เย่ชิงหานไม่สามารถจะสรรหาคำพูดใดออกมาได้เลย นี่มันคนประเภทไหนและตระกูลเช่นไรกันถึงได้คิดเอาการถ้ำมองลูกสาวบ้านอื่นอาบน้ำมาเป็ภารกิจฝึกฝน? นึกถึงสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลายที่อยู่ภายในเมืองฮวาลั่วต่างถูกลูกหลานตระกูลฮวาแอบถ้ำมองั้แ่เล็กจนโต นึกถึงหญิงสาวนับไม่ที่ถ้วนกำลังอาบน้ำลูบไล้ร่างกายที่หวงแหนของตนภายใต้สายตาลามกของลูกหลานตระกูลฮวา...
เมื่อนึกถึงตรงนี้ภายในใจของเย่ชิงหานบังเกิดความขุ่นเคือง ความเดือดดาลและความอิจฉาเล็กๆ ขึ้น จึงได้เอ่ยปากด่าออกไป “ตระกูลพวกเ้านี่เดรัจฉานเสียจริง มีแต่พวกโรคจิต...ตระกูลพวกเ้าชอบแอบดูคนอื่นทำเื่ส่วนตัวเช่นนี้ไม่ได้มีความเป็คนกันเลยสักนิดหรืออย่างไร? มันไม่ยุติธรรมเลยกับสาวชาวบ้านทั่วไป พวกเ้าแอบถ้ำมองมานานหลายปีเช่นนี้ไม่ถูกจับได้บ้างรึ? คนในเมืองฮวาลั่วไม่ประท้วงบ้างรึ? แล้วพวกผู้หญิงในตระกูลเ้าไม่มีใครต่อต้านเื่ราวเช่นนี้บ้างรึ?”
“แหะๆ อย่าทำมาเป็พูดอย่างมีคุณธรรมล้ำเลิศอะไรหน่อยเลย เ้าอิจฉาข้าก็ว่ามาเถอะ จะบอกความจริงให้เ้าฟัง เทพาตระกูลข้ามีฉายาว่าเทพลามก ส่วนสาวน้อยสาวใหญ่ภายในเมืองฮวาลั่วต่างเฝ้ารอให้ลูกหลานตระกูลฮวาไปถ้ำมองอยู่ทุกวัน เพราะอะไรข้าถึงกล่าวเช่นนี้น่ะรึ? ก็เพื่อว่าพวกนางจะได้ถือโอกาสแต่งเข้าตระกูลฮวาอย่างไรเล่า แต่แน่นอนว่าตระกูลฮวาไม่ยอมรับว่ามีเื่การแอบถ้ำมองอย่างแน่นอน หากถูกจับได้ว่าทำการถ้ำมองตระกูลฮวาจะปฏิเสธไปว่าคนๆ นั้นไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลฮวา เ้าก็ลองคิดดูสิว่าแค่การแอบถ้ำมองเื่ง่ายๆ ที่ไม่ได้ใช้เทคนิคฝีมืออะไรมากยังทำไม่ได้แล้วต่อไปจะมีอนาคตได้อย่างไร? พวกผู้หญิงภายในตระกูลไม่เห็นด้วยแล้วมีประโยชน์อะไร ท่านปฐมาจารย์บรรพบุรุษเคยทิ้งหลักคำสอนไว้ว่า... การถ้ำมองสามารถฝึกฝนการอำพรางกายและฝึกฝนสภาพจิตใจได้ดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สิ่งนี้สามารถทำได้และจำเป็ต้องทำ...”
ฮวาเฉ่าหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะเกิดความปีติยินดีด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับพูดต่อ “แต่ว่าทางตระกูลก็มีกฎของการแอบดูอยู่เหมือนกัน หากไม่ใช่หญิงสาวพรหมจรรย์ไม่สามารถถ้ำมองได้ หากอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะห้ามแอบดูคนอื่นมีอะไรกัน แต่หอนางโลมได้รับการยกเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแอบดูแล้วถูกคนจับได้ห้ามยอมรับว่าเป็คนของตระกูลฮวา มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก...บอกความจริงกับเ้าก็ได้ เมื่อตอนที่อยู่ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบเื่เช่นนี้ข้าก็ทำมาแล้วและสำเร็จด้วย ภาพของศิษย์สายในตระกูลเยว่ทั้งกลุ่มอาบน้ำพร้อมกัน เ้าลองคิดดูว่าภาพเหตุการณ์เช่นนั้นจะตราตรึงเข้าไปถึงดวงจิติญญามากแค่ไหน...”
“เดรัจฉาน เดรัจฉานอย่างหาที่เปรียบมิได้!”
