ในขณะที่หลิ่วจิ้งค่อยๆหมดหวังลงทุกที ทันใดนั้นเองจางฉวนก็ก้าวออกมาจับแขนป้าจ้าวไพล่หลังทั้งยังเรียกอู๋กังออกมาช่วยอีกแรงด้วย
“บังอาจ พะ…พวกเ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็คนของฮูหยินผู้เฒ่าพวกเ้ากล้าแตะต้องข้าก็คือกล้าแตะต้องฮูหยินผู้เฒ่าข้าก็อยากดูนักว่าพวกเ้าคนใดที่เบื่อชีวิตไม่อยากอยู่ต่อแล้ว”ป้าจ้าวมองจางฉวนอย่างไม่เชื่อสายตา
อู๋กังถูกจางฉวนร้องเรียกจึงเดินเข้ามาตามสัญชาตญาณตอนที่เขากำลังจะลงมือก็กลับได้ยินคำของป้าจ้าว จึงเกิดความลังเลและยั้งมือเอาไว้
จางฉวนคนเดียวไม่อาจควบคุมป้าจ้าวที่ยามนี้ขัดขืนเหมือนคนบ้าเขาหันไปมองอู๋กังอย่างเกรี้ยวกราด “อู๋กัง ไม่ยอมฟังคำสั่งของผู้เป็นายเ้าอยากถูกไล่ออกจากจวนหรือ”
อู๋กังยังคงลังเล เห็นว่าจางฉวนกำลังหมุนไปมากับป้าจ้าวป้าจ้าวออกแรงขัดขืนเต็มแรง จนจางฉวนไม่อาจควบคุมนางไหวจริงๆ
ในขณะที่จางฉวนกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่นั้นคนผู้หนึ่งก็พุ่งตัวเข้ามาจากนอกห้องครัว ไม่รู้ใช้วิธีใดแค่ขยับตัวไม่กี่หนก็เอาเชือกมัดผักในห้องครัวมัดมือป้าจ้าวไพล่หลังเรียบร้อยป้าจ้าวจึงขยับตัวไม่ได้อีกต่อไป
“เ้า นำทางไป ห้องเก็บฟืนอยู่ที่ใด” ผู้ที่มาใหม่เอ่ยปากกับจางฉวน
หลิ่วจิ้งมองคนที่มา นางทั้งประหลาดใจและดีใจ คนที่มาก็คือเฉินเหยียนยังไม่ต้องสนใจว่าเหตุใดเฉินเหยียนจึงมาที่นี่แต่การปรากฏตัวของเขาช่วยหลิ่วจิ้งได้มากจริงๆ
จางฉวนเองก็มีสีหน้าสงสัยไม่รู้ว่าเ้าเด็กที่มีฝีมือดียิ่งกว่าเขาผู้นี้มาจากที่ใดเขาเอ่ยกับเฉินเหยียนด้วยความนับถือว่า “ผู้กล้าเชิญตามข้าน้อยไปทางนี้ขอรับ”เขาพูดพลางเดินไปในทิศทางของห้องเก็บฟืน
หลิ่วจิ้งหันไปพยักหน้าให้เฉินเหยียน “ไม่ต้องกลัว เอาตัวป้าจ้าวไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน”
เฉินเหยียนกลอกตาขาว กลัวหรือ หากเขากลัวก็คงไม่ลงมือแล้ว ฮูหยินอายุน้อยผู้นี้ตัวนางเองไม่ต้องกลัวจึงจะถูก
ป้าจ้าวเห็นว่าคนที่มาจะเอานางไปส่งที่ห้องเก็บฟืนจริงๆก็ใหน้าซีดเผือดไปเสียตั้งนานแล้ว ตัวนางก็ยังคงดิ้นรนอยู่ตลอดนางโกรธเสียจนเกือบเป็ลมล้มพับไป
นางไม่รู้ว่าก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะรู้เื่นางจะต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวหรือไม่ นางอาศัยบารมีของฮูหยินผู้เฒ่ามาตั้งหลายปีใช้ชีวิตเช่นคนเป็นายครึ่งหนึ่ง แล้วจะเสียหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรนางทนรับกับการเปลี่ยนแปลงมากมายเช่นนี้ไม่ได้ พลันโมโหจนหมดสติไป
หลิ่วจิ้งมองเฉินเหยียนและจางฉวนคุมตัวป้าจ้าวเดินไปที่ห้องเก็บฟืนแล้วหันมองพวกของอู๋กังที่ยังคงยืนแข็งทื่ออยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มเย็นออกมา
“พวกเ้าทำงานต่อไปเถิด เป็บ่าวที่ภักดีเสียจริงๆแต่วันนี้ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ยังไม่รู้สำนึกอีก”
