ไม่กี่วันก่อนที่หลิงเมิ่งมาเห็นห้องจัดเลี้ยงที่ใช้จัดงานตกแต่งเสร็จแล้ว แต่กลับถูกซูอินเปลี่ยนเสียจนเธอโกรธมาก อีกฝ่ายไม่เพียงสวมเสื้อผ้าที่สวยกว่าเธอ ยังจะปฏิเสธสถานที่จัดงานที่เตรียมไว้ให้เป็ไปตามใจของตนเอง
ในใจพยายามข่มไฟที่กำลังลุก เธอตั้งใจใช้โอกาสในวันเกิดนี้เหยียบย่ำอีกฝ่าย
ด้วยเหตุนี้สองวันที่ผ่านมาเธอจึงตัดสินใจเลือกชุดราตรีอย่างระวัง วันนี้เธอตื่นั้แ่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อลองชุดและแต่งตัว
เธอตั้งใจเตรียมตัวอย่างพิถีพิถันเพราะอยากกดยายเด็กบ้านนอกคนนั้นให้จม
จนเมื่อถึง่นาทีก่อนหน้านี้ ตัวเธอยังรู้สึกดีอยู่เลย คอยต้อนรับแขกที่มาร่วมงานอยู่ข้างๆ มารดา แขกหลายคนที่เดินทางมาก่อนหน้านี้ต่างชื่นชมเธอ ทำให้เธอรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อเห็นซูอิน ความรู้สึกของเธอก็เหมือนกับกระเบื้องที่แตกออกเป็เสี่ยงๆ
ทำไมอีกฝ่ายถึงได้สวยขนาดนี้! ไปศัลยกรรมมาหรือ
ไหนจะชุดราตรีที่ใส่นั่นอีก มันคือชุดที่เธอเห็นตอนไปช็อปปิ้งเมื่อวานไม่ใช่หรือ
หลิงเมิ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูมองกระโปรงที่ถูกยกขึ้นขณะก้าวขึ้นบันได หญิงสาวที่สง่างามราวกับหงส์ก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลิงเมิ่งยืนตัวแข็งทื่อ
คนที่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองยังมีอู๋อู๋อีกหนึ่งคน
ทำไมอินอินแต่งตัวสวยขนาดนี้ ั้แ่เสื้อผ้า หน้าผมรวมไปถึงเครื่องประดับ จากสายตาของอู๋อู๋ ของทุกชิ้นั้แ่ศีรษะจดเท้าไม่มีของราคาถูกเลยสักชิ้น อีกทั้งเสื้อผ้าราคาสมเหตุสมผลเหล่านี้ก็เข้าชุดกันอย่างลงตัว เติมเต็มซึ่งกันและกันเป็อย่างดี ทำให้ซูอินดูสง่างามอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อนำบุตรสาวของเธอที่แต่งตัวอย่างประณีตมาเทียบกับซูอิน มองออกเลยว่าเป็ความแตกต่างระหว่างสตรีในสังคมชนชั้นสูง
ถึงแม้จะถูกหลิงจื้อเฉิงเกลี้ยกล่อมแล้ว ว่าจะยอมให้จัดงานวันเกิดร่วมกับซูอิน แต่ไม่ว่าอย่างไรอู๋อู๋ก็ไม่สบายใจนัก โดยส่วนตัวแล้วเธอมีความสุขยามที่เห็นผู้อื่นตกที่นั่งลำบาก ในตอนที่ซูอินไปจากตระกูลหลิง พวกเขาได้เก็บเงินที่เด็กสาวสะสมไว้หลายปี และด้วยสถานะทางการเงินของตระกูลซู เธอไม่เชื่อว่าจะสามารถจัดเตรียมชุดให้ซูอินมาออกงานครั้งนี้ได้
เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องถูกหัวเราะเยาะ…
แต่ในตอนนี้อู๋อู๋กลับเริ่มไม่แน่ใจ หากเด็กสาวสองคนมายืนข้างกัน คงไม่ต้องบอกว่าใครที่จะถูกหัวเราะเยาะ
จนเมื่อซูอินขึ้นบันไดมา เธอสองแม่ลูกก็ตกตะลึงจนไม่อาจดึงสติกลับมา
คนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเป็คนแรกคือหลิงจื้อเฉิง วันก่อนที่เขาไปรับซูอินมาจากโรงแรม เขาก็ตกตะลึงมาแล้วครั้งหนึ่ง
อินอินอยู่กับตระกูลหลิงมาสิบหกปี แต่ไม่เคยสวยขนาดนี้…
ในใจของหลิงจื้อเฉิงรู้สึกสับสน เขาก้าวลงบันไดไปรับเธอ
“อินอินมาแล้วหรือ เมื่อกี้พ่อส่งรถไปรับ แต่ที่โรงแรมบอกว่ามีรถมารับลูกไปั้แ่เช้าแล้ว”
“อืม เพื่อนมารับค่ะ”
ซูอินไม่พูดมาก เธอคล้องแขนของหลิงจื้อเฉิงก่อนจะก้าวขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เธอมองไปทางสองแม่ลูกตระกูลหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยง ทั้งคู่มองมาก่อนที่เธอจะพยักหน้าเล็กน้อย
ในที่สุดหลิงเมิ่งก็ดึงสติกลับมา เมื่อมองชุดที่ซูอินสวมอยู่ก็ยิ้มโดยแฝงนัยที่ไม่ชัดเจน
“มาแล้วหรือ กระโปรงสวยดีนะ”
“แน่นอน”
“แน่นอน”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ซูอินหันไปมองก่อนจะเห็นอวี๋ฉิงที่แต่งหน้าแต่งตัวอย่างประณีตเดินขึ้นมา ด้านซ้ายและขวาดูเหมือนจะเป็สองสามีภรรยาตระกูลอวี๋วัยกลางคนที่แต่งตัวดีเช่นกัน
ปฏิกิริยาของหลิงจื้อเฉิงเป็เครื่องยืนยันการคาดเดาของซูอิน เขาเข้าไปต้อนรับอย่างยิ้มแย้ม จับมืออวี๋ิกวงและทักทายอย่างอบอุ่น “ประธานอวี๋ พี่หรง คุณสองคนมาที่นี่ ช่างเป็เกียรติต่อความเจริญรุ่งเรืองของโรงแรมหลิงกวงของผมจริงๆ”
อู๋อู๋เดินเข้ามาสมทบ ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มสุภาพ
ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนสนทนากัน อวี๋ฉิงพุ่งตัวมายืนอยู่ข้างซูอิน “อินอิน สุขสันต์วันเกิด”
“ขอบใจนะ”
ซูอินจับแขนของอวี๋ฉิงอย่างเป็ธรรมชาติ คุณหนูยืนอยู่ด้วยกันและมองไปทางหลิงเมิ่ง
“นี่คือของขวัญวันเกิดที่ฉันให้อินอิน เป็ยังไง เหมาะสมใช่ไหมล่ะ”
คำพูดธรรมดาเพียงประโยคเดียว เมื่อออกจากปากคุณหนูผู้เย่อหยิ่งก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังโจมตี ทำให้หลิงเมิ่งนึกถึงเหตุการณ์ทะเลาะกันเมื่อวาน หลิงเมิ่งอยากได้กระโปรงชุดนี้มาก จนยอมแพ้ต่อคำพูดที่อีกฝ่ายหยิบยกเื่ความเหมาะสมมาอ้างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หนึ่งในนั้นอวี๋ฉิงได้กล่าวว่า “ดูเสื้อผ้าที่เธอใส่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะกับสไตล์นี้สักเท่าไรนะ”
ถึงแม้คนที่ต่อสู้กันในครั้งนี้จะไม่ใช่คนเดิม แต่ตอนนี้หลิงเมิ่งกลับรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกตบหน้าเหมือนดังครั้งที่ต่อสู้กับซูอินไม่มีผิด
ในตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน ละอายใจและอิจฉา หากคนที่อยู่ตระกูลหลิงเป็เธอั้แ่แรก คนที่ในวันนี้จะได้รับชุดสวยๆ นั้นคงเป็เธอเอง
ทุกอย่างล้วนเป็เพราะซูอิน!
ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ เป็อีกครั้งที่หลิงเมิ่งโทษว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็ความผิดของซูอิน
ซูอินรู้จักหลิงเมิ่งดี มองตาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอะไร หากเป็ในชาติก่อนเธอคงอดทน ถึงกับคอยดูแลหลิงเมิ่งและเป็ฝ่ายยอมให้ แต่ในชาตินี้เธอจะไม่ทนอีกต่อไป
เธอหันไปมองอวี๋ฉิงและเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “เหมือนกับว่าหลิงเมิ่งกำลังอิจฉาฉันที่มีเพื่อนดีๆ แบบเธอ และมอบของขวัญดีๆ เช่นนี้ให้ฉัน”
คุณหนูอวี๋แสดงสีหน้าภูมิใจ “ยังจะต้องให้พูดอีกหรือ เพื่อนอย่างฉันที่ดีขนาดนี้ ถือเป็โคมไฟที่หาอย่างไรก็ไม่เจอ[1] เธอต้องรักษาฉันเอาไว้ให้ดีนะ”
“ค่ะ ค่ะ ค่ะ” ซูอินพยักหน้ารับทันที
เมื่อพอใจกับคำตอบ คุณหนูก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “แต่ว่าฉันไม่ใช่คนที่จะมอบของขวัญให้ใครก็ได้นะ ต้องดูคุณภาพอย่างละเอียดว่าคู่ควรแก่การได้รับหรือเปล่า”
พูดแบบนี้…เหมือนกำลังหมายความว่า หลิงเมิ่งไม่มีคุณภาพพอที่จะได้รับ
หลิงเมิ่งขมวดคิ้ว สีหน้าแสดงความหดหู่ใจ
พวกผู้ใหญ่ที่กำลังสนทนากันได้ยินประโยคเมื่อครู่พอดี อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่ประโยคนี้ คนทำธุรกิจมักหูไวตาไว อยู่ใกล้ขนาดนี้ พวกผู้ใหญ่ไม่ได้เพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหว พวกเขารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
สองสามีภรรยาตระกูลอวี๋หันมาสบตากัน บุตรสาวของพวกเขากำลังเริ่มแสดงทักษะการเยาะเย้ยออกมาแล้ว
แต่ว่าพวกเขารู้จักบุตรสาวของตนเองดี ถึงแม้ฉิงฉิงจะมีนิสัยเย่อหยิ่งไปสักหน่อย แต่ไม่ใช่คนหยิ่งทะนงและชอบหาเื่ไปทั่ว การที่เธอพูดเช่นนี้ต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน
เมื่อมองไปทางหลิงเมิ่ง สองสามีตระกูลอวี๋อดไม่ได้ที่จะนึกถึงข่าวลือก่อนหน้านี้ บุตรสาวของตระกูลหลิงถูกจับด้วยข้อหาเดียวกันกับพวกเด็กอันธพาล
เด็กคนนี้มีจุดด่างพร้อย
สองสามีภรรยาสบตากัน ทั้งคู่ไม่ใส่ใจกับสีหน้าที่น่าเกลียดของหลิงเมิ่งโดยหันไปเอ่ยกับอวี๋ฉิง “ฉิงฉิง พวกลูกกำลังคุยอะไรกันน่าสนุกเชียว ข้างหลังมีคนมาเพิ่มแล้ว พวกเราอย่าเพิ่งรบกวนคุณลุงกับคุณป้าของตระกูลหลิง เข้าไปกันก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
อวี๋ฉิงรับคำ ก่อนจะหันไปทางซูอินและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งเหมือนเช่นเคย “วันนี้วันเกิดเธอ มีคนมาเยอะแยะ ทำออกมาให้ดีล่ะ”
ในเวลาเช่นนี้ประโยคดังกล่าวได้เน้นเป็พิเศษ ซูอินพยักหน้ารับ จากนั้นจึงมายืนอยู่ข้างกายหลิงจื้อเฉิง ตั้งใจเรียกสติแล้วต้อนรับแขกผู้มาร่วมงานอย่างเต็มที่
ยิ่งเป็แขกที่มาถึงช้า ก็ยิ่งเป็แขกผู้มีเกียรติคนสำคัญ
หลิงเมิ่งยังคงรู้สึกเสียขวัญเพราะอวี๋ฉิง แม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ในแง่ความงามเธอแพ้หลุดลุ่ย ทั้งคู่ยืนขนาบข้างซ้ายขวาสองสามีภรรยาตระกูลหลิง คนแรกที่แขกมาร่วมงานมองเห็นคือซูอิน
บุคคลเลอค่า ถึงแม้จะขาดการเชื่อมสัมพันธ์ไปบ้าง แต่เธอก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ยิ่งไปกว่านั้นรูปลักษณ์ของซูอินดูเป็มิตร เป็ที่ชื่นชอบของผู้คนโดยธรรมชาติ ทั้งสวย พูดจาไพเราะ มีมารยาท ในระหว่างที่ต้อนรับแขกระดับสูง เธอทำให้หลิงเมิ่งไม่ได้รับความสนใจ และกดอีกฝ่ายไว้ราวกับไม่มีตัวตน
เมื่อแขกมากันพอสมควรแล้ว ก่อนเปิดงานจึงเข้าไปยังห้องพักรับรอง หลิงเมิ่งหน้าดำคร่ำเครียด แววตาที่มองซูอินเต็มไปด้วยท่าทีไม่เป็มิตร
แต่ซูอินกลับยิ้มตอบ
แค่นี้ก็ไม่พอใจแล้วหรือ ยังมีเื่ที่ทำให้เธอไม่พอใจรออยู่ข้างหน้าอีกแน่!
------------------------------------------------------------------------
[1] โคมไฟที่หาอย่างไรก็ไม่เจอ หมายถึง คนหรือสิ่งของหายากบนโลก ถึงแม้จะตั้งใจมองหา แต่ก็อาจไม่เจอ ส่วนใหญ่มักใช้เพื่ออธิบายถึงบุคคลพิเศษ
