ที่จริงปู่หลินเองก็พูดเื่นี้มาหลายครั้งแล้ว ในตอนที่อู๋ซื่อได้ยินครั้งแรกก็โกรธอยู่ แต่นางก็รู้นิสัยของสามีดี ว่าหากเขายืนกรานออกมาเช่นนี้ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง หากครั้งที่สามยังไม่ฟัง นางคงได้ถูกไล่ตะเพิดกลับบ้านแม่ไปจริงๆ เมื่อเป็เช่นนั้นก็มีแต่ต้องแขวนคอสถานเดียวมิใช่หรือ!?
อู๋ซื่อไม่กล้าบ่นอะไรอีกต่อไป และเมื่อจ้าวซื่อเห็นว่าแม่สามีของนางไม่กล้ากล่าวสิ่งใดแล้ว นางเองจึงยอมแพ้ไปเช่นกัน
หลินต้าหลางกระแอมเบาๆ พลางมองจ้าวซื่อผู้เป็แม่ “ท่านแม่เองก็อย่ากล่าวเช่นนั้นอีก ยังไงหลินฟู่อินก็ช่วยชีวิตของนายหญิงวังเอาไว้”
จ้าวซื่อเห็นลูกคนโตของตนกล่าวเช่นเดียวกัน นางจึงเบิกตาขึ้นด้วยความเข้าใจ นางนี่มันโง่จริงๆ เมื่อคิดได้แล้วจึงตบต้นขาตัวเองแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะไม่พูดถึงเื่ทำคลอดให้นายหญิงวังอีก แต่การที่มันไปทำคลอดด้วยวัยเพียงเท่านี้ก็ถือว่าไร้ยางอายยิ่งนัก!”.
เห็นจ้าวซื่อยังพยายามว่าร้ายหลินฟู่อินต่อ ปู่หลินก็ไม่พูดอะไร เพียงยื่นห่อกระดาษน้ำมันในมือให้อู๋ซื่อ “เอานี่ไปหั่นซะ” แล้วจึงหันไปมองจ้าวซื่อ “พวกที่เหลือไปหาสุราหมักมาจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเสีย”
เมื่อจ้าวซื่อเห็นปู่หลินให้อู๋ซื่อเป็คนไปหั่นอาหารที่หลินฟู่อินนำมาให้ นางก็มีสีหน้าไม่พอใจ แล้วบ่นออกมา “ท่านพ่อ ท่านแม่เป็คนเก็บเงินไว้ ให้ท่านแม่ไปซื้อแล้วให้ข้าเป็คนหั่นดีกว่า!”
กล่าวจบก็พยายามยื่นมือออกไปแย่งห่อกระดาษน้ำมันจากมือปู่หลิน
แต่มีหรือที่ปู่หลินจะไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่? แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เพียงทำหน้าไม่พอใจ
เป็อู๋ซื่อเองที่เดือดดาลขึ้นมา นางจับคอเสื้อของจ้าวซื่อไว้แล้วดึงกลับมา ก่อนจะใช้อีกมือที่ว่างอยู่ชิงห่อกระดาษมาจากมือปู่หลิน จากนั้นจึงดุด่าอย่างรุนแรง “นังลูกสะใภ้ี้เีนี่ อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ เ้าเองก็มีเงินซ่อนไว้ตั้งเยอะ เพราะอย่างนั้นรีบไปซื้อสุรามาเสีย! หากยังดื้อด้านอีก คืนนี้ก็ไม่ต้องกิน!”
แม้จ้าวซื่อจะต่อล้อต่อเถียงเก่งกว่าอู๋ซื่อ แต่ร่างกายของนางอ่อนแอมากกว่า เมื่อรู้ว่าสู้ไปก็ไม่ชนะ ทั้งปู่หลินก็เข้าข้างอู๋ซื่อ นางจึงต้องยอมออกไปซื้อสุราแม้ไม่อยากไป
เมื่อหลินต้าหลางเห็นว่าปู่และย่าทำกับแม่ของเขาเช่นนี้ โดยไม่เห็นแก่หน้าเขาที่เป็ลูกของจ้าวซื่อที่ยืนหัวโด่อยู่เลยแม้แต่น้อย เขาก็โกรธมาก ไฟแค้นที่มีต่อปู่หลินและอู๋ซื่อจึงยิ่งโหมแรงขึ้นไปอีก
หากไม่ใช่เพราะการอยู่บ้านหลินมีอาหารการกินที่ดีกว่าบ้านของซิ่วไฉชราแล้วละก็ เขาคงกลับไปนานแล้ว
เมื่อหลินฟู่อินกลับมาถึงบ้าน ย่าหลี่ก็หั่นส่วนของนางเตรียมไว้ให้แล้ว พอนางมาถึง ย่าหลี่จึงเข้าครัวไปเอากระดาษห่อน้ำมันออกมาให้นาง “รีบๆ เอาไปส่งเสีย แล้วอย่าลืมจ่ายค่าจ้างให้แม่ของต้ายากับต้ายาด้วยล่ะ”
หลินฟู่อินพยักหน้า แล้วจึงััดูถุงเงินของนาง ในนั้นมีก้อนเงินและเหรียญทองแดงอยู่หลายเหรียญ เมื่อรับห่อน้ำมันมาจากย่าหลี่แล้ว นางจึงออกไปบ้านต้ายาต่อทันที
เมื่อนางไปเคาะประตู ผู้ที่เปิดประตูออกมาก็คือซื่อยา เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็หลินฟู่อิน นางก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแล้วะโ “ฟู่อินมาแล้ว!”
