การเดินทางส่วนที่เหลือนั้นค่อนข้างเงียบสงัดไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ไม่พบเห็นใครสักคนดินสองข้างทางล้วนเป็สีแดงคล้ายกับทะเลทราย เพียงแต่ทะเลทรายนั้นจะเต็มไปด้วยทรายแต่ที่นี่นั้นกลับเต็มไปด้วยดิน
หลังจากที่เดินขึ้นเขา ภูมิประเทศก็พลันลาดต่ำลงอย่างกะทันหันถึงแม้ว่าความชันนั้นจะไม่มาก แต่เส้นทางก็ทอดยาวออกไปไกลสุดทางของหุบเขานั้นมีประตูอยู่สองบาน ดูเหมือนนี่จะเป็หุบเขาจอมพลที่มีชื่อเสียงหน้าผาสูงชันทั้งสองแห่ง สีคล้ายกับูเาไฟ ไม่มีต้นหญ้าขึ้นให้เห็นแม้แต่น้อยไม่ต่างอะไรกับูเาหัวโล้น
อาจเป็เพราะลักษณะภูมิประเทศที่ดูสวยงามมีการไล่ระดับคล้ายกับระลอกคลื่น มีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงนับสิบยืนเรียงรายกระจายตัวกันออกไปมีทั้งชายและหญิง รูปลักษณ์แตกต่างกัน พวกเขามองไปยังฉินโจ้วที่กำลังเดินมาบ้างก็แสดงท่าทางครุ่นคิด แต่บางคนก็ไม่ได้ใส่ใจมองแม้แต่น้อย
ฉินโจ้วหรี่ตามองเยี่ยมมาก! ดูเหมือนกลุ่มผู้นำทั้งหมดจะอยู่ที่นี่แล้ว สมาคมโลก, วังเทพแห่งตะวัน, กิลด์์, ต้นไม้ทงเทียน... และกองกำลังทหารรับจ้างระดับรองลงมาอีกสิบอันดับ เช่นกลุ่มกองทหารรับจ้าง ''ไทแรนโนซอรัส'' อยู่อันดับที่สองจากสิบอันดับหรือกองกำลังสายเืใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นที่เป็พวกนักเรียนหัวกะทิจากโรงเรียนต่างๆ อีก 180 แห่ง ที่ตั้งกลุ่มขึ้นมาอย่างไม่เป็ทางการแน่นอนว่าสายตาของคนส่วนใหญ่จับจ้องไปยังกองกำลังที่มีแต่สาวงาม กลุ่ม ''นารีสีชมพู'' และมีกลุ่มของนักผจญภัยอีกเล็กน้อยกลุ่มที่มีสมาชิกไม่เกินสามคนบ้างก็จับกลุ่มยืนอยู่ บ้างก็กระซิบคุยกันหรือไม่ก็ยืนนิ่งเงียบ บ้างก็กำลังมองไปยังกลุ่มสาวงาม
คนเหล่านี้อยู่ในตำแหน่งที่กระจัดกระจายกันออกไปถ้าลองวาดเป็เส้นวงกลมรัศมีหนึ่งลี้ โดยใช้หุบเขาจอมพลเป็จุดศูนย์กลางจะเห็นว่ามีผู้เล่นมากมายยืนอยู่นอกวงกลมและดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ในวงกลมเลยแม้แต่คนเดียวถึงแม้ว่าเส้นดังกล่าวนั้นจะมองไม่เห็น แต่ดูเหมือนผู้เล่นทุกคนนั้นจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่มีใครกล้าที่จะข้ามสถานที่ดังกล่าวไปแม้เพียงก้าวเดียว
อันที่จริงแล้วเขาก็ได้พบเจออยู่หลายคน อย่างเช่นหัวหน้าวังเทพแห่งตะวัน ''กวงเย้าเหรินเจี้ยน'' หรือล่าสุดที่เพิ่งได้ต่อสู้ด้วย ''ดาบวงพระจันทร์''หรือที่ได้พบระหว่างทางที่มาที่นี่ ก็เป็ผู้เชี่ยวชาญที่อายุยังน้อย''อี่เทียนหง'' ส่วนคนสุดท้ายสวมชุดขาวราวกับหิมะ ยืนอยู่ด้วยความภาคภูมิใจ ดึงดูดสายตาเวลาอยู่ท่ามกลางผู้คนนักบวชหญิงที่งดงามคนหนึ่ง ''ชุดขาวลอยล่อง''
