือกเส้นทางนี้ แต่เพราะเกี่ยวพันถึงสุขภาพของน้องสาว เขาจึงไม่อยากพูดอะไรมาก แต่ถึงกระนั้น ในใจกลับขบคิดถึงหมอหญิงที่จะมาในวันรุ่งขึ้น เขาต้องมาดูให้เห็นกับตา มิเช่นนั้นก็คงยากจะรับประกันได้ว่าอาอิ่งจะไม่ถูกพวกเขาหลอกลวง
หรือจะให้พูดตามความสัตย์จริงก็คือเขารู้สึกไม่วางใจก็เท่านั้น
เช้าตรู่วันต่อมา
เฉียวเยว่มิได้ไปสำนักศึกษา จึงมารออยู่ั้แ่เช้า แต่ไม่นานนัก ก็เห็นรถม้าจวนอวี้อ๋องมาจอดหน้าประตู
เฉียวเยว่รีบออกไปต้อนรับ หรงจ้านเลิกม่านขึ้นแล้วเดินลงจากรถม้า
เฉียวเยว่มองการแต่งตัวของเขาแล้วก็ขำพรืดอย่างอดไม่ได้
คนผู้นี้มักชอบทำให้คนรู้สึกแปลกใจได้เสมอ ่ฤดูเหมันต์อากาศหนาวเหน็บ เขาสวมอาภรณ์บางเบา กับเสื้อคลุมกันลมบางๆ เพียงตัวเดียว แต่บัดนี้เข้าวสันตฤดูแล้ว เป็่ที่อากาศดียิ่ง คนส่วนใหญ่มักสวมชุดผ้าไหมบางๆ ธรรมดาทั่วไป แต่ผู้าุโท่านนี้กลับสวมอาภรณ์หนาเทอะทะ สวมแม้กระทั่งเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวใหญ่ เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมายยิ่งสะดุดตาเป็ที่สุด
เฉียวเยว่เข้ามายอบกายเล็กน้อย แล้วอมยิ้มเอ่ยว่า "คารวะพี่จ้านเ้าค่ะ ว่าแต่เหตุใดท่านสวมเสื้อผ้าหนาขนาดนี้เล่า มิได้เป็อันใดใช่หรือไม่?"
หรงจ้านทอยิ้มอ่อนจาง "ไม่มีอะไร แค่รู้สึกว่าแต่งแบบนี้ดูสะดุดตาดี ข้าเหมือนคนทั่วไปที่ไหนกันเล่า?"
เฉียวเยว่ยอมแพ้
หลังจากนั้นหรงจ้านก็หันหลังกลับไปเลิกม่าน แล้วยื่นมือออกไป
ท่าทางน่าจะเป็ผู้าุโจริงๆ หรงจ้านเคยทำตัวอ่อนน้อมมีมารยาทเช่นนี้เมื่อไรกัน
เฉียวเยว่ชะโงกศีรษะมองออกไป เกิดความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นหลายส่วน แท้จริงแล้วนางไม่เข้าใจความสัมพันธ์ต่างๆ ที่อยู่รอบกายของหรงจ้านเลยสักนิด เป็ต้นว่าหรงจ้านเรียกท่านลุงของนางเล่นๆ ว่าอาจารย์ จุดนี้ไม่ถูกต้องอย่างมาก แม้ว่าฉีอันจะยืนยันเมื่อวานว่าพวกเขาอาจสืบทอดมาจากปรมาจารย์สายเดียวกัน ไม่แน่ว่าท่านลุงอาจเคยสอนวรยุทธ์หรงจ้านจริงๆ ก็ได้ แต่หากจะกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูกอีก
อายุไม่สอดคล้อง ยิ่งไปกว่านั้น... ด้านอื่นๆ ก็เหมือนจะไม่ถูกต้อง
เช่นศิษย์พี่หญิงของหรงจ้านผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าท่านลุงของตนเองไม่รู้จักนาง
แม้เฉียวเยว่จะไม่เข้าใจเื่ยุ่งเหยิงซับซ้อนเหล่านี้ แต่นางรู้ว่าหรงจ้านไม่มีวันเห็นสุขภาพของมารดานางเป็เื่สนุก แต่คนที่ได้รับการชื่นชมจากหรงจ้านมีไม่มากจริงๆ เฉียวเยว่จึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศิษย์พี่หญิงของหรงจ้านคนนี้เป็พิเศษ ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยอย่างประจบสอพลอ ราวกับว่าขอเพียงได้พบคน นางก็จะยิ้มให้สดใสเจิดจรัสดุจดวงตะวัน
