ตระกูลหลี่ได้รับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง บุตรชายอีกคนหนึ่งของหลี่ชางเยว่ถูกสังหาร พวกเขาได้สูญเสียยุทธภัณฑ์ระดับต่ำให้แก่ศัตรูอีก มันทำให้หลี่ชางเยว่ต้องอับอายขายหน้าอย่างมากแต่ทุกคนต่างรู้ว่าคนอย่างหลี่ชางเยว่ไม่ยอมเลิกราเป็แน่
มองคนของตระกูลหลี่กลับไป เจียงเฉินยังยืนที่เดิมอย่างไม่แยแส ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา
เยือกเย็น เฉลียวฉลาด อาจหาญ เหี้ยมโหด
สร้างความหวาดกลัวให้แก่เด็กหนุ่มคนอื่นๆยิ่งนัก ทุกคนต่างทราบชื่อของเขาแล้ว และพวกเขาสามารถคาดคิดได้ว่าการมาของชายหนุ่มผู้เหี้ยมโหด ความสับสนวุ่นวายในเมืองนี้ที่รอวันมาถึง....ในที่สุดมันก็มาถึงแล้ว
"น้องเจียงเฉิน เื่ในวันนี้หลี่ชางเย่ว์ไม่มีทางเลิกรา แม้เ้าแข็งแกร่งมากก็ตาม เ้าระดับการบ่มเพาะของเ้ายังอ่อนแอเกินไป ใน่ไม่กี่วันนี้ เ้าพักอยู่ที่เยี่ยนหยวี่โหรวของพวกเราก่อน หลี่ชางเย่ว์มันไม่กล้าที่จะบุกมาสังหารเ้าที่เยี่ยนหยวี่โหรวหรอก"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นกล่าวต่อเจียงเฉิน การต่อสู้ในวันนี้ได้สร้างความประทับใจให้แก่คนตระกูลเยี่ยนมาก อัจฉริยะหนุ่มไร้ที่เปรียบ เมื่อจะเปรียบพร์ภายในเมืองนี้คงจะมีแค่เยี่ยนเฉินหยวี่ที่มีกายาชีพจรเก้าหยินที่สามารถเทียบกับเขาได้ แม้แต่เยี่ยนหยางก็รู้สึกว่าตนด้อยกว่า
เจียงเฉินผงกหัว ในความจริงแล้วเจียงเฉินไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ที่นี่นานนัก แต่เพราะเขากังวลเื่เยี่ยนเฉินหยวี่ เขาควรที่จะออกจากที่นี่หลังจากเยี่ยนเฉินหยวี่ฟื้น นอกจากนั้นเขา้าที่จะเป็สักขีพยานในการกำเนิดของอัจฉริยะชีพจรเก้าหยิน
ตราบเท่าที่เขาตัดใจเื่เยี่ยนเฉินหยวี่ เจียงเฉินควรที่จะออกจากที่นี่ เขาไม่ได้ใส่ใจภัยร้ายจากตระกูลหลี่ไว้ในใจเขา เขาต้องจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับการทะลวงระดับของเขาเป็อย่างแรก นั่นเป็เหตุที่เขาเตรียมตัวที่จะขึ้นเขาต้นกำเนิดและฝึกฝน
"น้องเจียงเฉิน เ้าช่วยชีวิตพวกข้าในวันนี้ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณเ้าอย่างไรดี"
หวังถิงที่าเ็ได้แสดงความขอบคุณต่อเจียงเฉินอย่างมาก
"ใช่แล้ว น้องเจียงเฉินเ้าแข็งแกร่งมาก การต่อสู้ในวันนี้ทำให้เ้ามีชื่อเสียงเป็แน่"
ชายอีกคนกล่าว