"เฮ้... เด็กน้อย นายเป็ใครกัน?กล้ามาที่นี่คนเดียว กล้าหาญดีนี่"
ขณะที่ฉินโจ้วกำลังจะพุ่งเข้าไปเพื่อโจมตีก็มีเสียงทักทายดังขึ้นเข้ามาในหูที่ดึงความสนใจของเขาก่อน ฉินโจ้วจึงหันไปมองเห็นเป็นักผจญภัยคนหนึ่ง
อาชีพ : หัวขโมย ระดับเลเวล : 56 ชื่อ''เหวินจี'' นี่เป็ข้อมูลที่ฉินโจ้วสามารถตรวจสอบได้ในเวลานี้เขาเองค่อนข้างขาดแคลนทักษะในการสำรวจระดับสูงถึงแม้ว่าเขาจะมีระดับที่มากกว่าชายคนนี้ แต่ก็ยังได้รับข้อมูลมาเพียงน้อยนิดเขาไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดในเื่ พลังชีวิต ทักษะ และอื่นๆ อีกมากมายแต่อย่างไรก็ตามหัวขโมยคนนี้ก็มีระดับค่อนข้างสูงถือได้ว่าเป็คนที่ค่อนข้างหยิ่งทะนงคนหนึ่ง
"นาย้าอะไร?" ฉินโจ้วตอนนี้ก็ไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งเข้าเกม ผ่านอันตรายมาก็หลายครั้งชายหนุ่มที่ปรากฏขึ้นท่าทางไม่เลว อายุราว 25-26 ปีสายตาที่มองค่อนข้างดุดันเอาเื่ ดวงตากะพริบไม่สม่ำเสมอดูแล้วน่าจะเป็คนประเภทชอบกลั่นแกล้งคนดี บูชาความชั่วร้ายทางที่ดีที่สุดที่จะใช้รับมือกับคนพวกนี้ก็คือ ใช้ความแข็งแกร่งที่มีเข้าจัดการให้หลาบจำและเขาเองก็เป็คนตรงไปตรงมา
"มันอันตายมากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้เพื่อชีวิตของพวกคุณเอง ผมจะขอทดสอบทักษะของพวกคุณดูสักหน่อย"เหวินจีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เต็มไปด้วยความจริงใจ
"จะให้ลองอย่างไร?" ฉินโจ้วเหลือบตามองไปรอบๆ มีผู้เล่นหลายคนได้ยินคำพูดของเหวินจีแต่ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย ทั้งหมดได้แต่เพียงเฝ้าดู
"ก้าวไปข้างหน้าสิบก้าวและยืนอยู่ให้ได้สักหนึ่งนาที"เหวินจีพูดขึ้น เมื่อเห็นฉินโจ้วให้ความร่วมมือเป็อย่างดีน้ำเสียงก็ยิ่งเต็มไปด้วยความยินดี
"มันจะยากแค่ไหนกันเชียว" น้ำเสียงของฉินโจ้วเต็มไปด้วยความดูถูก เมื่อพูดจบก็เริ่มโจมตีทันที
"หน่วง"
"อ่อนแรง"
"หนามกระดูก"
"ไท่อี่เทพสายฟ้า"
