“ไม่ได้!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยยับยั้งอีกครั้ง “อย่างน้อยๆ ต้องรอให้การเดินหมากสิ้นสุดเสียก่อน...ขอเพียงนางแพ้การเดินหมาก แล้วแต่พวกเ้าจะจัดการแมวเทพอย่างไร!”
ซือคงจวินเย่หัวเราะเบาๆ “ก็ได้ อย่างไรนางก็ไม่มีทางชนะเ้า มิใช่ว่าจะให้แมวเทพมีชีวิตต่ออีกวันหนึ่งไม่ได้!”
โจวหมัวมัวได้ยินเช่นนั้น “แต่ฝ่าา...”
ซือคงจวินเย่ยกมือขึ้นตัดบทนาง “ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ข้าตัดสินใจเอง เ้าออกไปเถิด!”
โจวหมัวมัวจนใจได้แต่น้อมกายถอยออกไปจากห้องพิเศษ
ภายในห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนมองดูธูปดอกหนึ่งบนโต๊ะ มองมันค่อยๆ สั้นลง เปลือกตาของนางหนักขึ้นเรื่อยๆ นางแทบจะยันไว้ไม่อยู่แล้ว
ลั่วหยิ่งปรากฏตัวขึ้น เมื่อเข้าเดินเข้ามาในห้องพิเศษ สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาถึงกับตกตะลึง
ที่แท้ที่คนของเขามารายงานไม่ได้เกินจริงเลย สถานการณ์ของฮองเฮาเลวร้ายว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ นางยังคงยืนหยัดสู้ไม่ถอย
“เหนียงเหนียง พระองค์ไม่เป็ไรกระมัง” เขาก้าวใหญ่ๆ มาข้างหน้า สังเกตเห็นบ่อน้ำและน้ำที่กระเด็นออกมา สีหน้าเย็นเยียบ เขาหันไปตวาดใส่เด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่เดินหมาก “พวกเ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็ใคร ถึงกับให้นางเดินหมากในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ชุมนุมหมากล้อมของพวกเ้ายังคิดจะเปิดกิจการต่อไปหรือไม่”
ชายหนุ่มตื่นตะลึง เมื่อสักครู่ที่เขาเดินเข้ามา เขาแสดงป้ายคำสั่งของวังหลวง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าขัดขวาง ต่อมายังได้ยินเขาเรียกเฟิ่งเฉี่ยนว่า “เหนียงเหนียง” เขางงไปหมดแล้ว ตกลงแม่นางเฟิงท่านนี้เป็ใครกันแน่
ตอนนี้ได้ยินเขาตวาดเสียงดังลั่น ชายหนุ่มจึงยิ่งลนลาน “ใต้เท้า ท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกเรา...”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เฟิ่งเฉี่ยนตัดบท “ไม่เกี่ยวกับพวกเขา เป็ข้าเองที่ไม่ให้พวกเขาเข้ามายุ่ง!”
ลั่วหยิ่งงงงัน เขาถามอย่างไม่เข้าใจ “เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนยิ้มขม “หากข้าบอกว่าข้าถูกเทพเ้าแห่งความโชคร้ายตามตัว เ้าเชื่อหรือไม่ หากข้าไม่ถูกน้ำสาด นาทีถัดมาหลังคาของห้องนี้อาจจะถล่มลงมาก็ได้ เ้าเชื่อหรือไม่”
ลั่วหยิ่งตาค้าง “นี่...นี่จะเป็ไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
พอดีกับน้ำในบ่อตอนนี้เห็นก้นบ่อแล้ว และเพราะชายหนุ่มสมาธิวอกแวก ไม่ได้เติมน้ำให้ทันเวลา น้ำที่พ่นออกไปด้านนอกจากบ่อน้ำพลันหยุดลงกะทันหัน
ภายในห้องเงียบสงบทันที เงียบเสียจนประหลาดอยู่บ้าง
ลั่วหยิ่งเงยหน้าขึ้นมองหลังคาห้อง พบว่ามันสมบูรณ์ดี ไม่มีวี่แววว่าจะถล่มลงมาแม้แต่น้อย เขาจึงหัวเราะขึ้นมา “เหนียงเหนียง เมื่อสักครู่พระองค์ล้อกระหม่อมเล่นใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ หลังคาห้องเรียบร้อยดี ดูแล้วแข็งแรง จะถล่มลงมาได้อย่างไร”
เสียงหัวเราะยังไม่หยุดลง พลันมีเสียงดังครืนๆ ราวกับฟ้าผ่า บังเอิญเหลือเกินที่เสียงฟ้าฟาดลงดังเปรี้ยงลงบนหลังคาห้อง
โครม—
กระเบื้องตกลงมาจาก้า กระแทกพื้น!
