เฉียวลู่พาเด็กๆ เดินแยกออกมาอีกทางที่ไม่มีร่องรอยของชาวบ้านผ่านเข้ามา นางตัดกิ่งไม้และเหลาปลายให้แหลมให้อวี้หลงกับอวี้ชิงถือเอาไว้ และสั่งให้เด็กทั้งสองเดินอยู่ข้างหลังนางห้ามห่างเกินสองก้าวอวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าทำตามแต่โดยดี
“เอาล่ะเด็กๆ จากนี้ไปจะเป็ป่าทึบห้ามห่างจากแม่เป็อันขาดเข้าใจหรือไม่”
อวี้หลงและอวี้ชิงพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกัน เฉียวลู่เดินนำหน้าสายตาสอดส่ายมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถกินได้และไม่เป็พิษต่อร่างกายน้อยๆ ของพวกเขาทั้งสาม เดินหาอยู่นานเฉียวลู่เก็บได้เพียงเห็ดหอมกับเห็ดหูหนูมาเล็กน้อยเท่านั้น มีเห็ดเพียงไม่กี่ชนิดที่นางรู้จักและพวกมันล้วนเป็เห็ดที่นางเคยกินที่ร้านอาหารทั้งนั้น ต้องขอบคุณความช่างสังเกตของนางที่ไม่ก้มหน้าก้มตากินเข้าไปอย่างเดียว และยังมีบางชนิดที่นางจำมาจากหนังสือที่ที่นางเคยอ่านมานิดหน่อย โชคดีที่ความจำของนางยังดีอยู่ไม่อย่างนั้นได้พาเด็กๆ กินเห็ดพิษเข้าไป คงได้เดือดร้อนกันทั้งหมดแน่
ผ่านไปนานพวกเขายังเดินวนอยู่ใกล้ๆ ที่เดิมเฉียวลู่ไม่กล้าพาเด็กทั้งสองเดินเข้าไปในป่าที่ลึกเกินไปยังคงเดินวนเวียนอยู่บริเวณตีนเขา เพราะนางกลัวว่าหากเจอกับสัตว์ป่าทั้งสามคนคงไม่รอดกลับไปแน่และเื่ที่เฉียวลู่กลัวก็เป็ความจริง ห่างออกไปราวหนึ่งร้อยเมตร เฉียวลู่ได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างคล้ายกำลังขุดดินเสียงฟืดฟาดของมันดังขึ้นเรื่อยๆ นางจึงเงยหน้าขึ้นมอง
ภาพที่เห็นทำเอาเฉียวลู่ถึงกับยืนตัวแข็ง เ้าหมูป่าตัวมหึมากำลังขุดดินหารากไม้กินโดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ทำไมก่อนหน้านี้นางไม่เห็นมันนะทั้งๆ ที่มันก็อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเลย ดูขนาดตัวที่ใหญ่โตมหึมานั่นอีก โธ่!!!เฉียวลู่คนโง่วันนี้จะต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ
แต่โชคยังเป็ของนางและลูกๆ ที่ไม่ทำเสียงดังเอะอะเกินไปมันจึงยังไม่รู้ตัวว่ามีมนุษย์ตัวกระจ้อยร่อยสามคนกำลังหาทางหนีจากคมเขี้ยวของมัน เฉียวลู่หันมาทางเด็กทั้งสองแล้วทำสัญญาณมือให้พวกเขาเงียบเอาไว้และค่อยๆ ถอยออกไปจากตรงนี้ แต่โชคมักไม่เข้าข้างคนดวงซวยเมื่อเฉียวลู่เดินถอยออกมาโดยที่สายตาของนางยังคงจ้องไปที่เ้าั์ตัวอ้วนเขี้ยวเหลืองอ๋อย เสียงกร๊อบ!!!ก็ดังขึ้นเบาๆ
เฉียวลู่เดินเหยียบกิ่งไม่แห้งที่ตกอยู่ที่พื้น ถึงเสียงจะไม่ดังมากแต่เพราะในป่านั้นค่อนข้างเงียบสงบทำให้เสียงกิ่งไม้หักเสียงดังกว่าปกติ และเ้าหมูป่าก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกันมันเงยหน้าขึ้นมองมาทางเฉียวลู่และเด็กๆ เ้าหมูป่าพ่นลมหายใจฟืดฟาดออกมาเสียงดัง ท่าทางของมันดูหงุดหงิดที่ถูกรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ในการกินรากไม้ มันบ่ายหน้ามาทางคนทั้งสามที่กำลังยืนตัวแข็งอย่างทำอะไรไม่ถูก
เ้าหมูป่าหมุนตัวพุ่งทะยานมาที่เฉียวลู่และเด็กทั้งสองยืนอยู่ทันที
“ไม่นะ!!!”