"พวกเ้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะข้า ข้าไม่สามารถที่จะนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร"
เจียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม เขาหันไปยังเยี่ยนเจิ้นอวิ๋น
"ท่านผู้นำตระกูลเยี่ยน ช่วยจัดหางานให้แก่ทั้งสี่คนภายในเยี่ยนหยวี่โหรวนี่หน่อย และช่วยข้ารักษาพวกเขาได้หรือไม่ ให้พวกเขาพักที่เยี่ยนหยวี่โหรว อย่างน้อยก็จนกว่าจะแน่ใจว่าพวกเขาจะปลอดภัย"
"น้องเจียงเฉินเ้าวางใจได้ ข้าจะให้เยี่ยนเิเป็ผู้จัดการเื่นี้เอง"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นตอบ
ตรงหน้าทางเข้าตระกูลหลี่ มีผ้าสีขาวแขวนอยู่ หลี่ชางเย่ว์้าที่จะจัดงานศพให้บุตรชายด้วยตนเอง ทุกคนในตระกูลหลี่ไม่ว่าจะเป็คนมีตำแหน่งสูงต่ำต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก
"ท่านผู้นำตระกูล นายน้อยยังปิดด่านฝึกตนอยู่ ควรจะแจ้งเขาหรือไม่ขอรับ"
ใครบางคนถามขึ้น
"ไม่จำเป็ ิเอ๋อร์อยู่่เวลาสำคัญที่จะทะลวงเข้าสู่แก่นมนุษย์ ถ้าเขาโดนรบกวนจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรง แจ้งคนของเราให้ปิดทางเข้าออกเมืองชื่อ จับตามองเยี่ยนหยวี่โหรวอย่างใกล้ชิด และรีบมาแจ้งข้าทันทีเมื่อพบว่าเจียงเฉินมันออกมาจากเยี่ยนหยวี่โหรว"
หลี่ชางเยว่สั่งการอย่างเด็ดขาด
"ขอรับ"
ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะละเลย มิฉะนั้นหลี่ชางเยว่ได้ะเิความโกรธทำร้ายพวกเขา
"น้องสาม เ้าจงไปยังเมืองเทียนเซียงคอยจับตาดูตระกูลเจียงอย่างใกล้ชิด สืบข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้์มาให้ได้"
หลี่ชางเยว่กล่าวออกมาอย่างมืดมน
"ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
น้องสามเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง เขากุมมือต่อหลี่ชางเยว่และออกไปทันที
ครืน....ครืน....
ในขณะนั้น เกิดพายุขนาดั์ปรากฎเหนือตำหนักตระกูลหลี่ขึ้นอย่างฉับพลัน คลื่นอากาศที่รุนแรงได้รวมตัวกันเกิดเป็พายุขึ้นและมุ่งไปตรงไปยังเป้าหมาย พลังหยวนที่อยู่รอบๆตระกูลหลี่ถูกทำให้หมดสิ้นไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่มืดมนของหลี่ชางเยว่ได้แปรเปลี่ยนเป็ปิติยินดีในทันใด ดวงตาทั้งสองลุกโชน เหมือนไฟฉายในที่มืด ดวงตาของเขามองไปยังทิศทางตำหนักหนึ่งของตระกูลหลี่
"ฮ่าฮ่าฮ่า... ิเอ๋อร์ได้ทะลวงเข้าสู่แก่นแท้มนุษย์แล้ว อัจฉริยะอันดับหนึ่งในเมืองนี้คือิเอ๋อร์ของข้า!"