แต่ขณะที่เฉียวเยว่กำลังรู้สึกตื่นเต้น มือขาวซีดข้างหนึ่งก็วางบนมือของหรงจ้าน หลังจากนั้นก็เห็นหญิงสาวผู้นี้ออกมาจากรถม้า คิ้วของนางโก่งดังใบหลิวโดยไม่ต้องวาด ริมฝีปากไร้ชาดแต่งแต้ม ทั้งที่มิได้ผัดแป้งแต่งหน้า แต่กลับทำให้คนมิอาจละสายตา
แต่พอมองอาภรณ์ของนาง กลับรู้สึกได้ว่าผู้อื่นไม่ใช่คนมั่งคั่ง เสื้อผ้าเป็สีฟ้าอมเทาธรรมดา เนื้อผ้าหยาบ รูปแบบค่อนไปทางบุรุษ
แม้รูปโฉมจะงดงามเพริศพริ้ง แต่สตรีผู้นี้ท่าทางเ็า ห่างเหินผู้คน มีลักษณะที่ค่อนข้างแปลกมาก เห็นอยู่ว่าภายนอกดูเป็โฉมสะคราญ แต่สีหน้ากลับไม่เป็เช่นนั้น หากบอกว่าสตรีผู้นี้อายุมากกว่าหรงจ้าน เฉียวเยว่ก็ไม่เชื่อ เพราะสตรีผู้นี้ดูแก่กว่านางเพียงสามถึงสี่ปีเท่านั้น
เฉียวเยว่อมยิ้มยอบกายทำความเคารพ หลังจากนั้นก็ต้อนรับคนเข้ามาในเรือน ไท่ไท่สามมีสีหน้าประหลาดใจ อวี้อ๋องพูดเสมอว่าคนผู้นี้เป็ศิษย์พี่ของเขา กระทั่งน้ำเสียงยามพูดจายังเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง ไท่ไท่สามนึกว่าจะเป็าุโหญิงที่มีอายุหน่อย แต่เห็นเยี่ยงนี้แล้ว ก็พูดไม่ออกจริงๆ ว่านางอายุมากกว่าหรงจ้าน
ไท่ไท่สามอมยิ้มถามเสียงเบา "ไม่ทราบว่าควรเรียกคุณหนูผู้นี้อย่างไรดี สามีของข้าเป็บุตรคนที่สาม ทุกคนต่างเรียกข้าว่าไท่ไท่สาม คุณหนูจะเรียกเหมือนกันก็ได้ ส่วนเด็กคนนี้เป็บุตรสาวของข้า นามว่าเฉียวเยว่"
นางดึงมือของบุตรสาวมาแนะนำด้วยรอยยิ้ม
"เป็ความเลินเล่อของข้า ลืมแนะนำสองท่านนี้ไปเสียสนิท" หรงจ้านออกตัวทันที หลังจากเว้นจังหวะเล็กน้อย เขาก็พูดต่อทันที "ท่านนี้คือศิษย์พี่หญิงของข้า นามว่าหลี่เฉิงซู"
เขาหันไปแนะนำศิษย์พี่ของตนเอง หลี่เฉิงซูพยักหน้าเรียบๆ สีหน้ายังคงห่างเหินเ็า
ไท่ไท่สามไม่สบายใจอยู่บ้าง ใจของนางเห็นหรงจ้านเป็บุตรเขยในอนาคตของตนเองไปแล้ว บัดนี้พอเห็นเขาสนิทสนมกับสตรีอีกคน ย่อมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็คนฉลาด ไม่แสดงทุกอย่างออกมาทางสีหน้าให้ดูด้อยราคา
ขณะที่ไท่ไท่สามไม่ถามอะไรทั้งสิ้น เฉียวเยว่กลับเบิกตากว้างเอ่ยว่า "พี่จ้าน ท่านนี่เป็จอมโกหกตัวยงเลยนะเ้าคะ"
หรงจ้านเลิกคิ้ว อมยิ้มน้อยๆ "ขอบังอาจถามคุณหนูเจ็ด ข้าโกหกตรงไหน?"
เฉียวเยว่เชิดหน้า "ก็ศิษย์พี่หญิงของท่านอย่างไรเล่า นางดูเด็กกว่าท่านตั้งเยอะ ท่านต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ ถึงเรียกนางว่าศิษย์พี่?"