เย่ชิงหานรู้ได้ทันทีว่าความเดือดดาลที่อยู่ภายในใจนั้นแท้จริงแล้วก็คือความอิจฉานั่นเอง บนโลกใบนี้ที่ไม่มีกฎหมายบ้านเมืองไม่มีตำรวจ การแอบถ้ำมองเื่เล็กน้อยไม่ถือว่าใหญ่โตอะไรนัก ด้วยอำนาจบารมีของตระกูลฮวาที่มีภายในเมืองฮวาลั่ว เื่ราวแค่นี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ภายในใจของมนุษย์ต่างมีสองด้านด้วยกันทั้งนั้น เด็กหนุ่มเด็กสาวคนไหนบ้างที่จะไม่คิดถึงเื่รักๆ ใคร่ๆ? การแอบดูที่สามารถเติมเต็มจิตใจด้านมืดของคน โดยเฉพาะของเด็กหนุ่มเช่นนี้จะมีเด็กหนุ่มคนไหนบ้างที่ไม่อยากจะทำ เพียงแต่...คนส่วนมากมองเื่นี้ว่าเป็เื่ที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม ดังนั้นความคิดที่ไม่ดีทั้งหลายจึงต้องถูกเก็บซ่อนไว้ภายในส่วนลึกของจิตใจ แต่ตระกูลฮวากลับนำเื่ราวเหล่านี้มากระทำอย่างจริงจังและเปิดเผย ไม่เพียงสามารถทำได้ แต่จำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องทำ...
คนภายนอกเมื่อได้รับรู้ว่าเื่ราวที่ถูกเก็บซ่อนลึกไว้ภายในก้นบึ้งของจิตใจถูกตระกูลฮวานำมาปฏิบัติอย่างเปิดเผยและจริงจัง ภายในใจย่อมรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที และต่อจากนั้นย่อมต้องมีความรู้สึกแปลกประหลาดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาเช่นกัน ซึ่งรวมถึงเย่ชิงหานในขณะนี้ด้วย
“ตกลงว่าอย่างไรนายน้อยหาน? เ้าจะไปแอบดูกับข้าสักหน่อยไหม? ข้าว่าภรรยาของเ้าจะต้องยินดีเป็อย่างมากแน่นอนที่เ้าไปแอบถ้ำมอง แหะๆ...” ฮวาเฉ่าเข้าใจความคิดของเย่ชิงหานได้เป็อย่างดี ยิ้มออกมาอย่างสัปดนพร้อมกับทำท่าทางยักคิ้วหลิ่วตายียวน ทำให้ผู้ที่พบเห็นมีความรู้สึกอยากที่จะเข้าไปประเคนหมัดเข่าศอกให้สักรอบ
“ไปตายซะเถอะ ระดับข้าจำเป็ที่จะต้องไปแอบถ้ำมองด้วยรึอย่างไร?”
เย่ชิงหานในใจนึกถึงรูปร่างงดงามอ้อนแอ้นอรชรของเยว่ชิงเฉิงจิตใจพลันสั่นไหวขึ้นมาในทันที และจากนั้นยังคิดถึงเตียงใหญ่สีชมพูภายในโรงเตี๊ยมอั้นเยว่ที่เมืองหมันที่มีสาวงามอั้นเยว่รูปร่างยั่วเย้าพร้อมกับเสียงครวญครางที่ทำให้จิตใจบุรุษล่องลอยเคลิบเคลิ้ม
หลายเดือนที่ไม่ได้ลิ้มรสััของหญิงสาว บนเกาะแห่งทะเลสาบแห่งความสงบกับพวกเยว่ชีทั้งห้าคนก็เป็เพียงแค่การแสดงละครฉากหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ก็แสดงเสียจนตนเองเกือบจะกลายเป็การเล่นนอกบทจริงๆ ตอนนี้ไม่เพียงไฟราคะที่เริ่มลุกโชนขึ้นมา...แถมยังมีคำพูดล่อลวงจากฮวาเฉ่าอีก เย่ชิงหานเริ่มที่จะคิดถึงความเป็ไปได้ของความคิดนี้
ตอนอยู่ที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบตนเองเข้าสู่สภาวะแปลกมหัศจรรย์ที่เรียกว่าความสงบแห่งิญญา เป็เหตุให้หัวหน้าตระกูลเยว่เลือกตนเป็ผู้พิทักษ์เพียงคนเดียวของธิดาศักดิ์สิทธิ์ ส่วนเยว่ชิงเฉิงดูๆ แล้วก็ไม่ได้มีอาการรังเกียจหรือไม่ชอบตนเองแต่อย่างใด ตระกูลเยว่ส่งเยว่ฉิงเชิงให้ติดตามมางานประลองาระหว่างเขตปกครองด้วยก็เพื่อช่วยให้ตนและเยว่ชิงเฉิงมีโอกาสสานสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น แผนการร่วมมือที่เยว่ชิงเฉิงคิดขึ้นเมื่อตอนที่อยู่บนเกาะเทพา และยังมอบศิษย์สายในของทะเลสาบแห่งความเงียบสงบอีกสี่คนให้ฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อ จนทำให้ทั้งสี่ตระกูลสามารถรวมกลุ่มสุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิขึ้นมาได้ ทั้งหมดก็เพื่อช่วยตนเองให้ได้รับคะแนนสะสม หากคิดในอีกมุมหนึ่งที่นางกระทำมาทั้งหมดล้วนทำเพื่อเอาอกเอาใจตนเอง...ดังนั้น ถ้าหากตนเองอยากจะทำอะไรกับนางสักหน่อย คิดว่านางคงไม่ปฏิเสธ?
