ช่างเป็เื่ที่น่าเศร้า ดังที่ปรากฏให้เห็นกันอยู่บนโลก ความเศร้าซึ่งไม่อาจละวางได้ ความดื้อรั้นของเย่าจู่ต่อความยอมหักไม่ยอมงอในเื่เชื้อสายวงศ์ตระกูลของบิดากลายเป็เื่ไร้สาระ เขาประเมินความโเี้ของเจิ้นถิงต่ำไป เช่นเดียวกันกับที่เขาเดียงสาเกินกว่าที่จะคิดว่าเหวินจิ้งจะให้อภัยเขาได้หลังจากที่ต้องเผชิญกับเื่เลวร้ายที่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็แค่เด็กที่เติบโตมาในโลกแคบ ถูกกักขังอยู่ในหมู่บ้านที่ทุกคนสมัครสมานและเป็มิตรกัน พ่อมักจะยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน ชายชราผู้ไม่เคยตีหรือดุด่าเขา...
แต่ครั้งนี้ การล้ำเส้นของพ่อได้ทำลายเย่าจู่จนหมดสิ้น เจิ้นถิงได้ตัดสินใจเดินบนเส้นทางอันโเี้ ส่งเหวินจิ้งซึ่งกำลังจะคลอดบุตรเข้าสู่แดนสนธยา เริ่มแผนการใหญ่ที่จะสกัดและอัพเกรดยา ให้เหวินจิ้งและสายเือันแปดเปื้อนในท้องได้เกิดและตาย ณ ที่แห่งนี้อย่างโดดเดี่ยว
เหวินจิ้งเก่งเคมีเป็ที่สุด เดิมทีเธอกำลังจะสมัครเรียนวิชาเอกชีวเภสัชกรรม ไม่คิดว่าจะได้เดินก้าวเข้าสู่เส้นทางลัดมาปรุงยาแทน
เหวินจิ้งคิดสู้ แต่เจิ้นถิงใช้ชีวิตของพ่อแม่เธอเข้ามาขู่ บังคับให้เธอยอมจำนน ใช้ความมุ่งมั่นในการทำงานหนักของเธอ เพื่อแลกกับชีวิตที่มีความสุขของบุพการี เจิ้นถิงสัญญาว่าจะยกฐานะของครอบครัวเธอให้เป็พลเรือน ให้ได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม และยังจะให้การรักษาที่ดีที่สุดกับพ่อของเธออีกด้วย
ความกตัญญูคือคุณธรรมอันดับต้น เหวินจิ้งซึ่งกำลังท้องแก่ฝืนใจเริ่มเตรียมอุปกรณ์พิเศษต่างๆ สำหรับการสกัดยาและศึกษาขั้นตอน ครึ่งเดือนต่อมา เหวินจิ้งประสบกับภาวะคลอดลำบากเนื่องจากทำงานหนักเกินไป ในแดนสนธยาไร้ซึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์และแพทย์ทำคลอด เธอให้กำเนิดทารกเพศหญิงอย่างสิ้นหวัง
เนื่องจากขาดอากาศหายใจในช่องท้องเป็เวลานาน เด็กจึงไม่หายใจอีกต่อไป เหวินจิ้งร้องไห้กับศพของลูก เธอโทษตัวเอง เธอคิดว่าตัวเองนี่แหละที่ทำให้ลูกเสียชีวิต ถ้าเธอสามารถปฏิเสธการเกี้ยวพาราสีของเย่าจู่ได้ ป่านนี้เธอก็คงจะมีชีวิตในจินตนาการ เป็จัณฑาลที่สามารถทำให้ชีวิตทางบ้านของตนดีขึ้นได้...