มุมปากของหรงจ้านโค้งขึ้นน้อยๆ มองไปทางหลี่เฉิงซู
แม้อีกฝ่ายจะยังคงเฉยเมย แต่กลับดูอ่อนโยนลงมาหลายส่วน
เมื่อเห็นว่าหลี่เฉิงซูไม่มีความคิดจะอธิบาย หรงจ้านก็กล่าวขึ้นมาแทน "อันที่จริงนางอายุมากกว่าข้าสามปี ปีนี้ยี่สิบห้าแล้ว"
ถูกผู้อื่นเปิดเผยเื่อายุ แต่กลับไม่ถือสาแม้แต่น้อย เฉียวเยว่รู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก
ทว่า... ยี่สิบห้า?
แม่นางที่ดูเหมือนสาวรุ่นสิบหกสิบเจ็ดตรงหน้าอายุยี่สิบห้าแล้ว?
เฉียวเยว่ตะลึงงัน
อย่าว่าแต่เฉียวเยว่ แม้แต่ไท่ไท่สามยังมีสีหน้าตะลึงพรึงเพริด รู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ
"ศิษย์พี่หญิงมีวิธีคงความอ่อนเยาว์" หรงจ้านกล่าว
เฉียวเยว่เพิ่งปรับอารมณ์ได้ นางมองหลี่เฉิงซูอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วส่ายหน้าพึมพำออกมา "แต่นางไม่ใช้อะไรเลย ข้าดูออกว่านางไม่แต่งหน้าแม้แต่น้อย"
ไม่นานหลังจากนั้นเฉียวเยว่ก็เดินตรงเข้าไปกอดแขนของหลี่เฉิงซู แล้วฉอเลาะอย่างสนิทสนม "ศิษย์พี่หญิง ข้าเรียกท่านว่าศิษย์พี่หญิงได้หรือไม่? อ้อ ไม่ใช่สิ เรียกว่าศิษย์พี่หญิงไม่ถูกต้อง พี่หญิงหลี่ ข้าเรียกท่านพี่หญิงหลี่ได้หรือไม่?"
ดวงหน้าน้อยของเฉียวเยว่เงยขึ้นยิ้มให้อย่างน่ารัก
หลี่เฉิงซูถูกคนจับมือกะทันหัน รู้สึกไม่คุ้นชิน นางลองดึงแขนของตนเองออก แต่เฉียวเยว่กลับไม่ยอม ยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม
หลี่เฉิงซูกลับหัวเราะออกมา เอ่ยว่า "เ้าไม่ปล่อย ข้าจะตรวจโรคให้มารดาเ้าอย่างไร?"
น้ำเสียงไพเราะ แต่ฟังดูเฉยชา
เฉียวเยว่ถูกริบอาวุธจำต้องยอมปล่อยมือ นางเท้าคางเอ่ยว่า "พี่หญิงหลี่ ทั้งอ่อนโยนและงดงามยิ่ง"
หรงจ้านเห็นเฉียวเยว่มิคำนึงถึงความเป็จริง ก็หัวเราะออกมา "เ้าแตงน้อย เ้าเชื่อถ้อยคำเหล่านี้ของตนเองหรือไม่?"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ ย้อนถาม "ไยข้าจะไม่เชื่อเล่า พี่หญิงหลี่ก็เป็เช่นนี้อยู่แล้วนี่นา"
หลี่เฉิงซูตรวจชีพจรให้ไท่ไท่สาม หลังจากนั้นก็ล้วงห่อผ้าของตนเองออกมา เอ่ยว่า "ข้าจะฝังเข็มให้ ท่านไม่ต้องกลัว มิใช่เื่ใหญ่อันใด ข้าเพียงจะทดสอบต้นตออาการแพ้ของท่านดูเท่านั้น”
ไท่ไท่สามพยักหน้า แท้จริงแล้วนางมิค่อยใส่ใจกับปัญหาอาการแพ้ของตนเองมากนัก นางอยากรู้ว่าคุณหนูหลี่ผู้นี้บำรุงผิวพรรณอย่างไรมากกว่า ถึงได้ดูงดงามเป็ธรรมชาติโดยไม่ต้องเสริมแต่งใดๆ
หากนางสามารถดูอ่อนเยาว์และงดงามได้เหมือนคุณหนูหลี่ผู้นี้ ให้ทำอย่างไรนางก็ยอมทั้งสิ้น
ขึ้นชื่อว่าสตรี ใครบ้างจะไม่รักสวยรักงาม ไท่ไท่สามก็เช่นเดียวกัน ให้นางทำสิ่งใด นางก็จะทำตามทุกอย่างจริงๆ
หลังจากฝังเข็มแล้ว หลี่เฉิงซูก็ล้วงกระเป๋ายาใบน้อยของตนเองออกมา แล้วแต้มลงไปหลายตำแหน่งบนแขนของอีกฝ่าย
เฉียวเยว่ถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ "นี่คือการทำสิ่งใดหรือเ้าคะ?"