การโจมตีทั้งสี่นั้นดูราวกับจะถูกปลดปล่อยออกมาในเวลาเดียวกันซึ่งความเร็วนั้นมากกว่าที่คนทั่วไปจะคาดคิดได้ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของศัตรูอย่างรวดเร็ว อย่างไม่ทันตั้งตัวในขณะที่กำลังดึงมีดออกมา เหวินจีเองก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะถูกโจมตีด้วย ''อ่อนแรง'' ทันทีร่างของเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็อย่างมากราวกับวิ่งมาตลอดสามวันสามคืนโดยไม่ได้หยุดพักความแข็งแกร่งทางร่างกายก็ลดลงเป็อย่างมาก เขารู้สึกประหลาดใจมากนี่ใช่ทักษะเวทสนับสนุน ''อ่อนแรง'' จริงหรือทำไมถึงได้ทรงพลังเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ใช่ผู้เล่นหน้าใหม่เคยสังหารผู้ใช้เวทแห่งความตายมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน ซึ่งแน่นอนว่าเคยโดนโจมตีด้วย''อ่อนแรง'' มาก่อนแต่ก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดและตอบโต้กลับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เจอกับ ''อ่อนแรง'' ที่รุนแรงเช่นนี้ เขารู้ได้เลยว่าคราวนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามระดับเลเวลที่ 56 ของเหวินจีเองก็ไม่ได้มาง่ายๆ ต้องมีความโเี้เป็อย่างมากและต้องไม่ยอมแพ้มีแต่บุกขึ้นหน้าไปเท่านั้น มีดสั้นระดับทองคำขาวได้ถูกหยิบขึ้นมาไว้ในมือก่อนจะแทงเข้าใส่ฉินโจ้ว เหวินจีเองเล่นอาชีพหัวขโมย ดังนั้นพลังโจมตีจึงสูง แต่ก็แลกมาด้วยพลังชีวิตที่ต่ำแต่ไม่ว่าจะต่ำแค่ไหน ถึงอย่างไรก็มากกว่าพลังชีวิตของฉินโจ้วที่เป็ผู้ใช้เวทอยู่แล้วจากเท่าที่มองดูเหวินจีเองถึงแม้จะมีประสบการณ์ไม่มากนัก แต่ก็มีการตอบโต้ที่ค่อนข้างรวดเร็วมากทีเดียว
พวกเขาอยู่ห่างกันไม่เกินห้าก้าวก็ราวๆ สองเมตรเห็นจะได้ สำหรับหัวขโมยแล้วที่ขึ้นชื่อก็คือ เื่ความเร็วหัวขโมยระดับ 56 ความเร็วก็ไม่ต่างอะไรกับม้าด้วยความเร็วของเหวินจี ระยะห่างประมาณสองเมตรคงใช้เวลาแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น แม้เขาจะเริ่มต้นจากที่ตรงนี้ก็ประมาณการเอาไว้ว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งวินาทีเขาเองค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะสังหารฉินโจ้วได้ก่อนที่ ''หนามกระดูก''จะพุ่งปะทะกับร่างของเขา
เพียงแต่เขาละเลยผลกระทบของ ''อ่อนแรง''เดิมทีเขาสามารถเคลื่อนที่ได้มากกว่าหนึ่งเมตรในการก้าวเพียงหนึ่งครั้งแต่เวลานี้ดูเหมือนว่าจะไปได้ไม่ถึงครึ่งเมตรแล้วหลังจากที่โดนโจมตีด้วย ''หน่วง'' และถูก ''อ่อนแรง''โจมตี