หญิงสาวท้าทายปีศาจผู้อำมหิตที่ทำร้ายลูกสาวผู้น่าสงสารของเธอ ลูกของเธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้สูดอากาศจากโลกภายนอกเลยสักครั้ง
เหวินจิ้งขุดหลุมศพด้วยมือเปล่าเพื่อฝังลูกสาวเอาไว้ เธอตั้งชื่อลูกสาวว่า “โบตั๋น” บานและเหี่ยวเฉาในพริบตา เธอไม่ได้ตั้งนามสกุลให้ลูกสาว เนื่องจากครอบครัวของลูกสาวเป็สัตว์ร้าย ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในชื่อของลูกสาวเธอ
เหวินจิ้งนั่งอยู่หน้าหลุมศพตลอด 3 วัน ไม่กินน้ำแม้สักหยด เธอเฝ้าคิดถึงลูกและอนาคตของตนเอง ในที่สุดเธอก็คิดตก โลกของเธอในตอนนี้เป็ดังเช่นกรงขัง บางทีอาจเป็เื่ดีสำหรับลูกสาวของเธอที่เสียชีวิตไป อย่างน้อยโบตั๋นก็ไม่ต้องคิดว่าทำไมโลกถึงมีแค่ไม่กี่ตารางนิ้ว? ทำไมถึงมีดอกไม้แค่เพียงชนิดเดียวบนโลก? และทำไมทุกคนจึงกลั่นผงขาวทุกวันแต่กินมันไม่ได้?
ทำไมพวกคุณปู่ถึงมากันปีละครั้ง และที่สุดก็ใช้สายตามองพวกเขาเหมือนกับเห็นหมูเห็นหมา...
เหวินจิ้งสัญญากับตัวเองว่าใน 3 ปีนี้ หากเย่าจู่สามารถกลับมาหาเธอได้ เช่นนั้นเธอจะยกโทษให้เขาที่ทิ้งเธอไว้ในนรกแห่งนี้
เหวินจิ้งรอมา 3 ปีแล้ว 3 ปีเล่า จนความรักถูกฝังลึกลงไปในทะเลดอกไม้สีเืนี้ไปนานแล้ว? งานซ้ำซากนั้นทำให้เธออยากตาย แต่เธอก็กลัวว่าหากตายไปแล้ว เธอไม่รู้จะเผชิญหน้ากับโบตั๋นได้อย่างไร เธอจะบอกลูกว่าอย่างไร ว่าลูกเป็เด็กที่ถูกสาปแช่ง?
ดังนั้นเธอจึงมีชีวิตอยู่ต่อไป หญิงสาวปรับโฉมธุรกิจยา คิดไปคิดมา แดนสนธยาแห่งนี้ก็เป็เหมือนสรวง์ เมื่อใดที่เหวินจิ้งคิดอยากตาย เธอก็ลองผงขาวกับตัวเอง แต่ยากลับทำให้เธอสดชื่น จู่ๆ ท้องฟ้าก็มีแต่ดวงดาว ปัญหาทุกอย่างหายวับไป
โบราณว่าไว้ พ่อค้าสัตว์ไม่ขาดเนื้อ ชาวนาไม่ขาดข้าว เธอเป็ผู้ผลิตยาจะขาดยาได้อย่างไร เธอมีอาการติดยาขั้นรุนแรง ผู้สูงอายุที่ป่วยในระยะสุดท้ายบางคนที่ถูกส่งมาที่นี่ เมื่อเห็นเธอขณะคลุ้มคลั่ง พวกเขาก็ทั้งสงสารและกลัว หลายครั้งที่พยายามให้ความหวังตัวเองในการมีชีวิตอยู่ ด้วยการล้อเลียนพวกเขาซึ่งกำลังจะตายในไม่ช้า
ในที่สุด ตาเฒ่าผู้เดียงสาคนสุดท้ายก็ได้จากไป เหลือเพียงผู้ติดยารายนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในแดนสนธยา
เหวินจิ้งพาเย่าจู่ไปที่หลุมศพของโบตั๋น เย่าจู่พูดไม่ออกอยู่นานสองนาน อารมณ์อันซับซ้อนเหมือนกับการทานซุปหม่าล่าหม้อหนึ่ง เธอหยิกหน้าตัวเอง หวังให้หยุดร้องไห้ แต่ก็ยังร้องอยู่ดี