เหลียงซื่อที่อุ้มลูกชายของจูซื่ออยู่เดินออกมารับด้วยรอยยิ้ม “หนูฟู่อินนี่เอง เข้ามาสิ เข้ามา!”
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินถือกระดาษน้ำมันห่อใหญ่ดูหนักในมือมาด้วย รอยยิ้มก็กว้างยิ่งขึ้น “มาเฉยๆ ก็ได้แท้ๆ แต่ยังเอาของมาให้อีกหรือ? นี่เ้าเหลือของดีๆ ไว้ให้ตัวเ้าเองบ้างหรือไม่นี่?”
คำพูดของเหลียงซื่อเต็มไปด้วยความอ่อนโยน คนในหมู่บ้านนี้ต่างก็มีความกลมเกลียวแน่นแฟ้นจนส่งผักส่งน้ำตาลให้กันเป็เื่ปกติ แต่นางก็พยายามที่จะทำตัวสุภาพเพื่อสร้างความสบายใจ
หลินฟู่อินยิ้มออกมา แล้วส่งห่อให้ซื่อยาพร้อมกล่าวเสียงเบา “เอาไปให้แม่ของเ้าหั่นในครัวเถอะ แล้วขอเงินของย่าเ้าไปซื้อสุราเก่ามาให้ปู่เ้าเสีย สิ่งนี้เหมาะจะเป็ของพ่อ ของลุง และของท่านปู่”
ซื่อยามองหลินฟู่อินด้วยสายตาเปี่ยมสุข แล้วนางก็ได้กลิ่นเนื้อ
เหลียงซื่อควักเงินออกมาสองเหรียญทองแดงส่งให้ซื่อยา “ฟังฟู่อินแล้วไปซื้อสุรามาสองไหเสีย!” จากนั้นก็หันไปะโเข้าบ้าน “สะใภ้ใหญ่ เ้าออกมารับฟู่อิน แล้วเอาอาหารกลับไปหั่นเสีย!”
ทันทีที่นางเห็นและได้กลิ่น นางก็รู้ทันทีว่าหลินฟู่อินซื้ออาหารหมักมาจากในเมือง เป็ของดี คนในบ้านนี้ไม่ได้กินของดีเช่นนี้มานานแล้ว
น้ำมันและน้ำของที่บ้านก็หมดั้แ่ตอนที่หลินสองมาเมื่อคราวก่อน
สะใภ้ใหญ่รีบออกมา และเมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินนำอาหารมาให้ นางก็คลี่ยิ้มเอียงอาย “วันก่อนเ้าก็ให้ย่าหลี่นำถั่วปากอ้ามาให้ วันนี้ก็เอาอีกแล้ว พวกข้าไม่มีอะไรให้เ้าเลยแท้ๆ!”
“ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องเกรงใจเ้าค่ะ” หลินฟู่อินส่ายหน้าเปื้อนรอยยิ้ม จากนั้นจึงเดินเข้าไปข้างๆ เหลียงซื่อเพื่อเล่นกับลูกของจูซื่อ
เหลียงซื่อยิ้มรับแล้วส่งเด็กให้หลินฟู่อินพร้อมหัวเราะออกมา “ให้ฟู่อินกอดเ้าแล้วรับเอาคำอวยพรของนางมาเสีย!”
หลินฟู่อินแสยะยิ้มออกมา แต่ก่อนหมู่บ้านหูลู่และบ้านเฉียนต่างก็มองนางเป็ตัวกาลกิณี แต่ตอนนี้กลับอยากได้คำอวยพรจากนางอย่างนั้นหรือ?