ไม่ห่างไกลออกไปมากนัก ดวงตาสีฟ้าของผู้ใช้เวทหนุ่มก็ส่องประกายวาบขึ้นก่อนจะดับวูบหายไปการควบคุมเวทที่ทรงพลังนั้นปกติแล้วผู้ใช้เวทจะโจมตีเป้าหมายได้ดีที่สุดด้วยการโจมตีเวทไปในตำแหน่งเดิมซึ่งมีน้อยคนนักที่จะสามารถโจมตีผู้เล่นในขณะที่กำลังเคลื่อนไหวได้เพราะว่าเวทมนตร์นั้นแตกต่างจากลูกธนูอยู่พอสมควรลูกธนูนั้นถูกยิงออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าทำให้ติดตามความเร็วของเป้าหมายโดยใช้ระยะทางเพียงเล็กน้อยแต่ในขณะที่ความเร็วของทักษะเวทที่ใช้นั้นไม่เท่ากับลูกธนูอีกทั้งความไวที่แตกต่างกันของเป้าหมาย ทำให้ไม่สามารถคาดเดาระยะของการเคลื่อนไหวได้ดังนั้นแล้วทำให้ผู้ใช้เวทจำนวนหนึ่งต้องเสียพลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ในการโจมตีศัตรูที่กำลังเคลื่อนไหวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทที่โจมตีเป้าหมายเดี่ยวแต่สำหรับฉินโจ้วดูเหมือนจะไม่ได้เป็เช่นนั้นเลยมันดูราวกับเป็สิ่งที่ทำได้ง่ายมาก ไร้ซึ่งความกดดันใดๆไม่ต่างจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำ เพียงแค่เื่นี้ก็ทำให้ผู้คนเ่าั้ประหลาดใจแล้วแต่ที่ทำให้ใมากยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกก็คือ ฉินโจ้วสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้หลังจากที่ถูกโจมตีไม่เพียงแต่เขาจะรู้จักเวทของเขาดีพอแล้ว แต่ยังสามารถเข้าใจพื้นฐานความแข็งแกร่งของศัตรูเป็อย่างดีอีกด้วยซึ่งในเวลานี้ดูเหมือนจะเรียบร้อยแล้ว
แม้แต่ผู้ใช้เวทที่ยิ่งใหญ่ยังไม่อาจพูดได้ว่าสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ทุกชนิดได้ดี แต่สำหรับฉินโจ้วที่เป็แค่ผู้ใช้เวทระดับกลางกลับรู้ถึงคุณสมบัติของอาชีพ รวมทั้งค่าสถานะต่างๆ ของศัตรูได้เป็อย่างดี
บังเอิญว่า มีแต่ผู้ใช้เวทอายุน้อยคนนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงสิ่งเหล่านี้ให้เป็ที่ประจักษ์ได้
เมื่อเริ่มลงมือเหวินจีก็สังหรณ์ใจแต่เวลานี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้วหลังจากที่ลำแสงสีเทาที่คล้ายกับสายลมได้พุ่งเข้าปะทะร่าง นั่นก็คือ ''หน่วง'' ค่าความว่องไวของเหวินจีก็หายไปที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ''อ่อนแรง'' ทำให้เขารู้สึกราวกับคนที่ได้วิ่งมาตลอดทั้งวันคืนโดยไม่ได้หยุดพักขาของเขาถึงกับตายสนิท ไม่สามารถก้าวต่อไปได้อีกต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อ้าจะเดิน เขาเองไม่เคยคาดคิดเลยว่าทักษะระดับต่ำอย่าง ''หน่วง'' นี้จะมีผลรุนแรงมากถึงเพียงนี้
ฉัวะ...!