ใน่ระหว่างความเป็ความตายที่กำลังมาเยือน สิ่งแรกที่เฉียวลู่นึกถึงคือความปลอดภัยของอวี้หลงกับอวี้ชิงเท่านั้น นางไม่นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเลยสักวินาทีเดียว สัญชาตญาณความเป็แม่ของเฉียวลู่ทำงานทันที นางใช้ร่างกันเด็กทั้งสองเอาไว้ด้านหลังในมือกำมีดตัดฟืนเล่มใหญ่ไว้แน่น ในใจคิดว่าวันนี้คงจะเป็วันสุดท้ายที่นางจะได้อยู่กับพวกเขาแล้ว และรู้สึกเสียดายที่ยังไม่สามารถเลี้ยงดูพวกเขาให้มีชีวิตที่ดีอย่างที่นางตั้งใจเอาไว้ั้แ่แรก
ในระหว่างที่เ้าหมูป่ากำลังพุ่งเข้าชนนาง เฉียวลู่มองไปที่เ้าั์ด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยว นางใช้แรงทั้งหมดที่มีฟันไปที่หมูป่าเสียงฉัวะ!!! ดังขึ้นสนั่น เืของเ้าหมูป่าสาดกระเซ็นไปทั่วร่างของเฉียวลู่ ส่วนหัวและตัวของมันขาดกระเด็นออกจากกัน เฉียวลู่ไม่รู้สึกใกับภาพที่เห็นเลยนางรีบหันกลับมาหาเด็กทั้งสองคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังรีบใช้มือปิดตาของเขาทั้งสองคนเอาไว้
“อวี้หลงอวี้ชิง ห้ามดูนะ”
นางดันเด็กๆ ให้ออกห่างจากศพของเ้าั์ที่นอนตายอย่างอนาถในสภาพไร้หัว มันคงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเสี้ยววินาทีที่มันกำลังเข้าปะทะร่างเล็กของเฉียวลู่ นางเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแล้วใช้แรงที่มีทั้งหมดฟันลงไป ตอนนั้นเฉียวลู่ไม่รู้สึกถึงการฟันเท่าใดนักมันเหมือนการใช้มีดหั่นเต้าหู้ มันง่ายดายจนนางเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
เมื่อเดินห่างออกมาจนนางคิดว่าเด็กๆ ไม่สามารถมองเห็นร่างไร้หัวของเ้าหมูป่าแล้วเฉียวลู่ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายของตนเองนั้นมีแต่เืของมันเปรอะเปื้อนไปหมด เฉียวลู่เกิดความรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันทีแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะต้องมาทำความสะอาด
“พวกลูกรอแม่อยู่ที่นี่สักครู่หนึ่งนะจ๊ะ แม่จะไปดูเ้าหมูป่าตัวนั้น บางทีเราอาจจะเอามันกลับบ้านได้ดูเหมือนว่าคืนนี้เด็กๆ ของแม่กำลังจะมีเนื้อกินแล้ว”
เด็กชายทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เฉียวลู่ให้เด็กๆ นั่งรอใต้ตนไม้ใหญ่ที่นางสามารถมองเห็นได้ถนัด ถึงเ้าหมูป่าจะถูกจัดการไปแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีตัวอะไรโผล่มาอีก