ยิ่งคิดยิ่งใจเต้นตูมตามขึ้นมาด้วยความอยาก หลายเดือนมานี้จิตใจล้วนฝืนทนอดกลั้นในเื่ต่างๆ มาตลอด รวมทั้งการฝึกฝนพลังยุทธ์อย่างเอาเป็เอาตายทำให้ภายในส่วนลึกของจิตใจสะสมไฟราคะความอยากเอาไว้กองหนึ่ง ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าจะควบคุมมันไม่อยู่เสียแล้ว
ฮวาเฉ่าที่อยู่ข้างๆ ถูกคำพูดของเย่ชิงหานทำเอาจุกจนพูดไม่ออก คิดถึงตอนเ้าเด็กคนนี้ปฏิเสธเยว่ชิงเฉิงที่ทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ จึงพูดออกมาอย่างเคียดแค้น “ใช่สิ! เ้ามันไม่ต้องแอบถ้ำมองก็ได้ ถึงขนาดเยว่ชิงเฉิงอยากจะขึ้นเตียงของเ้าเ้ายังกล้าปฏิเสธ เ้าไม่รู้หรอกว่าข้ากับเฟิงจื่อคิดว่าเ้าน่ะเป็พวกชอบไม้ป่าเดียวกันที่ไม่ชอบผู้หญิง! เฟิงจื่อบอกกับข้าอย่างหวาดกลัวว่า กลัวดึกๆ ดื่นๆ เ้าจะแอบคลานขึ้นไปบนเตียงนอนของเขา ในตอนนั้นเขาต้องใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิดนอนทุกคืน...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบเ้านัก พี่น้องกันก็น่าจะถ่ายทอดให้กันบ้างสักสองสามกระบวนท่าไม่ได้รึอย่างไร?”
คำพูดของฮวาเฉ่าทำให้ไฟราคะที่กำลังลุกโชนขึ้นมาของเย่ชิงหานราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น ทั่วทั้งสรรพางค์กายได้สติกลับมาทันที ภายในใจรู้สึกรังเกียจตนเองขึ้นมา ตนเองในตอนนั้นทำไมถึงได้ปฏิเสธเยว่ชิงเฉิง? ก็ไม่ใช่เพราะว่า้าที่จะช่วยเหลือชีวิตของน้องสาวที่นอนเป็เ้าหญิงนิทราชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรอกรึ? นึกถึงน้องสาวที่อ่อนแอและบอบบางที่นอนหลับใหลจมดิ่งสู่ห้วงนิทราแห่งความมืดมิด นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่สวนเมามาย รอยยิ้มที่ปรากฏลอยเด่นอยู่กลางอากาศที่พูดออกมาว่าแม้ชาติหน้าก็จะขอแต่งเป็ภรรยาของตนเอง...
เย่ชิงหานรู้สึกว่าตนเองนี่แหละเดรัจฉานของจริง น้องสาวชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายแต่ตนเองกลับมีจิตใจมาคิดเื่รักๆ ใคร่ๆ หาความสุขใส่ตัวอย่างรื่นเริง เมื่อใจเย็นลงจิตใจก็สงบลงมาเป็ปกติดังเดิม ไฟตัณหาที่คุกรุ่นขึ้นมาเมื่อสักครู่ก็มอดดับไปอย่างหมดสิ้น จากนั้นจึงหันหน้าไปพูดขึ้นกับฮวาเฉ่า
“ปัญหาอยู่ที่พฤติกรรมของคน คนทะลึ่งลามกอย่างเ้าไม่เข้าใจหรอก เอาละข้าจะฝึกยุทธ์แล้วเ้าก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
“เ้ารู้จักแค่การฝึกยุทธ์แค่นั้นรึ? พี่น้องเอ๋ย...อะไรที่เรียกว่าการจัดการกับชีวิตให้เหมาะสมทั้งด้านการงานและด้านการพักผ่อน เ้านี่ช่างน่าเบื่อเสียจริง ข้าไปคุยกับเฟิงจื่อดีกว่า” ฮวาเฉ่ายักไหล่ขึ้นกำลังคิดที่จะโน้มน้าวเย่ชิงหานอีกสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นเย่ชิงหานนั่งหลับตาขัดสมาธิไล่แขกเช่นนี้จึงส่ายหัวออกมาอย่างเบื่อหน่าย จากนั้นะโออกไปยังกิ่งไม้อีกต้นที่อยู่ข้างๆ หายลับไป...