กระดูกหนามพุ่งออกไปไม่ต่างจากหอกแหลมนับสิบแทงทะลุร่างของเหวินจี ทำให้เขาดูไม่ต่างไปจากเม่นเลยแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับเวทชนิดอื่นๆ แล้ว พลังของหนามกระดูกอาจดูว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่มีปัญหาในการจะสังหารหัวขโมยคนหนึ่งที่พลังชีวิตมีอยู่น้อยนิด ที่สำคัญก็คือหนามกระดูกของฉินโจ้วนั้นอยู่ในระดับที่สูงและยังมีปริมาณที่มากอีกด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ไท่อี่เทพสายฟ้าก็ะเิขึ้นแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ที่เหวินจี กลับเป็พื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ด้านซ้ายมือของฉินโจ้วแทนร่างของนักฆ่าชุดดำถูกแรงะเิผลักให้กระเด็นออกมาดูเหมือนร่างกายจะหายไปครึ่งหนึ่ง พลังของไท่อี่เทพสายฟ้านี้แกร่งเกินจะจินตนาการได้นักฆ่าถึงกับตาเบิกโพลงไม่ต่างจากปลาที่ตายแล้วที่ไม่สามารถหลับตาของมันลงได้ก่อนจะกลายร่างเป็สีเทาและกลับไปเกิดใหม่
คิดจะใช้การลอบโจมตีกับผมเนี่ยนะ หาเื่ตายชัดๆภายในดวงตาของฉินโจ้วเต็มไปด้วยความรู้สึกรังเกียจ
เดิมทีนักฆ่านั้นเป็เพื่อนของ ''เหวินจี'' พวกเขารุกรับประสานกับเหวินจีร่วมมือกันเข้าขากันได้เป็อย่างดีไม่ต่างจากความมืดกับแสงสว่างมีผู้เชี่ยวชาญเป็จำนวนไม่น้อยที่ถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีของทั้งคู่แต่ดูเหมือนว่าครานี้จะล้มเหลวไม่เป็ท่าจนกลายเป็ตัวเองที่โดนจัดการ ซึ่งฉินโจ้วก็ทำประหนึ่งว่าเป็เื่ที่ธรรมดาทั่วไปไม่ได้สลักสำคัญอะไร ปัดมืดอยู่สองสามทีก่อนจะหยิบอุปกรณ์ที่หัวขโมยและนักฆ่าดรอปออกมา ท่ามกลางสายตาทุกคู่ของผู้คนที่กำลังจับจ้องอยู่ซึ่งของเ่าั้ล้วนมีแต่ของดี ทั้งหมดเป็อุปกรณ์ระดับทองและยังมีอีกสามเหรียญทอง นับว่าเป็การประหยัดเงินค่าเดินทางข้ามเขตและเซฟเงินไปได้นิดหน่อยก็ยังดี
เมื่อเทียบกับการหาเงินจากการจัดการมอนสเตอร์ก็ต่างกันแค่ตรงที่ไม่ได้ค่าประสบการณ์ก็เท่านั้นเอง
ผู้เชี่ยวชาญนั้นดูท่าว่าจะมีอยู่ที่นี่อีกคน สายตาของคนที่ได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเปลี่ยนไปในทันทีดูเหมือนจะมีผู้เชี่ยวชาญอีกคน "อ่อนแรง" "หน่วง" และ"หนามกระดูก" นั้น ล้วนเป็ทักษะเวทพื้นฐานแต่ทักษะเวทระดับเบื้องต้นดังกล่าวที่ผสานกันเป็อย่างดีนั้นถึงกับสามารถจัดการกับหัวขโมยระดับผู้เชี่ยวชาญอย่าง ''เหวินจี''ลงได้อย่างแม่นยำดูเหมือนว่าความสามารถทางด้านเวทมนตร์ของฉินโจ้วนั้นเกินที่จะจินตนาการได้และไม่เพียงจะเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์เท่านั้น แต่พลังทำลายของ ''ไท่อี่เทพสายฟ้า'' ก็ติดอันดับ 1 ใน 5 ของทักษะเวท ในการโจมตีผู้เล่นเดี่ยวอีกด้วยดังนั้นแล้วบุคคลผู้นี้น่าจะยังมีไพ่ตายซ่อนไว้อีกไม่น้อยถ้าเป็ไปได้ก็ไม่ควรจะไปหาเื่ด้วยเป็การดีที่สุดซึ่งนี่เป็ความคิดของคนส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะคิดเช่นเดียวกัน
ผู้เล่นที่เป็นักรบคนหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่ต่างจากกระทิงได้ก้าวออกมาขวางทางฉินโจ้วเอาไว้ทำให้ผู้ใช้เวทและนักธนูที่อยู่ข้างหลังนั้นมองเห็นได้ไม่ถนัด
