“ให้กำเนิดลูกชายไม่ได้ ก่อนหน้านี้อย่างน้อยก็มีลูกสาว หากแม้แต่ลูกสาวก็ไม่ใช่ลูกของเ้าทั้งหมด เ้าคิดดูเอาเอง ‘สามข้ออกตัญญู ฤาจะให้คนรุ่นหลังเคารพนับถือ’ เ้าไม่มีทายาทให้ฉินเิ ก็เท่ากับว่าเ้าได้ละเมิดหนึ่งในเจ็ดข้อเงื่อนไขการหย่าร้าง ฉินเิก็จะหย่าร้างกับเ้า ข้ากับท่านพ่อของเ้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
คำอธิบายของฮูหยินติ้งกั๋วกงทำให้ซุนซื่อต้องเบิกตากว้างตะลึง นางเอ่ยเสียงแหลมออกมา “เขาไม่ทำหรอก เขาไม่กล้าหย่าข้าหรอก”
“ไม่กล้า?” ฮูหยินติ้งกั๋วกงหัวเราะเสียงเย็น มองลูกสาวที่สมองไม่โตสักที ก็รู้สึกปวดหัว “ฉินเิเป็ใคร นั่นคือคนที่มีความสามารถเก่งกาจและฆ่าคนอย่างองอาจ เมื่อครั้นยังเป็หนุ่มก็สามารถใช้แผนการกำจัดแม่ทัพของแคว้นเป่ยจี้ และต่อมามีความเจริญในหน้าที่การงานอย่างราบรื่น เ้าเคยเห็นคนในราชวงศ์ต้าเยี่ยนเป็เสนาบดีั้แ่ยังหนุ่มๆ อย่างเขาหรือไม่?”
ซุนซื่อมองคู่สนทนาตาแป๋วพลางผงกศีรษะ ในความทรงจำของนาง ไม่มีผู้ชายคนใดมีหน้าที่การงานราบรื่นอย่างเขาอีกแล้ว
แต่นางก็ไม่อยากจะเชื่อ “นั่นก็เป็เพราะท่านพ่อช่วยเขา...”
“เ้าโง่” ฮูหยินติ้งกั๋วกงใช้แรงผลักหน้าผากของลูกสาวหนึ่งที จนซุนซื่อต้องล้มลงไปนั่งบนพื้น
“ตระกูลเรากับตระกูลฉินมีความสัมพันธ์กันเพราะการแต่งงาน เกื้อกูลผลประโยชน์ช่วยเหลือกันเป็เื่ที่ควรอยู่แล้ว หากเ้ายังใช้น้ำเสียงท่าทีว่าตัวเองสูงส่งเยี่ยงนี้กับสามีของเ้าละก็ อย่าว่าแต่สามีเ้าเลย เป็ข้าก็ยังรู้สึกรำคาญเลย สามีเ้าเป็คนที่โจ่งแจ้งชัดเจน ทำเื่ผิดพลาดไป แม้แต่หญิงข้างนอกก็ไม่กล้าพากลับมาที่เรือนเชียวหรือ?”
ริมฝีปากซุนซื่อสั่นระริกๆ นางนึกถึงเื่ที่เกิดวันนี้หลังจากที่ได้พบฉินหยีหนิง นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาลง “หรือว่าหยีเจี่ยร์เป็ลูกแท้ๆ ของข้าจริงๆ ส่วนฮุ่ยเจี่ยร์เป็ลูกที่ถูกสลับมาเลี้ยง?”