เคราะห์ดีที่เฟิ่งเฉี่ยนป้องกันตัวแต่แรก นำกระทะหรูอี้มาบังเหนือศีรษะ ยืนติดผนัง จึงพ้นเคราะห์มาได้!
แม้ลั่วหยิ่งจะหลบหลีกคล่องแคล่ว ทว่ายังคงป้องกันไม่ทัน ระหว่างที่หลบหลีกหน้าผากถูกกระเบื้องกระแทก ทิ้งให้เห็นรอยช้ำเขียวม่วงปื้นหนึ่ง
เขาตาค้างด้วยไม่อยากเชื่อ
นี่จะแม่นเกินไปกระมัง
ฟ้าคิดจะผ่าก็ผ่า หลังคาคิดถล่มก็ถล่ม!
นี่มันจะประหลาดเกินไปกระมัง
ชายหนุ่มในชุมนุมหมากล้อมใจนวิ่งออกไปด้านนอกประตู หน้าซีดเผือด
แทบจะเป็เวลาเดียวกัน ธูปดอกนั้นถูกเผาจนหมด เสียงเตือนของฟ่านฟ่านดังขึ้นทันที [ยินดีกับเ้านายด้วยขอรับ โชคร้ายสิ้นสุด ทั้งหมดกลับเข้าสู่สภาพปกติ]
เฟิ่งเฉี่ยนพรูลมหายใจโล่งอก นางตื้นตันใจจนอยากร่ำไห้!
ในที่สุด...ในที่สุด...ในที่สุดโชคร้ายก็สิ้นสุด
นางฟื้นคืนชีพแล้ว!
บนท้องฟ้า เมฆดำสลายตัว แสงแดดสาดส่องลงมากระทบกับร่างของเฟิ่งเฉี่ยนจนอุ่นราวกับเกิดใหม่
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังยาวนาน
“ฮ่าๆๆๆ...ข้า หูฮั่นซาน ฟื้นคืนชีพแล้ว!”
ได้ยินเสียงจากชั้นบน คนที่อยู่ชั้นล่างตื่นตระหนก คนผู้นี้โชคร้ายเพียงใดจึงพบเจอแต่เื่ร้ายๆ ไม่หยุดหย่อนกัน
ลำดับแรกหน้าต่างร่วงลงมา ต่อมาถูกน้ำสาด ตอนนี้ถึงกับถูกฟ้าผ่า หลังคาถล่ม...
ช่างดวงกุดจริงๆ!
ที่ทำให้พวกเขาอับจนคำพูดก็คือ คนผู้นั้นไม่เพียงไม่ร้องไห้ แต่กลับหัวเราะเสียงดัง หัวเราะคลุ้มคลั่งปานนั้น พวกเขาสงสัยว่านางเสียสติไปแล้วใช่หรือไม่
ต้องเผชิญหน้ากับหมากกระดานนี้และเทพเ้าแห่งโชคร้ายซ้ำเติม นางเสียสติไปแล้วหรือ
“แม่นางเฟิงไม่เป็ไรกระมัง ไฉนจึงหัวเราะได้น่าอนาถเช่นนี้”
“พบเจอเื่เช่นนี้ นางยังหัวเราะออกมาได้อีก ข้าหมดคำพูด”
“ข้าเดาว่านางรู้ตัวว่าแพ้แล้ว ดังนั้นจึงถอดใจ”
“นี่เป็ลิขิต์! ์ยังยืนอยู่ข้างองค์ชายสาม!”