หลี่ชางเยว่หัวเราะออกมาเสียงดัง
ในเวลาเดียวกัน ด้านตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากเมืองชื่อหนึ่งพันลี้ รุ่นเยาว์สามคนเดินพ้นเขตเทือกเขาที่ทอดยาวไร้ที่สิ้นสุด เทือกเขาแห่งนั้นเรียกว่าเทือกเขาต้นกำเนิด มันมีเนื้อที่โดยรอบกว่าหมื่นลี้และสัตว์อสูรจำนวนมากอาศัยอยู่ มันเป็สถานที่ตามธรรมชาติแห่งหนึ่ง
เทือกเขายาวนับหมื่นลี้นั้นปกปลุมดินแดนทั้งหมดที่แยกจากเมืองชื่อและบริเวณดินแดนเขตในของแคว้นฉี กลายเป็ดินแดนขนาดใหญ่ ในความจริงแล้วแม้จะมีสัตว์อสูรอาศัยอยู่จำนวนมากภายในูเาต้นกำเนิด ไม่มีพวกมันตนใดที่อยู่ระดับแก่นแท้์ เนื่องจากพื้นที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตามมันเป็เพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ ทำให้เหล่านิกายใหญ่ของแคว้นฉีไม่เคยให้ความสนใจต่อดินแดนแห่งนี้ ในการรับสมัครศิษย์ทุกๆปี
ทั้งสามที่ออกมาจากเขาต้นกำเนิด อายุราวยี่สิบปีเป็สองบุรุษหนึ่งสตรี พวกเขาสวมเครื่องแบบเดียวกัน เสื้อคลุมสีเหลืองสดใสและตราสัญลักษณ์รูปดาบที่อยู่ปักอยู่บนอก เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนมาจากนิกายเดียวกัน
หญิงสาวผู้นี้มีร่างกายโค้งเว้าได้รูปและงดงามราวกับบุปผาบานสะพรั่ง แม้นางจะไม่สามารถเทียบกับเยี่ยนเฉินหยวี่ได้ นางก็ยังเป็หญิงสาวที่มีหน้าตาจิ้มลิ้ม นางและชายหนุ่มอีกคนซึ่งใบหน้าของเขามีไฝ ทั้งคู่อยู่ขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้น ชายหนุ่มที่อยู่ตรงกลางมีใบหน้าหล่อเหลาและหยิ่งทะนง พลังที่เล็ดรอดจากร่างเขา สามารถบอกได้ว่าเขาอยู่ในขอบเขตแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง ชัดเจนว่าเขาเป็ผู้นำของกลุ่มนี้ และสายตาของหญิงสาวผู้นี้มองเขาด้วยความเทิดทูน
"ศิษย์พี่เฉินซวง พวกเราข้ามเขาต้นกำเนิดมาถึงดินแดนห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?"
หญิงสาวถาม
"มารดามันเถอะ! เ้าหมาตัวนั้นทำให้พวกเราหลงทางในูเาน่ะสิ พวกเราเดินทางมาเกือบเดือนแล้ว และโผล่มาบ้านนอกอีก ศิษย์พี่เฉินพวกเราต้องรีบแล้ว"
ชายอีกคนหนึ่งบ่นขึ้นมา นึกถึงประสบการณ์ที่ขมขื่นในหลายวันมานี้ขึ้น ทำให้ความโกรธของเขาพุ่งทะยาน
"ศิษย์น้องหร่วนหลิง เซียวหัว ในเมื่อพวกเรามาที่นี่แล้ว แวะไปยังเมืองด้านหน้าก่อนไปดูก่อนเผื่อเ้าหมาระยำตัวนั้นจะไปที่นั่น ครั้งนี้พวกเราออกมากว่าเดือนแล้วยังจับไอ้หมาบ้านั่นไม่ได้ พวกเราจะยอมเสียหน้าแล้วกลับไปงั้นหรือ นอกจากนั้นอยู่บนเขาเป็เดือนนี่มันน่าเบื่อนัก"
เฉินซวงกล่าวออกมาก่อนที่จะตรงไปยังเมืองชื่อ หรวนหลิงและเซียวหัวก็รีบเดินตามเขาไป
"ถ้าพวกเราจับไอ้หมาบ้านั่นได้ ข้าจะถลกหนังมันทั้งเป็แล้วเอามันไปต้มกิน"
่พลบค่ำ ณ ตระกูลเยี่ยน
การที่ชีพจรเก้าหยินของเยี่ยนเฉินหยวี่จะตื่นขึ้นนั้นไม่ง่ายดังคาด มันเกือบวันแล้วแต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ภายในห้องทั้งหมดได้ถูกแช่แข็งเหมือนดั่งก่อนหน้า เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นและคนอื่นต่างรอใจจดใจจ่อนอกห้อง
ณ ่เวลานี้ เยี่ยนซิงวิ่งมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก
"เยี่ยนซิงเกิดอะไรขึ้น? หลี่ชางเยว่บุกมางั้นรึ?"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นขมวดคิ้ว เขาได้มุ่งความสนใจทั้งหมดไปยังเยี่ยนเฉินหยวี่ เขาไม่้าให้มีคนมารบกวนเขา
"ไม่ใช่... ไม่ใช่คนจากตระกูลหลี่ที่มาขอรับ แต่เป็คนจากนิกายเทียนเจี้ยน"
เยี่ยนซิงพูดกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย นิกายเทียนเจี้ยน พวกเขามาที่เมืองชื่อ!