นางคร้านจะไปมองพวกเขาอีก พูดลอยๆ ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งก่อนจะก้าวเท้าจากไป ทิ้งพวกเขาทั้งสี่คนให้อกสั่นขวัญผวาอยู่ในห้องครัวไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ป้าหวังใหญ่เดินไปมาในห้องครัวหลายรอบตัดสินใจว่าจะต้องไปรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่า นางเชื่อว่ามีฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ฮูหยินย่อมไม่อาจมาลงโทษพวกนางได้
หลิ่วจิ้งเพิ่งเอาตัวป้าจ้าวไปขังในห้องเก็บฟืนได้ไม่นานฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้เื่จากป้าหวังใหญ่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งตื่นป้าจ้าวยังไม่ทันเข้ามาช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับเป็ป้าหวังใหญ่มาหาแทนพอฟังเื่ที่ป้าหวังใหญ่เล่าจนจบ นางก็ไม่พูดสักคำ เอาแต่หมุนสร้อยประคำในมือไม่ยอมหยุด
ป้าหวังใหญ่ใจนพูดไม่ออก ได้แต่รออยู่ข้างๆไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ฮูหยินผู้เฒ่าสีหน้าหม่นหมองนัก อยากจะไล่หลิ่วจิ้งออกไปจากจวนเสียเดี๋ยวนี้แต่ตอนนี้นางไม่อาจขัดแย้งกับหั่วอี้ นางเป็คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนจึงมองออกนานแล้วว่าหั่วอี้รู้สึกกับหลิ่วจิ้งต่างจากคนอื่นๆ คนเป็แม่เช่นนางหากไล่หลิ่วจิ้งออกจวนไปด้วยตนเองก็เกรงว่าจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างหั่วอี้กับนางฉะนั้นต่อให้นางจะโมโหอีกสักเท่าใด อีกทั้งป้าจ้าวก็ทำผิดอย่างชัดเจน นางจึงไม่อาจปล่อยป้าจ้าวออกมาอย่างเปิดเผย
อีกประการนางเองก็ทนรับเื่ทำนองบ่าวลามปามนายไม่ได้เป็ที่สุดเช่นกัน แม้ป้าจ้าวจะปรนนิบัตินางมาั้แ่เล็กแต่เื่ที่บ่าวคิดเป็นาย ทำเื่ที่คนเป็นายทำ เห็นทีว่านางก็คงยอมปล่อยให้มีไม่ได้
ทว่าหากไม่ปล่อยป้าจ้าวออกมาจะไม่เท่ากับเสียท่าให้นังสตรีผู้นั้นหรอกหรือ นางคิดว่านางเป็ฮูหยินในจวนจริงๆแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วแน่น เื่นี้จัดการยากจริงๆ
ป้าหวังใหญ่มองดูอยู่ทั้งแอบหวั่นใจนางนึกว่าพอฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเื่ที่นางมารายงาน ก็มิใช่จะสั่งการในทันทีว่าให้ฮูหยินปล่อยคนออกมาหรอกหรือ? เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่ายังคงลังเลอยู่หรือว่าฮูหยินเป็คนที่แตะต้องไม่ได้จริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ป้าหวังใหญ่ก็เหงื่อแตกไปทั้งตัว หากเป็จริงดังว่าเช่นนั้นพวกนางก็…
ป้าหวังใหญ่ไม่กล้าคิดต่อไป หันมองฮูหยินผู้เฒ่าอีกครั้งหวังเหลือเกินว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะออกหน้าให้พวกนาง
พักใหญ่จากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจึงมองป้าหวังใหญ่ด้วยแววตาดำมืด“เ้าไปที่เรือนฮูหยินสักหน บอกว่าไหล่ข้ากำเริบอีกแล้ว ต้องให้ป้าจ้าวมานวดให้จึงจะได้ระยะนี้ข้าจะอยู่ห่างจากป้าจ้าวไม่ได้เื่โทษทัณฑ์ก็ให้รั้งรอไว้วันสองวันค่อยจัดการเถิด”
“เ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่า” ป้าหวังใหญ่ไม่เข้าใจทำเช่นนี้จะใช้การได้หรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้สั่งให้ฮูหยินปล่อยคนแต่นี่กลับเป็การหารือกับฮูหยินต่างหากหรือจะเป็ดังที่ฮูหยินบอกว่าท้องฟ้าในจวนจะเปลี่ยนสีแล้ว?