หานไท่ฟู่หนวดเครากระตุก “หูฮั่นซาน เป็ใครกัน เด็กคนนี้จะเสียสติไปแล้วกระมัง”
หานหลินเยว่พูดด้วยสีหน้าวิตกกังวล “ในห้องพิเศษกลายเป็เช่นนี้แล้ว แม่นางเฟิงอยู่ในห้องนั้นต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราต้องรีบเปลี่ยนห้องใหม่ให้นางเ้าค่ะ”
ณ ห้องพิเศษ เทียน ซือคงเซิ่งเจี๋ยมองห้องพิเศษตรงข้ามที่กลายสภาพเป็ซากปรักหักพัง เขาถึงกับตาค้าง และมองเฟิ่งเฉี่ยนที่เงยหน้าหัวเราะ หางตาของเขากระตุก นี่นับเป็เหตุการณ์ที่ยุ่งยากซับซ้อนที่สุดนับั้แ่เขาประลองเดินหมากกับผู้อื่นมา!
ส่วนเฟิ่งเฉี่ยน เป็คู่ต่อสู้ที่ประหลาดที่สุดและดวงซวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา!
“แม่นางเฟิง ดูท่าแล้วในยามปกติท่านคงทำเื่ไม่ดีมามาก จึงต้องรับผลกรรมเช่นนี้!”
เขาเอ่ยปากพูดหยอกเย้าเสียงเย็น
ที่แท้เขายังมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจนางอยู่บ้าง แต่เมื่อนึกถึงเื่ที่นางเคยทำกับเขาในห้องลองเสื้อ ความเห็นอกเห็นใจเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็ไม่เหลืออีกเลย
เฟิ่งเฉี่ยนเอนกายพิงกรอบหน้าต่างหันมายิ้มบางๆ กับเขา “ความซวยของข้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว ต่อไป ข้าจะทำลายค่ายกล หน้าผาสูงชันพันหน้า ของเ้าลงให้ เ้าต้องระวังตัวแล้ว!”
ดวงตาทั้งคู่ของซือคงเซิ่งเจี๋ยหดแคลบลงทันที เขาหลุดปากออกมาว่า “เหตุใดเ้าจึงรู้จักชื่อค่ายกลของข้า ค่ายกลนี้ ข้านำออกมาใช้น้อยมาก ผู้ที่เคยเห็นค่ายกลนี้ ไม่มีเกินสามคนเด็ดขาด! บอกข้ามาว่าใครเป็คนบอกเ้ากันแน่”
เฟิ่งเฉี่ยนแบมือ “ข้าเดาส่งเดชน่ะ! ค่ายกลของเ้า ชื่อนี้จริงๆ หรือ”
ที่จริงแล้วนางเดาส่งเดช เพราะนางมองออกถึงลักษณะของค่ายกลนี้ รู้ว่ามันแปรเปลี่ยนได้เป็พันเป็หมื่น และพื้นฐานของมันคือสามเหลี่ยมปากใหญ่ ลักษณะเหมือนหน้าผาขาด ดังนั้นนางจึงเรียกชื่อค่ายกลนี้ว่า หน้าผาสูงชันพันหน้า แต่ใครเลยจะรู้ว่ามันบังเอิญไปตรงกับชื่อค่ายกลของซือคงเซิ่งเจี๋ย บังเอิญจริงๆ!”
ทว่าซือคงเซิ่งเจี๋ยไม่เชื่อ บนโลกนี้ไหนเลยจะมีเื่บังเอิญเช่นนี้ เขาแน่ใจแล้วว่าจะต้องเป็ศิษย์พี่ที่บอกค่ายกลนี้กับนาง เขายิ่งปล่อยนางไปไม่ได้! จะต้องหาศิษย์พี่ของเขาผ่านนางให้ได้
“เ้าไม่ยอมพูดความจริง ไม่เป็ไร ข้าจะให้พ่ายแพ้ชนิดศิโรราบ!”
เฟิ่งเฉี่ยนเปลี่ยนห้องพิเศษตามที่ชุมนุมหมากล้อมจัดการให้ และได้เปลี่ยนอาภรณ์แห้งสะอาดชุดหนึ่ง แม้หน้าผากจะยังร้อนอยู่บ้าง แต่สติปัญญาชัดเจนกว่าเมื่อสักครู่มาก ทันทีที่โชคร้ายหมดไป ทั่วทั้งร่างก็สบายขึ้น
นางถูมือไปมาเมื่อนั่งลงเบื้องหน้ากระดานหมาก เตรียมจะทำลายค่ายกลต่อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้