"นิกายเทียนเจี้ยน?"
ทุกคนหรี่ตาลง
"เมื่อไม่นานมานี้มีรุ่นเยาว์สามคนมาและอ้างว่าพวกเขาเป็ศิษย์นอกของนิกายเทียนเจี้ยนแห่งแคว้นฉี ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่หอคอยเทียนสุ่ย พวกเขาส่งคนมาแจ้งให้ผู้นำตระกูลไปพบพวกเขาด้วยตนเองขอรับ"
เยี่ยนซิงกล่าว
"อะไรนะ! ศิษย์จากเทียนเจี้ยน"
เยี่ยนหงไท่ะโออกมาอย่างใ เขานึกขึ้นได้ว่านิกายเทียนเจี้ยนเป็เช่นไร แม้จะมีเขาต้นกำเนิดกั้นอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลจากดินแดนใหญ่ แต่พวกเขานั้นเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่ที่รู้ว่านิกายเทียนเจี้ยนเป็หนึ่งในสี่นิกายใหญ่แห่งแคว้นฉี แน่นอนว่ามันเป็หนึ่งในขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุดในแคว้นฉี แต่น่าเศร้าที่เมืองชื่อนั้นอยู่ห่างไกลคนละฟากด้านของเขาต้นกำเนิด พวกเขาไม่เคยได้รับความสนใจจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ นั่นเป็เหตุที่ว่าแม้จะมีผู้ที่มีพร์อย่างมากในเมืองชื่อ ก็ไม่อาจที่จะได้เข้าสังกัดนิกายใหญ่ได้
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนจะมายังเมืองชื่อ นี่เป็ข่าวใหญ่ของทุกคนในเมือง
"ใช่แล้วขอรับ มีคนจำนวนมากในเมืองที่รู้ว่าศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยนได้มาที่เมืองนี้ คนจากหอคอยเทียนสุ่ยบอกว่าศิษย์ทั้งสามยังเยาว์วัยนัก แต่พวกเขาทุกคนอยู่ขั้นแก่นแท้มนุษย์ หนึ่งในพวกเขาเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นกลาง และสวมเครื่องแบบของนิกายเทียนเจี้ยน ดังนั้นจึงแน่ใจว่าพวกเขามาจากนิกายเทียนเจี้ยน แต่ที่ไม่แน่ชัดคือไม่ทราบสาเหตุการมาครั้งนี้"
เยี่ยนซิงกล่าว
"ศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยนจุดประสงค์ที่้าให้ข้าไปพบพวกเขาด้วยตัวเองที่หอคอยเทียนสุ่ยคืออะไรกันแน่"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นถามขึ้น หอคอยเทียนสุ่ยนั้นมีชื่อเสียงมากในเมืองแห่งนี้ เป็ภัตตาคารขนาดใหญ่และโรงเตี้ยม แต่มันไม่ได้เป็กิจการของตระกูลเยี่ยนและตระกูลหลี่
"ถูกต้องแล้วขอรับ ศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยน้าพบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละตระกูลในเมืองชื่อ ข้าคิดว่าท่านไม่ได้เป็คนเดียวที่โดนเรียกตัวไป หลี่ชางเยว่ก็เช่นกันขอรับ"
เยี่ยนซิงกล่าวในสิ่งที่คาดเดาออกมา
"ดี ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นไม่ลังเลแม้แต่น้อย เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นเดินออกจากเรือนที่พัก เขาไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยน
"เหตุใดคนจากนิกายเทียนเจี้ยนถึงได้มาที่เมืองชื่อ?"
