และแล้วเทศกาลเต้นรำกาบริเอลก็สิ้นสุด นาเซียถูกเชิญไปร่วมงานในวันสุดท้าย แม้อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอย่างไร อันนำชุดที่ดยุกกาบริเอลสั่งไว้มาให้แก่เธอแต่เธอเลือกที่จะไม่สวมมัน เพราะสีชมพูมันช่างดูเหมาะกับเส้นผมสีคาราเมลของเซลีนเสียมากกว่า นาเซียสั่งให้อันนำชุดสีน้ำเงินที่มีอัญมณีสีฟ้าสดประดับอยู่มาให้กับเธอแทน
"คืนนี้อากาศอบอุ่นขึ้นมาหน่อย ดิฉันจะเกล้าผมให้เลดี้นะคะ" อันบอกก่อนยกช่อผมทำเป็ช่อราวดอกกุหลาบ อย่างคล่องแคล่ว แม้อากาศที่ว่าอบอุ่นของชาวกาบริเอลแล้ว สำหรับเธอก็ยังคงเย็นะเืดุจน้ำแข็งอยู่ดี
"เชิญครับ" วิลเลี่ยมยืนรอหน้ารถม้า เขายกฝ่ามือกว้างให้กับเธอ นาเซียวางมืลงที่ฝ่ามือเขาก่อนค่อยๆ ก้าวขึ้นรถม้า บนรถม้ามีเพียงเธอ และอันเท่านั้น เพราะเซลีนเธอได้นั่งอยู่ที่รถม้าของลาฟาซเรียบร้อยแล้ว มิกาเอลไม่ต้องเอ่ยถึง เธอไม่พบเขาั้แ่วันที่เจอที่สวน
จัตุรัสกาบริเอลมากมายไปด้วยผู้คน ใน่สุดท้ายของเทศกาล ผู้คนมากมายต่างก็มาร่วมงานกัน บรรยากาศดูครึกครื่นเสียงดนตรีเทียวผลัดเปลี่ยนบรรเลงให้แก่คู่เต้นรำ นาเซียอดชื่นชมการมิกาเอลไม่ได้ แม้เขาจะมีนิสัยโหดเหี่ยมและเ็า แต่เขาก็สามารถดูแลปากท้องชาวเมืองได้ดีไม่น้อย เหล่าขุนนางที่มาร่วมงานต่างก็ห้อมล้อมลาฟาซเสียจนเธอไม่อยากคิดที่จะเข้าไปเบียดเสียด นาเซียมองภาพของชาวเมืองที่เริ่มเต้นรำกันพลางยกยิ้มราวมีความสุข เพียงไม่นานก็เกิดเสียงร้องดังขึ้น
คลื่น!! เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาก่อนที่จะมีสัตว์ร่างใหญ่คล้ายมนุษย์แต่พวกมันสูงใหญ่กว่าหลายเท่าทั้งยังมีขนปกคลุมดูน่ากลัว ผู้คนแตกตื่นพากันวิ่งหลบกันดูวุ่นวาย นาเซียหันมาทางที่อันเคยยื่นอยู่ แต่ตอนนี้กลับดูว่างเปล่า เธอพยายามมองไปรอบ ๆ ทหารต่างวิ่งล้อมป้องกันให้แก่ลาฟาซและเซลีน โดยเธอไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่เธอกำลังยืนอยู่ทามกลางสัตว์ปีศาจ นาเซียแหงนหน้ามองขณะที่สัตว์ปีศาจกำลังง้างกรงเล็บขอบมันออกมา เซลีนพยายามที่จะวิ่งตรงมาหาเธอ แต่กลับสะดุดล้ม วินาทีนั้นนาเซียไม่สามารถที่จะมัวคิดไตร่ตรอง เธอรีบที่จะเข้าคว้าแขน เล็ก ๆ นั้นของเซลีน แต่ลาฟาซกลับเร็วกว่า เขาคว้าตัวของเซลีนะโหลบได้ทัน ก่อนที่สัตว์ปีศาจจะพุ่งเป้ามาที่เธอ แรงกระแทกที่พุ่งเขามาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ตัวเธอกระเด็นไปตามแรง นาเซียรู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหมุน ไม่คิดเลยว่าชะตาของเธอจะต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ นาเซียมองไปยังคนทั้งสองที่กำลังโอบประคองกันไว้ ด้านข้างมีอีกคนแววตานั้นเธอคุ้นเคยดี มิกาเอลยืนคุ้มกันสัตว์ปีศาจให้แก่คนทั้งสอง นาเซียนึกอยากจะหัวเราะให้ตัวเอง ถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครนึกปกป้องเธอเลยสักคน เปลือกตาแสนหนักของเธอค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ เธอคาดหวังว่าหากได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอขอเพียงตื่นมาบนที่นอนที่ไม่ต้องนิ่มมาก ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่กี่ตารางว่า ใช่แล้ว มันคือห้องของเธอก่อนหน้านี้ นาเซียได้ยินลมหายใจที่น่าอึดอัด หูของเธอได้ยินเสียงหอบของใครบางคนก่อนที่ทุกอย่างจะมืดลง
เสียงกระซิบเรียกเธอข้างใบหูช่างจั๊กจี้นัก เธออยากจะเอามือปัดคนที่กระซิบข้าง ๆ ออก แต่ร่างกายเธอก็ช่างหนักอึ้งไปทั้งตัว นาเซียพยายามที่จะเอาชนะแรงนั้นเธอมองเห็นเหมือนเงาใครบางคนยืนมองเธอด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ ใบหน้านั้นช่างเหมือนเธอไม่ผิดเพี้ยน
“ดยุกกาบริเอล คือคนที่เ้าต้องหลีกเลี่ยง” เสียงเตือนนั่นดูกำลังหวาดกลัว ก่อนที่เธอจะสามารถลืมตาขึ้นมาได้อีกครั้ง นาเซียมองไปรอบ ๆ ตัว อย่างคาดหวังแต่เสาปลายเตียงตรงหน้ามันดูคุ้นเคยเหมือนเดิม ห้องพักในปราสาทกาบริเอล นาเซียเหลือบมองไปยังคนที่กำลังหมอบตัวลงนอนข้าง ๆ อันจับมือเธอไว้ไม่ปล่อย
“เลดี้!! ท่านฟื้นแล้ว” อันยกตัวลุกขึ้นทันที ที่เธอขยับตัว
“ขอน้ำเราหน่อย” นาเซียลำคอแห้งเหือด เธอยังจดจำน้ำเสียงที่ดูหวาดกลัวนั้นได้ มิกาเอลทำไมกัน? แม้จะสงสัยแต่เธอก็เก็บมันไว้เสียก่อน
“ดิฉันคิดว่าเลดี้จะไม่ฟื้นแล้ว เมื่อวานตอนที่คุณหมอมาตรวจ อยู่ ๆ ลมหายใจของท่านก็ดูเหมือนจะหายไป ดิฉันกลัวจะแย่” อันร้องไห้ราวกับเด็กน้อยดูเธอกำลังกลัวจริง ๆ หากเธอจากไป
“อัน....นั่นแก้มเ้า” นาเซียมองผ้ากลอซที่ปิดแก้มอิ่ม ๆ ของสาวใช้
“ดิฉันไม่เป็ไรมากหรอกค่ะ เลดี้เป็มากกว่าข้าอีก” อันร้องไห้ตอบ จนนาเซียขมวดคิ้วสงสัย เธอาเ็งั้นเหรอ นาเซียขยับตัวลุกก่อนที่จะรู้สึกเจ็บร้อนที่แผ่นหลัง เธอลุกยืนมองแผ่นหลังตนเองผ่านกระจก รอยาแที่เป็ทางยาว แม้จะดูสมานตัวขึ้นดีแล้ว แต่ยังคงทิ้งรอยไว้อย่างชัดเจน นาเซียไม่ได้สนใจว่ามันจะหายหรือไม่ สิ่งเดียวที่เธอต้องทำคือหินเวทเคลื่อนย้าย ถ้าหากเธอยังอยากมีชีวิตรอดทางเดียวคือเธอต้องพึ่งพาตัวเองเพียงอย่างเดียว