เฉียวลู่ตัดไม้ที่ลำขนาดเท่าสองแขนที่ผอมแห้งของนาง นำเถาวัลย์มามัดใช้เป็ลากเลื่อนนางยกหมูหัวขาดตัวนั้นวางบนลากเลื่อนได้อย่างสบายๆ เฉียวลู่แอบใในพละกำลังของตนเองอยู่เหมือนกันแต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือพวกเขาต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีสัตว์ร้ายตัวอื่นได้กลิ่นคาวเืแล้วตามมา
เฉียวลู่ไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถเอาชนะมันได้เหมือนกับที่นางทำกับเ้าหมูป่าตัวนี้ ตอนนี้เฉียวลู่ยังไม่รู้ว่าร่างกายของนางนั้นมีพละกำลังมหาศาลแค่ไหน ที่นางสามารถเอาชนะหมูป่าตัวนี้ได้นางคิดว่าอาจเป็เพราะความใบวกกับโชคของนางเท่านั้น
“เด็กๆ เรากลับบ้านกันเถอะ”
เฉียวลู่ลากเลื่อนบรรทุกหมูป่ามาที่อวี้หลงและอวี้ชิงที่นั่งรอนางอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ เฉียวลู่ใช้ใบไม้พรางร่างกายอันใหญ่โตของเ้าหมูป่าหัวขาดเอาไว้ นางเกรงว่าถ้าเด็กสองคนนี้เห็นแล้วอาจจะร้องไห้ใกลัวลำบากนางที่ต้องปลอบให้พวกเขาหยุดอีก นางไม่ถนัดเื่นี้เท่าใดนัก
เฉียวลู่ลากเ้าหมูป่ากลับไปที่กระท่อมเนินเขาของนาง หลังจากวางเ้าหมูั์ลงบนพื้นด้านหลังกระท่อม เฉียวลู่พาเด็กทั้งสองอาบน้ำชำระกายจนสะอาดน่าเสียดายที่นางไม่สามารถสั่งครีมอาบน้ำหรือสบู่ได้ในตอนนี้ ถึงแม้จะอาบน้ำไปแล้วสองรอบแต่เฉียวลู่ยังคงรู้สึกถึงกลิ่นคาวของเืเ้าหมูป่าตัวนั้นอยู่ดี
สามคนแม่ลูกอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจึงออกมาดูเ้าหมูป่าโชคร้ายอีกครั้ง เฉียวลู่หันไปมองเด็กสองคนที่เดินตามนางไม่ห่าง
“อวี้หลงอวี้ชิงพวกลูกรู้จักคนที่สามารถชำแหละหมูป่าตัวนี้ไหม คนที่สนิทกับครอบครัวของเรา”
เฉียวลู่คิดว่าเื่นี้จะทำกระโตกกระตากมากไม่ได้ แต่นางชำแหละเนื้อสัตว์ไม่เป็คงต้องยอมหาคนมาทำแทนแล้วค่อยแบ่งเนื้อหมูป่าให้เขาเป็ค่าตอบแทน แล้วเด็กทั้งสองก็ไม่ทำให้นางผิดหวัง หลังจากที่วิ่งหายไปไม่นานอวี้หลงกับอวี้ชิงก็กลับมาพร้อมหญิงชราอายุราวห้าสิบกว่าปีและชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบปลายๆ และสตรีอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็ภรรยาของเขา เฉียวลู่คาดเดาในใจ