ฉินโจ้วชำเลืองมองไปที่พวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็มิตรนักดูเหมือนเขาจะถูกมองว่าเป็ลูกพลับนิ่มไปเสียแล้วที่ทุกคนสามารถจะบดขยี้เมื่อใดก็ได้ ถ้ารู้แบบนี้ั้แ่ทีแรกคงจะพา ''น้องชายมีด'' กับ ''ลมกระจ่างจันทร์แรม''มาด้วยแล้ว ถ้าข้างกายไม่ได้มีคนติดตามมาด้วยเป็จำนวนมากพวกเขาก็จะไม่ให้ความเคารพนับถือ หรือไม่ก็อาจเป็เพราะชื่อเสียงนั้นไม่มากพอ
ในขณะที่นักรบคนดังกล่าวยังไม่ทันจะได้พูด ถัดจากนั้นไปไม่ไกลนัก''หยินเช่อเช่อ'' ผู้ใช้ดาบวงพระจันทร์ก็พูดขึ้นว่า"เฮ้... ''จ้งข่า'' (รถบรรทุก)นายหลีกไปดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าฉันไม่เตือน สำหรับบางคนแล้ว นายไม่สามารถที่จะไปล้อเล่นด้วยได้หรอกนะ"
หลังจากที่นักรบ ''จ้งข่า'' ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะมองหน้าฉินโจ้วด้วยความประหลาดใจเขาเองก็พอมองออกถึงความแข็งแกร่งของฉินโจ้ว แต่คิดว่าก็เป็เพียงแค่ผู้ใช้เวทเท่านั้นจะแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันเชียว เขาเชื่อว่าเมื่อพวกเขาทั้งสามคนร่วมมือกันก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาในการจัดการกับฉินโจ้ว แต่เขาก็อดคิดเกี่ยวกับที่ดาบวงพระจันทร์พูดเอาไว้ไม่ได้ถึงแม้ว่าคำพูดของดาบวงพระจันทร์นั้นจะฟังแล้วขัดหูอยู่บ้าง นั่นก็เป็เพราะความหวังดี
สีหน้าของ ''จ้งข่า'' ครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ดูไปแล้วเป็การตัดสินใจที่ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร เขาเองก็เป็คนที่้าออกมาเผชิญหน้าในเมื่อเขาออกมาแล้วจะให้ถอยกลับไปโดยไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยก็คงจะไม่ได้
"พูดมากเสียจริง"น้ำเสียงของฉินโจ้วที่ตอบดาบวงพระจันทร์นั้นฟังดูน่ารำคาญเป็อย่างมาก ทุกคนต่างประหลาดใจมากที่มีคนกล้าพูดกับดาบวงพระจันทร์ด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ไม่มีความเกรงกลัวอยู่บ้างเลยหรืออย่างไรกัน ทุกคนรู้ดีว่าดาบวงพระจันทร์นั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปเรียกได้ว่าเป็ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงคนหนึ่ง ั้แ่เริ่มเล่นเกมเขาฆ่าคนไปแล้วนับไม่ถ้วน ทางที่เขาเดินผ่านมานั้นชโลมไปด้วยเื คนคนนี้อารมณ์ค่อนข้างแปลกประหลาดยากจะบอกได้ว่าเป็คนดีหรือไม่ อีกทั้งยังหลงใหลในการฆ่า ซึ่งไม่มีใครอยากจะเข้าไปตอแยแม้แต่น้อย
ดาบวงพระจันทร์ยักไหล่ให้และไม่ได้พูดอะไรทุกคนต่างจ้องมองไปยังฉินโจ้วอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปชายคนนี้ถึงกับทำให้ดาบวงพระจันทร์พูดไม่ออก ซึ่งถือว่าเป็สิ่งที่หาได้ยากทำให้คนที่ไม่รู้จักฉินโจ้วเริ่มให้ความสนใจ และพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขาในทางที่ดีขึ้น
ในที่สุดจ้งข่าก็ตัดสินใจได้ ก่อนจะหันกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลังมองไปยังหัวหน้า ก่อนจะหลีกทางให้เขาไป
"คุณเองหรือ?!"
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังนั้นทำให้ ''ชุดขาวลอยล่อง'' ให้ความสนใจ จึงหันกลับมา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็คนที่คุ้นเคยกันมาก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้