มิกาเอลมาพบเธอหลังจากที่ทราบข่าวว่าเธอฟื้น นาเซียหลบสายตาหนีเธอรู้สึกเหมือนว่าสายตาของเขากำลังคิดบางสิ่งบางอย่างในขณะที่มองมายังเธอ
“เ้าอยากไปนั่งที่สวนหรือไม่ เซีย” ดยุกกาบริเอลเอ่ยขึ้นทั้งยังขยับเข้ามาใกล้
“มะ..ไม่ค่ะ...ฉันอยากพักผ่อนในห้องนี้มากกว่า” นาเซียรีบตอบปฏิเสธ ก่อนจะมองไปยังประตูห้อง เซลีนกับลาฟาซกำลังยืนมองก่อนที่พวกเขาจะเดินเข้ามาหาเธอ
“ฉันจะมารักษาเลดี้ค่ะ” เซลีนก้มหน้าพูดกับเธอ พร้อมนั่งลงข้างตัวเธอ มือเรียวยกััเรียวแขนนาเซียก่อนที่จะมีไอความอุ่นออกมา ดูเหมือนว่าเซลีนจะไม่ปกปิดเื่พลังเยียวยานั่นกับเธอแล้ว แต่ใบหน้าของเธอดูจะค่อย ๆ ซีดลง
“เ้าไม่ต้องรีบเซลีน” ลาฟาซประคองไหล่เซลีนอย่างทะนุถนอม นาเซียขมวดตามอง ดูเหมือนว่าเซลีนจะอ่อนเพลียทุกครั้งที่ใช้พลังเยียวยา
“หม่อมฉันไม่เป็ไรเพคะ” เซลีนตอบลาฟาซ ทั้งยังเอามือเธอแตะไปที่มือลาฟาซเบา ๆ ช่างเป็ภาพที่น่าประทับใจนักยามที่คนรักห่วงใยกัน
“ขอบคุณเลดี้เซลีน ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ” นาเซียจับมือเซลีนเพื่อบอกให้เธอหยุดใช้พลังนั่นก่อนที่ร่างกายเธอจะอ่อนเพลียไปมากกว่านี้
หลังจากที่เซลีนมอบพลังเยียวยาในการรักษาเธอ พวกเขาก็ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน ส่วนอันเธอเดินออกไปั้แ่พวกเขาเข้ามาตอนนี้อันคงยุ่งอยู่ในห้องครัว แม้าแจะดูน่ากลัว แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่ได้เ็ปอะไรมาก เธอจำไม่ได้ว่าใครกันที่พาเธอกลับมายังปราสาทแห่งนี้ แล้ววิลเลี่ยมละหายไปไหนกัน นาเซียอดกังวลไม่ได้ เขาเป็เพียงตัวประกอบของเื่ ไม่แปลกถ้าตัวละครอย่างเขาจะหายไปอย่างง่ายดาย แต่สำหรับเธอในตอนนี้ วิลเลี่ยมคือคนเดียวที่เหมือนกับสหายของเธอ นาเซียเดินออกมาที่ลานฝึกซ้อมก่อนจะเห็นวิลเลี่ยมกำลังฟาดฟันดาบไปที่หุ่นฝึก ดูเขากำลังระบายอารมณ์ลงไปเสียมากกว่าการฝึกซ้อม
“เซอร์อาร์เซล” นาเซียเอ่ยเรียก ก่อนที่เขาจะหันมาและ.....พุ่งเข้ามาโอบกอดเธอราวกับดีอกดีใจ
“ดะ...เดี๋ยวค่ะเซอร์ เกิดอะไรขึ้นคะ” นาเซียใท่าทางของเขา
“ข้าคิดว่าข้าปกป้องเลดี้ไม่ได้เสียแล้ว” วิลเลี่ยมดึงตัวกลับเมื่อนึกได้ ก่อนจะโค้งคำนับให้กับเธอ
“เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็ว ฉันไม่โทษเซอร์หรอกค่ะ ฉันเพียงแค่กลัวว่าเซอร์จะได้รับอันตรายเสียมากกว่า” นาเซียตอบให้เขาเข้าใจ วิลเลี่ยมยิ้มกว้าง พร้อมมือเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น ตลอดหลายวันที่นาเซียสลบไป เขาเอาแต่กล่าวโทษตัวเอง พอวันนี้ได้พบเธอเขาอดดีใจเกินหน้าเกินตาไม่ได้