น้ำตาเป็สิ่งที่ดี เมื่อคุณไม่้าเห็นอะไร น้ำตาก็ช่วยเบลอภาพในตาได้
“มันเป็ความผิดของพ่อเอง! มันเป็ความผิดของพ่อทั้งหมด! ถ้าพ่ออยู่! ถ้าพ่ออยู่เคียงข้างแม่...” เย่าจู่คุกเข่าลงตรงหน้าหลุมศพ
“ถ้าอย่างนั้นเราแม่ลูกก็ตายได้แล้ว นายจะยังคงเป็นายน้อยต่อไป สายเือ้ายซินเจียหลัวซื่ออันสูงส่งไร้ที่ติในตัวนายจะได้ไม่ต้องแปดเปื้อน จัณฑาลอย่างฉันจะเป็เมียนายได้ยังไง?” เหวินจิ้งประชดประชัน
“ไป! ฉันจะพาพวกเธอไป!” เย่าจู่ขุดหลุมศพโบตั๋นด้วยมือเปล่า “พ่อจะพาแม่และลูกไปให้พ้นจากที่บ้าบอแห่งนี้...”
“เย่าจู่...นายรู้ไหมว่าฉันกลั่นยาได้ปีละเท่าไร? 163.5 กิโล! นายรู้ไหมว่าสิ่งเหล่านี้จะทำลายครอบครัวกี่ครอบครัว มีผู้เสียชีวิตกี่คน? นายรู้หรือไม่ว่าฉันต้องเสพสิ่งเหล่านี้วันละมากมายแค่ไหน? ฉันตายไปแล้ว ตายไปั้แ่วันที่ลูกสาวของฉันเสียชีวิต หัวใจของฉันก็ตายไปพร้อมกัน นายไปซะเถอะ กลับไปซะ กลับไปเป็นายน้อยคฤหาสน์จักรพรรดิของนายต่อไป ยังไงก็ให้พ่อเดรัจฉานของนายส่งคนมาเพิ่มให้หน่อย ฉันอยู่เป็เซียนกลั่นยาที่นี่เพียงคนเดียว ไม่มีปัญญารดน้ำฝิ่นไปด้วย กลั่นยาไปด้วยหรอกนะ” เหวินจิ้งไม่ร้องไห้อีกต่อไป บางทีเธออาจจะยังรักผู้ชายตรงหน้านี้อยู่ก็ได้กระมัง? เธอลืมไปแล้วว่าความรักคืออะไร
“จะไม่มีใครสกัดยาเสพติดที่เป็อันตรายต่อผู้คนอีกต่อไป ฉันจะเผาที่นี่ซะ!” เย่าจู่ยกศพที่ห่อด้วยผ้าก๊อซออกมาจากหลุม เก้าปีผ่านไป โบตั๋นเหลือเพียงแต่กองกระดูก เนื้อหนังได้กลายเป็สารอาหารของฝิ่นไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนนายเผาฉันและลูกไปด้วยก่อนที่นายจะจากไป ให้ฉันตายอยู่ที่นี่กับลูกสาวของฉัน” เหวินจิ้งขอร้อง
“เธอคิดว่าฉันตอนนี้ วันนี้ จะทิ้งเธอไปอีกเหรอ?” ชายหนุ่มถือกระดูกลูกสาวไว้ในอ้อมแขน เย่าจู่ลุกขึ้นยืนเหมือนกับพ่อคนหนึ่ง สามีคนหนึ่ง เขาโอบเหวินจิ้งที่ผอมแห้งจนเหลือแต่กระดูก “ให้ฉันไปกับพวกเธอ ไม่ว่าจะไป์หรือนรก ไปไหนไปกัน"
เย่าจู่กอดและจูบที่หน้าผากของเหวินจิ้ง เขารักเธอเช่นเดียวกับรักทารกที่เขาขุดขึ้นมาจากพื้นพิภพ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกขุดขึ้นมาพร้อมกัน
วินาทีนั้นเอง ที่ไพรมาถึงแดนสนธยา หญิงสาวมองเข้าไปในถ้ำมืด เธอไม่กล้าใช้ไฟฉาย จึงได้แต่ข่มใจเดินเข้าไป
ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวขา ก็มีฝ่ามือใหญ่มาคว้าตัวเธอไว้