.................................
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวหนึ่งเดือนผ่านไป
หลังจากที่พูดคุยกับฮวาเฉ่าในวันนั้นเย่ชิงหานยิ่งเพิ่มความมุมานะในการฝึกฝนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็การเข้าเวรเฝ้าระวังภัยหรือเวลาพักผ่อน นอกเสียจากว่ามีนักรบต่างเผ่าปรากฏตัวขึ้นมา เวลาทั้งหมดล้วนใช้ในการฝึกฝนพลังปราณรบ ฝึกฝนท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ ใช้เวลามีความสุขอยู่กับการฝึกฝนทั้งสองอย่างนี้
ส่วนฮวาเฉ่าและเฟิงจื่อหลังจากที่เข้าเวรเฝ้าระวังภัยเสร็จล้วนให้ความสนใจไปที่การแอบถ้ำมอง เพียงแต่คิดจนหัวแตกก็ไม่สามารถจะทำให้เป็จริงได้ เยว่ชิงเฉิงและเย่ชิงอู่แม้จะไม่ได้เปิดโปงพฤติกรรมของเขาทั้งสองออกมา แต่ทุกครั้งที่อาบน้ำจะกำหนดเวลาที่แน่นอนและในเวลานั้นจะเพิ่มเวรยามจากสี่คนเป็หกคนปิดล้อมทั่วทุกทิศ เยว่ชิงเฉิงเห็นว่า่นี้เย่ชิงหานขยันหมั่นเพียรฝึกฝนไม่ออกไปไหนจึงไม่ได้มายุ่งวุ่นวายอะไรมาก ยังคงสับเปลี่ยนเวรกันไปมาในแต่ละวันอย่างเงียบๆ จากนั้นก็หมกตัวอยู่กับเย่ชิงอู่ทางด้านสระน้ำโดยไม่รู้ว่ากำลังทำเื่อะไรกัน
หลายวันผ่านไปเฟิงจื่อและฮวาเฉ่าแอบถ้ำมองไม่สำเร็จจึงได้เริ่มเปลี่ยนแผนใหม่ ไม่แอบถ้ำมองอีกต่อไป แต่เปลี่ยนเป็การตามจีบนักรบสาวของตระกูลเยว่แทน ทั้งสองหมายตาไว้คนละคน ทุกๆ วันจะหาวิธีการตามจีบเอาใจด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ซ้ำแบบ ทำให้ปฏิบัติการล่าที่จืดชืดน่าเบื่อหน่ายเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมาเหมือนกับว่าโชคดีได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว นักรบต่างเผ่าที่ถูกเคลื่อนย้ายมามีปริมาณน้อยมาก รวมๆ กันแล้วเก็บสะสมคะแนนได้เพียงร้อยกว่าคะแนนเท่านั้น รวมกับของเก่าคะแนนในตอนนี้ยังไม่ถึงสามร้อยคะแนน ดูท่านักรบเผ่าปีศาจและนักรบเผ่าคนเถื่อนก็ไม่ได้โง่เขลาเท่าไร เริ่มจะระมัดระวังตัวในการเดินทางกันมากขึ้น
ผู้นำทั้งหลายของกองกำลังเห็นว่านักรบต่างเผ่าที่ถูกส่งมายิ่งน้อยลงทุกทีจึงเริ่มจัดประชุมกันขึ้นอีกครั้ง ตกลงกันว่าต่อไปให้นายน้อยของแต่ละตระกูลเป็ผู้รับมือกับนักรบต่างเผ่าที่ถูกเคลื่อนย้ายมา ในขณะที่ต่อสู้ประมือให้มีนักรบในกองกำลังที่มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบหนึ่งคนคอยอารักขาอยู่ข้างๆ เพื่อรับประกันความปลอดภัย เช่นนี้ถึงจะทำให้นายน้อยแต่ละคนได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้ได้เต็มที่ ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ของแต่ละตระกูลที่ส่งพวกเขาเข้ามาร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้