มีเพียงสตรีในชุดไว้ทุกข์สีขาวนางหนึ่ง เสื้อผ้าของนางไม่ค่อยเป็ระเบียบนัก ผมเผ้าก็ปล่อยสยายผู้เดียวเท่านั้นที่อิงกายแนบข้างโลงศพ ลูบขอบโลงไม้อย่างอ่อนโยน กระซิบกระซาบบางสิ่ง ั์ตาขุ่นมัวดุจปกคลุมด้วยหมอกหนามีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย
เนื่องจากสตรีเ่าั้เล่นละครอย่างทุ่มเทเหลือเกิน กระทั่งไป๋เซียงจู๋ค่อยๆ เดินมาถึงหน้าประตูก็ยังไม่มีผู้ใดรับรู้เลยสักคน
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญสะอึกสะอื้น มีสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งอยู่ในชุดไว้อาลัยเช่นกัน สองมือถือถาดที่มีตราหยกไว้บนนั้นเดินมาจากห้องข้างโถงกลางช้าๆ ดวงตาแดงก่ำ ท่าทางจวนจะทรุด
พอไป๋เซียงจู๋เพ่งสายตามองจึงได้ทราบว่าเป็ตู้เจวียนนั่นเอง สิ่งที่นางถือคือของแทนใจที่บิดาของไป๋เซียงจู๋มอบให้ไป๋ฉีหลัวก่อนจากไป นั่นคือตราหยกดอกเยวียนเหว่ย [1] ไป๋เซียงจู๋หรี่ตาเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้
“คุณหนู... ฮือฮือฮือ... ไปสู่สุคตินะเ้าคะ” ตู้เจวียนคุกเข่าลงหน้าโลงดังตุบ วางตราหยกบนนั้นอย่างระมัดระวังและร้องไห้ออกมา
ด้วยเสียงร้องไห้ของตู้เจวียนนี้ ทำเอาเหล่าสตรีที่ตะเบ็งคร่ำครวญในตอนแรกอึ้งไปทีเดียว จากนั้นพวกนางจึงแค่นเสียงร้องโหยหวนอีกครั้ง...
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูจากไปอย่างน่าเวทนายิ่งนัก... คุณหนูใหญ่... พวกเราคิดถึงคุณหนูเหลือเกิน”
“หยุดร้องไห้เสียที หนวกหูจะตายแล้ว!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงคำรามน่าเกรงขาม
พวกเขาตัวสั่นงกและหันไปมองด้านหลังด้วยความหวาดกลัว เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่นอกประตู ทุกคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ ฟันกระทบกันส่งเสียงกึกๆ หากไม่รู้คงนึกว่ากำลังบรรเลงบทเพลงอะไรบางอย่างอยู่
อย่างน้อยก็มีคนฝืนสงบสติอารมณ์เอ่ยคำพูดอย่างมนุษย์มนาออกมาได้ “คะ... คุณหนูใหญ่?”
ั์ตาของไป๋เซียงจู๋ดำขลับคมชัด เปล่งประกายวาววับกลอกไปมา “ทำไมกัน เมื่อครู่นี้ไม่ได้เพิ่งพูดว่าคิดถึงข้าหรือ ไยข้ากลับมาหาพวกเ้าแล้ว พวกเ้าไม่ควรจะยินดีเสียหน่อยหรือไร”
ใบหน้าของทุกคนยังคงเปื้อนน้ำตา ปากอ้าค้างไปครึ่งหนึ่ง ตะลึงงันไปกลางอากาศ
ต่างคนต่างมองกันและกัน สีหน้าซีดเผือด
ในที่สุดหญิงสูงวัยนางหนึ่งก็ทนไม่ไหวจนต้องแผดเสียง “ศพ ศพกลับมามีชีวิต—!”
คนอื่นๆ ก็ขาสั่นระริกกันถ้วนหน้า บางคนที่ขี้กลัวถึงกับเกือบหอบข้าวของหนี
“จู๋เอ๋อร์!”
“คุณหนู!”