รอจนป้าหวังใหญ่จากไป ฮูหยินผู้เฒ่าจึงยิ้มเย็นะเืออกมาองค์หญิงผู้นี้ถึงกับบังอาจ ไม่เว้นทั้งหน้าพระพระพักตร์พระพุทธ [1] กล้ามาแตะต้องคนของนางองค์หญิง้าจะเป็ปรปักษ์กับนางให้จงได้ ในเมื่อเป็เช่นนี้แล้ว ดี มาคอยดูกัน
ตอนนี้เองป้าหวังใหญ่จึงเพิ่งเกิดความกลัวฮูหยินขึ้นมาแม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังต้องเกรงใจนาง เกิดเื่เช่นนี้ขึ้นก็ยังทำอะไรฮูหยินไม่ได้ไม่รู้ว่าฮูหยินจะมาตามคิดบัญชีเอากับพวกนางในภายหลังหรือไม่
ป้าหวังใหญ่คิดพลางเร่งเดินไปที่เรือนของหลิ่วจิ้ง
ยามนี้หลิ่วจิ้งกำลังปลอบอวี้จิ่นอยู่ในห้องนอนหลังจากล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าอวี้จิ่นจะทำตัวเรียบร้อยและมาดูแลรับใช้หลิ่วจิ้งได้
“ลำบากเ้าแล้วอวี้จิ่น เมื่อผ่านเื่นี้ไปคิดว่าเ้าคงจะเข้าใจยิ่งขึ้นว่าพวกเราจำเป็ต้องแข็งแกร่งขึ้น หาไม่แล้วเื่ทำนองนี้พอมีหนึ่งก็จะมีหนสองกระทั่งต้องปล่อยให้คนเขาฆ่าแกงโดยไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้”
ทั้งที่หลิ่วจิ้งเอ่ยให้อวี้จิ่นฟังแท้ๆแต่สายตานางกลับเหลือบไปมองอิ๋งเหอที่กำลังช่วยเช็ดผมให้อวี้จิ่น
“ฮูหยินเ้าคะท่านว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะออกหน้ามาขอคนคืนหรือไม่เ้าคะ? ยังมีเ้าเด็กเฉินเหยียนนั่นอีก ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายใดหรือไม่”
อวี้จิ่นไตร่ตรองคำพูดของหลิ่วจิ้ง เมื่อลำดับเื่ราวในใจได้ก็เกิดเป็ห่วงความปลอดภัยของเฉินเหยียนขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัว วันคืนที่พวกเราต้องอดทนก็นานเกินไปแล้วถึงเวลาที่ต้องเริ่มทำบางสิ่งได้แล้ว เฉินเหยียนเป็ข้าพากลับมาต่อให้ต้องสละชีวิตก็จะไม่ยอมให้ผู้อื่นแตะต้องเขา”หลิ่วจิ้งคล้ายว่าตัดสินอย่างแน่วแน่แล้ว
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเฉินเหยียนช่วยจางฉวนเอาตัวป้าจ้าวไปขังไว้ที่ห้องเก็บฟืนเรียบร้อยแล้วพอนึกถึงจุดประสงค์ที่เขามาได้ก็รีบหันหลังมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของหลิ่วจิ้งคนยังไม่ทันถึงแต่คนที่มีความสามารถพิเศษในการได้ยินเช่นเขาก็ได้ยินบทสนทนาของอวี้จิ่นและหลิ่วจิ้งแล้ว
ใจเขาอบอุ่นขึ้นมาทันตายิ่งทำให้ความคิดที่เขาจะติดตามหลิ่วจิ้งนั้นหนักแน่นมั่นคงยิ่งกว่าเดิม
“ฮูหยิน” เฉินเหยียนยืนทักทายหลิ่วจิ้งอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนแต่กลับไม่ได้พูดต่อ
หลิ่วจิ้งคุ้นเคยกับคำพูดห้วนๆ ของเฉินเหยียนนานแล้วพอนางได้ยินจึงเดินออกไป
“เข้ามาพูดกันในห้อง” นางกวักมือเรียกอีกฝ่าย แต่เฉินเหยียนกลับยังยืนกรานไม่เข้าห้องเพียงหยิบปิ่นอุบะทองรูปหงส์สยายปีกออกมาจากอกเสื้อ“เช้าวันนี้ฮูหยินทำสิ่งนี้ตกไว้ที่เรือนมู่หยวนข้าน้อยกังวลว่าฮูหยินจะจำเป็ต้องใช้ จึงรีบนำมาส่ง”เขาว่าพลางเอื้อมมือออกมามอบปิ่นอุบะทองให้หลิ่วจิ้ง
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] หน้าพระพระพักตร์พระพุทธ มาจากสำนวนเต็มว่าไม่เห็นแก่หน้าพระก็ต้องไว้พระพักตร์พระพุทธหมายถึงต้องรู้จักไว้หน้าแก่ผู้มีอำนาจ ผู้หลักผู้ใหญ่