“ระวัง มีกับดัก” เสิ่นินั่งยองๆ กับพื้น พร้อมชี้ไปยังทุ่นะเิสายดำที่พื้น หากไม่ใช่เพราะเสิ่นิมาทันเวลา ถ้าไพรยังไม่ตาย เธอก็คงจะเหลือแค่เพียงท่อนบนจากสะโพกขึ้นไป
“ทางมืดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าระหว่างทางมีกับดักอีกกี่แห่ง ใช้คบเพลิงก็ไม่ได้ เราจะทำอย่างไรดี? หรือจะรอให้เขาออกมา?” ไพรมาถึงทางตัน
“ผมไม่อดทนรอขนาดนั้นหรอก” เสิ่นิยื่นแว่นให้ไพร มันดูเหมือนแว่นกันแดดธรรมดา แต่เมื่อใส่มันในความมืดแล้ว ตรงหน้าก็กลายเป็ฉากสีเขียว อย่าคาดหวังว่าจะเห็นได้ไกลหลายร้อยเมตรเหมือนกับแว่นตาสำหรับมองกลางคืน แต่ทัศนวิสัยก็ยังอยู่ที่ประมาณ 20 เมตรได้
นี่คือแว่นสายตามองกลางคืนที่ผลิตขึ้นโดยเสิ่นิ เดิมทีใช้สำหรับการล่าสัตว์ในตอนกลางคืนเมื่อ 3 วันก่อน ตอนนี้ต่างหากที่ถือว่าได้ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด
ทั้งสองสวมแว่นตามองกลางคืน เหยียบข้ามกับะเิที่ปากถ้ำ ย่างเท้าไปเบื้องหน้าอย่างเบาเสียงเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น พวกเขาเดินทางมาถึงทะเลดอกไม้ได้อย่างราบรื่น โดยไม่พบกับการปะทะหรือกับดักใดๆ
ในขณะที่เสิ่นิถือปืนโผล่ออกมาจากความมืด เย่าจู่ก็กำลังวางเตียงขนาดใหญ่ลงท่ามกลางทะเลดอกไม้
“ผีูเา!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสิ่นิเล็งปืนไปที่มือปืนรายนี้ แต่เพียงครั้งนี้ เขารู้ว่าตราบใดที่นิ้วของเขาโค้งงอเพียงเล็กน้อย ชายหนุ่มผู้นี้ต้องกลายเป็ผีจริงๆ แน่
“ชู่ว์!!! เบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนลูกของฉัน” เย่าจู่ไม่แม้แต่จะหันศีรษะไป เขาค่อยๆ วางโครงกระดูกของโบตั๋นลงตรงกลางเตียงใหญ่ เหวินจิ้งนั่งอยู่บนขอบเตียงไม้ หันหน้าไปทางปืน ไม่มีวี่แววของความกลัว หญิงสาวยิ้มแปลกๆ
“นายหมดทางหนีแล้ว มากับฉัน” เสิ่นิสั่ง
“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีทางหนี แต่ฉันจะไม่ไปกับนาย จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำให้นายรู้จัก นี่คือภรรยาของฉัน เหวินจิ้ง” เย่าจู่หันกลับมาแนะนำ เสิ่นิซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 เมตร ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจเพราะเขาได้เจอกับ “คนตาย”
“ภรรยาของนายยังไม่ตายอีกเหรอ?” ไพรแปลกใจ
“เราตัดสินใจที่จะจากโลกนี้ไปด้วยกัน จะพาทะเลดอกไม้อันแสนสกปรกและตราบาปนี้ไปด้วย ถ้านายอยากฆ่าฉัน ตอนนี้นายก็ทำได้เลย แต่ตอนที่นายยิงภรรยาฉันได้โปรดอย่ายิงที่ศีรษะ เธอรักสวยรักงาม” เย่าจู่ขอร้อง