“อาลู่ เด็กๆ วิ่งไปตามพวกข้าที่บ้านเกิดอะไรขึ้นกับเ้าอีกหรือ ไม่ใช่ว่าร่างกายเ้าหายดีแล้วหรือข้าได้ยินท่านหมอชางพูดเมื่อวาน”
เฉียวลู่ยิ้มแห้งๆ ให้ญิงชราที่ท่าทางเป็ห่วงนางมากพูดให้ถูกคือห่วงเฉียวลู่คนเก่า นางจำไม่ได้ว่าหญิงชราผู้นี้เป็ใครท่านเทพนะท่านเทพ ให้นางมาอยู่ที่นี่ก็ไม่ยอมให้ความทรงจำนางมาด้วยเฉียวลู่นึกตำหนิในใจ นางไม่ปล่อยให้คนทั้งสามสงสัยอยู่นานเฉียวลู่พาหญิงชราเดินมาที่ด้านหลังกระท่อมของตน
“ท่านยายท่านดูนี่สิเ้าคะที่ข้าให้เด็กๆ ไปตามท่านมาก็เพราะข้าไม่สามารถจัดการเื่นี้ได้ด้วยตนเอง”
เฉียวลู่หยุดยืนอยู่ข้างหมูป่าหัวขาด คนทั้งสามที่มาใหม่ถึงกับตกตะลึงในสิ่งที่เห็น พวกเขาไม่เคยเห็นหมูป่าตัวใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนถึงแม้หัวของมันจะไม่มีแล้วก็เถอะ ทั้งสามยืนตะลึงอยู่นานกว่าจะหาเสียงของตนเจอ
“เ้าเด็กคนนี้เ้าขึ้นเขาอีกแล้วหรือ เื่อุบัติเหตุครั้งก่อนก็ทีหนึ่งแล้ว ข้าก็เคยเตือนเ้าไปแล้วว่าทีู่เานั้นอันตรายเหตุใดเ้าถึงไม่ฟัง อาหารไม่พอเ้าก็แค่บอกอวี้หลงกับอวี้ชิงให้มาบอกข้า แค่แบ่งกันกินจะเท่าไหร่กันเชียว”
เฉียวลู่เข้าใจว่าที่หญิงชราดุนางเช่นนั้นเพราะเป็ห่วงและนางพูดออกมาจากใจของนางจริงๆ ดูเหมือนพวกเขาจะห่วงเฉียวลู่คนก่อนและลูกๆ อยู่ไม่น้อยทีเดียว น่าเสียดายที่เฉียวลู่คนนี้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกเขาเลย
“ท่านยายท่านจะให้ข้ากับเด็กๆ เอาแต่รบกวนท่านเช่นนี้ไปตลอดได้อย่างไร ถ้าหากไม่พึ่งตนเองต่อไปภายภาคหน้าพวกข้าคงกลายเป็ตัวภาระของพวกท่านแล้ว”
สิ่งที่เฉียวลู่พูดนั้นล้วนออกมาจากใจของนาง แม้ว่าเื่นี้จะเป็ความจริงแต่เฉียวลู่ก็ยังรู้สึกของคุณพวกเขาที่เอาใจใส่นางและลูกๆ ขนาดนี้ หญิงชรามองค้อนเฉียวลู่
“เ้ายังจะพูดเช่นนี้อยู่อีกหรือ เ้าก็รู้ว่าอาหย่งกับอาหงมองเ้าเป็เหมือนบุตรสาวของพวกเขา และเด็กทั้งสองคนก็เหมือนกับหลานแท้ๆ ของข้ายังมีเื่ใดที่เ้าต้องเกรงใจพวกเราอีก”
เฉียวลู่มองคนทั้งสามอย่างซึ้งใจ แต่นางได้ตัดสินใจแล้วว่านางจะต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ อาจมีบางอย่างที่นางไม่สามารถทำได้ด้วยตนเองถึงเวลานั้นนางค่อยขอความช่วยเหลือจากพวกเขาก็ยังไม่สาย
“ขอบคุณพวกท่านที่เมตตาข้าและลูกๆ เ้าค่ะ”
เฉียวลู่ส่งยิ้มด้วยความจริงใจให้หญิงชรา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้