แม้นางจะรู้สึกว่าจิตใจมนุษย์นั้นช่างกลับกลอก แต่ก็ว่าอะไรไม่ได้ เพราะมนุษย์เป็สิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะไหลเข้าหาผลดีและเลี่ยงผลร้ายอยู่แล้ว นางจึงไม่มีอะไรให้บ่น
อย่างน้อยตอนนี้ตระกูลเฉียนก็ยอมรับนางแล้ว เท่านั้นก็เพียงพอ
เมื่อรับเด็กมาเล่นด้วยพักหนึ่ง เ้าตุ้ยนุ้ยตัวน้อยก็น้ำลายไหลออกมา เหลียงซื่อกลัวว่าเขาจะทำชุดของหลินฟู่อินเปื้อน จึงรับเด็กกลับมา
หลินฟู่อินจึงถือโอกาสนี้เอ่ยว่า “ย่าเหลียงซื่อ ข้าเอาค่าจ้างของท่านป้าสะใภ้และต้ายามาด้วย”
เมื่อได้ยินว่าหลินฟู่อินนำค่าจ้างมาให้ เหลียงซื่อก็ร่าเริงขึ้นมาทันที นางดีใจที่หลินฟู่อินไม่เคยเบี้ยวเงิน ตอนแรกนางก็กลัวเพราะหลินฟู่อินไม่ได้มาบอกให้สะใภ้ใหญ่และต้ายาไปช่วยเก็บไข่เป็ด และรายรับของบ้านอาจลดลง
เดี๋ยวนี้บ้านเฉียนทำเงินจากหลินฟู่อินไปมากมาย จนปู่เฉียนเริ่มคิดจะซื้อที่อีกสักผืนจากหลี่เจิ้งเพื่อไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่แข็งแรงแล้ว
“ฟู่อิน เ้ามีไข่เป็ดพอแล้วหรือยัง? จะรับเพิ่มอีกหรือไม่?” เหลียงซื่อยิ้มพลางถาม
หลินฟู่อินได้ยินก็เข้าใจสิ่งที่นางคิดทันที
เมื่อรู้แล้วว่ากำลังกังวลเื่อะไร นางจึงยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ย่าเหลียง ครั้งนี้ข้าแค่เอาค่าจ้างมาให้ แต่ไว้พอข้า้าไข่เป็ดเพิ่มเมื่อไร ข้าจะมาบอกท่านป้าสะใภ้กับต้ายานะเ้าคะ”
เหลียงซื่อยิ่งโลดเต้นแล้วเชิญฟู่อินเข้าบ้าน
จูซื่อที่พอจะรู้หนังสือได้จดบันทึกไว้ด้วยว่าต้ายาและมารดาทำงานไปเท่าไร
จูซื่อกำลังรดน้ำอยู่ในสวนผักหลังบ้านในตอนที่นางโดนเรียก เมื่อหลินฟู่อินทักทายนาง เหลียงซื่อจึงบอกให้นางนำสมุดบัญชีออกมา
จูซื่อรีบกลับห้องไปเอากระดาษฟางสีเหลืองออกมาให้หลินฟู่อินดูทันที
จูซื่อใช้ถ่านจดบันทึกวันที่ต้ายาและมารดาเริ่มทำงานไว้ในรูปวงกลม เมื่อหลินฟู่อินนับดูแล้วก็เป็สิบห้าวันพอดี สองคนก็สามสิบวัน ได้คนละห้าอีแปะต่อวัน ดังนั้นแล้วเป็หนึ่งตำลึงเงินกับอีกห้าสิบอีแปะ
หลินฟู่อินคำนวณเสร็จแล้ว ก็ให้จูซื่อคำนวนซ้ำ จูซื่อค่อยๆ นั่งบวกไปทีละวันๆ เมื่อครบแล้วก็ได้ผลออกมาเท่ากับหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินจึงรีบหยิบเงินออกมาสองก้อนทันที จากนั้นนับเหรียญอีแปะอีกห้าสิบก่อนมอบให้แม่ของต้ายา แม่ของต้ายารับไว้อย่างยินดีก่อนจะส่งต่อให้เหลียงซื่อ
เหลียงซื่อเองก็ไม่ขัดแล้วรับเงินนั้นไว้ในมือ จากนั้นก็มองเด็กๆ ที่อยู่ข้างกัน สายตาของพวกเขาเป็ประกายเจิดจ้า แล้วเหลียงซื่อจึงกล่าวว่า “เด็กๆ ดูเอาไว้ ขอเพียงคนเรามีความขยัน พวกเราก็จะหาเงินได้เสมอ” จากนั้นก็หันไปบอกต้ายา “เ้ากับแม่ของเ้าเป็คนหาเงินนี้มาเอง ข้าจะเก็บไว้ให้ก่อน แล้วค่อยทยอยให้เ้าเป็ค่าขนม!”
ได้ยินคำว่าค่าขนม ต้ายาก็ยืนบิดด้วยความเขินอายขึ้นมาทันที ก่อนจะวิ่งหนีไป เป็ผลให้เหล่าคนในโถงส่งเสียงหัวเราะกันออกมา
แม้จูซื่อจะอิจฉาอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดว่านางเองก็ดูแลน้องๆ ของหลินฟู่อินอยู่ด้วยค่าจ้างเดือนละสองตำลึงเงินแล้ว นางจึงสบายใจขึ้นมา
“ขอบคุณฟู่อินมาก แล้วเ้าจะเริ่มเก็บไข่เป็ดอีกเมื่อไรกัน?” แม่ของต้ายาถามออกมาด้วยสีหน้าคาดหวัง