ทันใดนั้น ฉากรอบตัวก็เงียบฉี่ สิบวินาทีต่อมา เสิ่นิลดปืนไรเฟิลในมือลง
“นายทำอะไรน่ะ?” ไพรไม่เข้าใจ
“ในเมื่อคนเราอยากตาย เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้ว” เสิ่นิฆ่าคนที่อยากตายไม่ได้ การฝึกของนิรวานทำให้เขาไม่อยากเปลืองะุแม้แต่นัด เสิ่นิเชื่อว่าแม้จะไม่ยิง เขาก็ตายอยู่ดี
“ขอบคุณ นายทำให้ฉันได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับภรรยาและลูกในวาระสุดท้าย เสิ่นิ ถ้ามันเป็ไปได้ ฉันอยากจะดื่มคารวะให้ สำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การซุ่มยิงที่ดี นายเป็มือปืนที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมา ไม่มีใครเหมือน” เย่าจู่ชื่นชม
ณ ขณะนั้นเอง มีเสียงตูมก็ดังขึ้น ทุ่นะเิที่ประตูถ้ำแดนสนธยาถูกกระตุ้น หินถล่มปิดผนึกทางเดินในถ้ำ แรงดันะเิพัดมาถึงที่แห่งนี้
“ไม่ต้องเดา นั่นต้องเป็ตาแก่แน่ เสิ่นิ ฉันจำได้ว่านายเป็บอดี้การ์ด? รับงานฉันงานหนึ่งได้ไหม?” เย่าจู่ยิ้ม
“ขอโทษงานปัจจุบันยังไม่จบ ไม่สามารถรับงานซ้อนได้ นี่คือกฎ” เสิ่นิตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
“ฉันจะไม่สังหารคนที่นายต้องคุ้มครอง ลดอันตรายต่อชายเฒ่า ถือว่าภารกิจนายเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจะให้งานนาย ง่ายมาก คุ้มครองฉัน จนกว่าพวกเราจะตาย”
“นายจะตายอยู่แล้ว ให้ฉันไปเก็บเงินนายในนรกหรือไง?” เสิ่นิไม่อยากทำธุรกิจนี้ แม้ว่าพ่อของเขาจะสอนเขาว่าการเป็บอดี้การ์ดที่ดีไม่ควรเลือกงาน
“รับไปซะ!” เย่าจู่หยิบไพ่ออกมาจากแขนเสื้อและโยนมันไป เสิ่นิคว้าเอาไว้ได้ แวบแรกที่เห็นมันคือป้ายแขวนเอว “นี่คือป้ายแขวนเอวของราชวงศ์อ้ายซินเจียหลัวซื่อ แกะสลักจากเครื่องราชบรรณาการหยกดิบชั้นดีจากต่างประเทศ หากนายนำไปประมูล อย่างต่ำก็น่าจะอยู่ที่ 5 ล้านเหรียญ นายจะเอามายัดใส่ศพฉันก็แล้วแต่”
“ทำไมถึงตัดสินใจแบบนี้? นายมาจากกองทัพเหมือนกัน นายควรเข้าใจว่ากฎข้อแรกของการรับราชการทหารคือทำให้แน่ใจว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ในทุกสภาพแวดล้อม” เป็ครั้งแรกที่เสิ่นิเป็กังวลเื่คนอื่น
“น่าเสียดาย ก่อนที่จะเป็ทหาร ฉันเป็สามีที่ไร้ความสามารถมาก่อน แถมยังละทิ้งหน้าที่ของผู้เป็พ่ออีก ปล่อยให้ฉันได้ไปอยู่กับครอบครัวเถอะ ฉันขอร้อง คุณบอดี้การ์ด”