ไป๋ฉีหลัวกับตู้เจวียนเพียงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบวิ่งไปกอดไป๋เซียงจู๋โดยไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย
“จู๋เอ๋อร์ จู๋เอ๋อร์ของแม่” ไป๋ฉีหลัวปล่อยโฮ
“ท่านแม่อย่าร้องไห้ จู๋เอ๋อร์ไม่ได้ตาย จู๋เอ๋อร์กลับมาแล้ว” ไป๋เซียงจู๋ปลอบโยนไป๋ฉีหลัวอย่างนุ่มนวล
ไป๋ฉีหลัวกอดไป๋เซียงจู๋ไว้อย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อย ราวกับกลัวว่าหากตนปล่อยมือแล้วบุตรสาวก็จะหายไปอีกครั้ง บัดนี้สภาพจิตใจของนางยังไม่มั่นคง นางร้อนใจและทุกข์ระทมมามากเกินไปแล้ว
ทุกคนล้วนตะลึงงัน—คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋ที่ปกติใจเสาะอ่อนแอ เห็นได้ชัดว่าดูไม่มีสติปัญญาสักเท่าไรแต่ก็ยังพยายามทำตัวฉลาด ทำไมจู่ๆ กลับกลายเป็คนละคนไปได้ ด้วยแววตาสุกสว่างแพรวพราวเช่นนั้น พวกเขารู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้มองเห็นความคิดตนทะลุปรุโป่ง
ทุกคนอดหวาดกลัวไม่ได้ ทำได้เพียงก้าวถอยหลังและสงบปากสงบคำรอให้คุณหนูใหญ่ไป๋ที่ตายแล้วเกิดใหม่ผู้นี้เริ่มพูดเอง
“งานศพข้านี่จัดได้ยิ่งใหญ่จริงๆ นะ ตู้เจวียน ไปเชิญฮูหยินรองมา เซียงจู๋ต้องขอบพระคุณท่านน้าจากใจเสียหน่อย” ไป๋เซียงจู๋เอ่ยคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ดูมีชั้นเชิงอย่างผู้เป็นายไม่น้อย
เื่มาถึงขั้นนี้ นางต้องทำให้ทุกคนอยู่ในการควบคุมก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“ฮูหยินรองเสียใจหนัก เป็ลมล้มพับไปหลายหน มีคนพยุงพากลับไปพักที่ห้องแล้วเ้าค่ะ...” เมื่อตู้เจวียนได้ยินคำสั่งของคุณหนู นางก็แจ้งด้วยความลังเล
แม้ที่ผ่านมาฮูหยินรองปฏิบัติต่อคุณหนูเช่นนั้น ทว่าพอคุณหนูล่วงลับไป ฮูหยินรองก็ร่ำไห้น่าสงสารเหลือแสน จิตใจอันบริสุทธิ์ของตู้เจวียนค่อยๆ ถูกพิชิตด้วยความเสแสร้งของอวี๋ซื่อทีละน้อย แน่นอนว่ามิอาจจะโทษตู้เจวียนได้ เพราะกระทั่งข้าราชการระดับสูงและบุคคลสำคัญอื่นๆ ทั้งหลายที่มาร่วมไว้อาลัยใน่นี้ รวมถึงฮูหยินเฒ่าไป๋ต่างก็ซาบซึ้งใน ‘ความรู้สึกที่แท้จริง’ ของนางเข้าแล้ว
“อย่างนั้นหรือ ท่านน้ารักและเอ็นดูจู๋เอ๋อร์จริงๆ หากข้าไม่ไปเยี่ยมด้วยตัวเองคงถือเป็การเนรคุณ ในเมื่อข้ากลับมาอย่างปลอดภัย งานศพนี่ก็สิ้นสุดเท่านี้แล้วกัน ตู้เจวียน พาฮูหยินใหญ่กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน หัวหน้าบ่าวส่งแเื่เสีย”
“รับทราบคุณหนู”
ไป๋ฉีหลัวมองไป๋เซียงจู๋ด้วยความกังวล ไป๋เซียงจู๋ตบมือนางเบาๆ และส่งแววตาหนักแน่นให้นาง ไป๋ฉีหลัวถึงพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วตามตู้เจวียนกลับห้องไป
หัวหน้าบ่าวจ้าวมองคุณหนูใหญ่ที่ปกติเอาแต่ทำงานงกๆ ในเรือนท้ายจวนผู้นี้แวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมคุณหนูใหญ่ในตอนนี้ดูแตกต่างไปจากเดิม แววตาไม่สู้คนนั่นกลับกลายเป็เยือกเย็นเข้ากระดูกั้แ่เมื่อไร เขาจึงเกรงกลัวและยอมจำนนแก่แววตานี้อย่างช่วยไม่ได้ เริ่มส่งแขกกลับตามคำสั่งแต่โดยดี
เหล่าสตรีที่ถูกหัวหน้าบ่าวเชิญออกนอกจวนไป๋อย่างสุภาพอดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น คุณหนูใหญ่ผู้นี้กลับมาจากความตาย ครั้งนี้ตระกูลไป๋ขายหน้ายับเยินแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่คุณชายสามไป๋ฉางอวิ๋น สำหรับคุณหนูใหญ่นอกสมรสผู้ไม่เป็ที่โปรดปรานคนนี้ ใครเขาจะมาร่วมงานศพของนางกัน อัปมงคลสิ้นดี
เชิงอรรถ
[1]鸢尾 ดอกเยวียนเหว่ย คือ ดอกไอริส