หลี่เฉิงซูเงยหน้ามองนางปราดหนึ่ง อมยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ตอบ
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ นั่งเท้าคางอยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขา
หรงจ้านเห็นเฉียวเยว่จ้องแต่ศิษย์พี่หญิงของตน ก็เม้มปาก รู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อยที่พานางมา
บางคราชีวิตคนก็น่าจนใจเช่นนี้เอง อุตส่าห์แย่งว่าที่ภรรยาจากบุรุษมาได้ ก็ยังต้องตามไปแย่งชิงกับสตรี
เขาลูบหัวเฉียวเยว่เบาๆ แล้วเอ่ยว่า "ข้าจะพาเ้าไปกินขนม"
เฉียวเยว่ไม่ขยับ "ข้าอยากดูพี่หญิงหลี่รักษาท่านแม่ เอาไว้ค่อยกินทีหลังก็ได้ มันไม่มีขาหนีไปไหนเสียหน่อย"
หรงจ้านถอนหายใจแล้วอมยิ้ม "เช่นนั้นหรือ"
เขาเม้มปาก
เฉียวเยว่เงยหน้ายิ้มถามเขาว่า "พี่จ้าน พี่หญิงหลี่มาเมืองหลวงครานี้เพื่อรักษาให้ท่านแม่ข้าจริงหรือ?"
อยู่ๆ นางก็นึกถึงเื่นี้ขึ้นมา
หรงจ้านส่ายหน้า "ไม่ใช่"
แต่มิได้อธิบายอะไรนอกเหนือจากนั้น
กลับเป็หลี่เฉิงซูที่หันมามองหรงจ้านอย่างประหลาดใจ หลังจากนั้นก็ก้มหน้าต่อ เฉียวเยว่ไม่รู้อย่างไร จู่ๆ ก็เข้าใจขึ้นมาเอง นางทำสีหน้าเคร่งขรึม "นางมิได้มาเพื่อตรวจท่านแม่ของข้า แต่มาเพื่อตรวจให้ท่าน ใช่หรือไม่?"
หรงจ้านตกตะลึง หลังจากนั้นก็เม้มปาก อมยิ้มเอ่ยว่า "เ้าไม่ไปเอาจริงหรือ มีขนมไส้บ๊วยของโปรดเ้าด้วยนะ"
เฉียวเยว่คว้าชายเสื้อของหรงจ้านไว้ "ท่านอย่าได้เฉไฉ"
ท่าทางของนางเต็มไปด้วยความจริงจังและดึงดัน
"หากเขาไม่รนหาที่ก็ไม่เป็ไรหรอก ต่อไปช่วยข้าดูแลเขาหน่อย แล้วข้าจะสอนวิธีบำรุงผิวพรรณให้พวกเ้า"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ ก่อนยิ้มอย่างเริงร่า "ได้เ้าค่ะ"
นางตอบเสียงดังกังวาน แต่หลังจากนั้นก็ถามอีกว่า "พี่จ้านเป็อย่างไร? เป็เพราะอาการาเ็ก่อนหน้านี้หรือ?"
หรงจ้านส่ายหน้า ยิ้มตอบไปว่า "ไม่มีอะไร เ้าอย่าไปฟังศิษย์พี่หญิงของข้า"
"ข้าต้องฟังแน่นอน ข้าอยากสวยเหมือนพี่หญิงหลี่" เฉียวเยว่ตอบอย่างตรงไปตรงมา
"เ้าอ่อนเยาว์อยู่แล้ว ไม่ต้องบำรุง นางอายุมากแล้วถึงจำเป็"
"เ้าอยากตายหรือไร?" เสียงของหลี่เฉิงซูลอยมา
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคักออกมา แล้วสะกิดหรงจ้าน "ที่แท้พี่จ้านก็กลัวศิษย์พี่หญิงนี่เอง"
"ซูเฉียวเยว่ เ้าเอามือของตนเองกลับมาเดี๋ยวนี้" ฉีจือโจวเดินเข้ามาเห็นเฉียวเยว่เอนตัวไปยิ้มให้หรงจ้าน มือน้อยๆ ยังสะกิดเขาส่งเดช หลานสาวโง่งมของเขาคนนี้ไม่รู้เลยหรือว่าบุรุษล้วนแต่เลวร้ายทั้งสิ้น
หลี่เฉิงซูหันกลับมามอง หลังจากนั้นถอนสายตากลับไป
แต่ขณะเดียวกัน ฉีจือโจวกลับตะลึงพรึงเพริด
เขาหรี่ตาน้อยๆ น้ำเสียงเยียบเย็นขึ้น "หลี่เฉิงซู?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้