เยี่ยนหยางถามด้วยความงุนงง
"ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีอาจมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็ได้"
"ถูก เยี่ยนหยางเ้าต้องพยายามให้มากขึ้นอีก บางทีเ้าอาจจะได้เป็ศิษย์ของนิกายเทียนเจี้ยน ได้เข้าไปทำการบ่มเพาะที่นั่นก็เป็ได้"
เยี่ยนหงไท่กล่าว
ดวงตาของเจียงเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆเปล่งประกาย เขาไม่ทราบอะไรที่เกี่ยวกับนิกายเทียนเจี้ยนใน่ชีวิตที่แล้วของเขา เขาได้เดินทางไปทั่วทวีปศักดิ์สิทธิ์ และเขาไม่เคยที่จะเห็นบรรดานิกายใหญ่ทั้งหลายอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาไม่มีข้อมูลของเหล่านิกายใหญ่ั์ในทวีปตะวันออกแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม การที่จะไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้เขาจะต้องเดินทางออกจากเมืองชื่อและเข้าไปยังแคว้นฉี การไปพบกับศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนก็เป็ความคิดที่ดี
หากว่าพวกเขาทราบว่าเหล่าศิษย์จากนิกายเทียนเจี้ยนได้มาเพราะไล่ล่าหมา พวกเขาคงจะกระอักเืออกมา
ที่ตั้งของหอคอยเทียนสุ่ยอยู่ไม่ไกลจากเยี่ยนหยวี่โหรวและไม่ไกลจากตระกูลหลี่ มันตั้งอยู่ระหว่างเยี่ยนหยวี่โหรวและตระกูลหลี่ และมันไม่ได้เป็ของคนใดคนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเฉินซวงและอีกสองคนทราบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลที่ทรงพลังที่สุดทั้งสองตระกูล นั่นเป็เหตุที่ว่าทำไมเขาจึงเลือกหอคอยเทียนสุ่ยที่ไม่ได้เป็ทั้งของตระกูลหลี่และเยี่ยนหยวี่โหรว
ที่หน้าทางเข้าหอคอยเทียนสุ่ย เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นและหลี่ชางเยว่ได้มาถึงพร้อมกัน พวกเขาต่างมองกันและกัน บรรยากาศรอบตัวระอุขึ้นมาทันใด
"ฮึ่ม! เยี่ยนเจิ้นอวิ๋น สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันยังไม่จบ ตระกูลเยี่ยนของเ้า้าปกป้องเ้าเด็กนั่นรึ มันเป็ไปไม่ได้"
หลี่ชางเยว่แค่นเสียงเ็า
"หลี่ชางเยว่ เ้าไม่ได้อยู่บ้านจัดงานศพบุตรชายอยู่หรอกหรือ ข้าคิดว่ามันไม่ดีหรอกนะที่เ้าออกมาเดินเล่นเช่นนี้"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นพูดเหน็บ
สิ่งที่เขาพูดกับหลี่ชางเยว่ ทำให้หลี่ชางเย่ว์มีโทสะขึ้นมาทันควัน
"เป็อะไร? เ้าอยากสู้กับข้าสักร้อยกระบวนท่าไหม?"
เยี่ยนเจิ้นอวิ๋นหัวเราะออกมา คนอื่นอาจหวาดกลัวหลี่ชางเยว่ แต่เขาไม่ ในเมืองชื่อแห่งนี้อาจมีเพียงเขาที่ไม่หวาดกลัวหลี่ชางเยว่
"ฮึ่ม คนจากนิกายเทียนเจี้ยนอยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากโต้เถียงกับเ้าตอนนี้"
หลี่ชางเยว่พูดขณะขบฟันแน่น ก่อนเข้าไปยังหอคอยเทียนสุ่ย