แม้ฮูหยินติ้งกั๋วกงกำลังอยู่ในอารมณ์โมโห แต่พอเห็นลูกสาวมีท่าทางอาการเศร้าโศกเสียใจ นางย่อมใจอ่อน น้ำเสียงในประโยคถัดมาจึงอ่อนโยนลงมาก
“ในเมื่อสามีของเ้าพูดเช่นนั้น เื่ราวคงเป็ความจริงได้แปดถึงเก้าส่วนจากสิบส่วน อีกทั้ง ไม่ว่าใครจะเป็ลูกเลี้ยงหรือลูกแท้ๆ เด็กคนนี้เ้าจะต้องยอมรับ ทั้งต้องยอมรับด้วยความปีติ หากเ้าไม่รับ เ้าจะได้รับโทษในฐานะภรรยาที่ไม่มีทายาทให้สามี ยอมรับแล้ว เ้ากลับได้ลูกสาวเพิ่มอีกหนึ่งคน เพิ่มที่พึ่งอีกหนึ่งระดับ เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ ยังต้องให้ข้าสอนเ้าถึงจะเข้าใจหรือ?”
น้ำตาของซุนซื่อร่วงผล็อยเป็สายดุจไข่มุก นางพูดด้วยความน้อยใจและเสียใจ “ข้าเลี้ยงฮุ่ยเจี่ยร์มาตั้งหลายปี ทำไมถึงเป็ลูกปลอมได้ล่ะเ้าคะ ทั้งหมดนี้ต้องโทษฉินเิ หากไม่ใช่เพราะเขาทำผิดอะไรกับคนข้างนอกไว้ ลูกจะโดนสลับในเปลได้อย่างไร”
“เ้าแต่งงานกับฉินเิได้รับคำเยินยอชื่นชมตอนนั้น ก็ไม่ได้เห็นว่าเ้าจะซาบซึ้งในความดีของเขา หรือว่าสามีภรรยาไม่ควรที่จะช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคหรอกหรือ?” ใจของฮูหยินติ้งกั๋วกงค่อยๆ สงบลงแล้วกลับถูกความไม่รู้ของซุนซื่อทำให้อารมณ์ต้องพลุ่งพล่านอีกรอบ
ซุนซื่อเหลือบไปที่ฮูหยินติ้งกั๋วกง จากนั้นพูดว่า “ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี”
“หรือว่าในใจของเ้า คนทุกคนต่างก็ทำผิดกับเ้าทั้งนั้นหรือ? เอาเถอะ เ้าไม่ต้องพูดถึงเื่เหล่านี้ เ้าก็พูดออกมาว่า หลังจากนี้เ้าจะทำอย่างไร?” ฮูหยินติ้งกั๋วกงอดไม่ได้ที่จะนวดหน้าผาก
ซุนซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงเอ่ยตอบ “ท่านแม่ หรือว่าพวกเราแอบนำเืของเด็กคนนั้นมา ไม่ให้ใครรู้ทั้งนั้น ว่าข้ากับนางได้ตรวจสอบสายเืกัน ท่านแม่คิดว่า...”
“เวลานี้ แม้แต่ตรวจสอบก็ตรวจสอบไม่ได้ เมื่อสักครู่ก็เพิ่งพูดออกไปหยกๆ ข้าพูดออกมาตั้งเยอะ หรือว่าทั้งหมดนี้ที่พูดออกไปเปลืองน้ำลายข้าเปล่าๆ?” ฮูหยินติ้งกั๋วกงถามเสียงสูง
ซุนซื่อตะลึงใในความโมโหของฮูหยินติ้งกั๋วกง นางรีบก้มศีรษะด้วยความกังวล
“สถานการณ์ต้าเยี่ยนตอนนี้เป็เช่นไร เ้าก็น่าจะรู้อยู่ ข้ากับท่านพ่อของเ้าและพี่ชายน้องชายต่างวิเคราะห์กันมากกว่าหนึ่งครั้ง แคว้นต้าโจวเจริญรุ่งเรือง ฮ่องเต้แห่งต้าโจวก็เ้าเล่ห์เพทุบาย ผางจือซีตัวอ่อนที่ชั่วร้ายกดขี่ข่มเหงผู้คน ต้าเยี่ยนของพวกเราค่อยๆ อ่อนแอลงเรื่อยๆ เกรงว่าวันข้างหน้าอาจจะลำบาก ตอนนี้จวนติ้งกั๋วกงของพวกเรากับตระกูลฉินถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกันแล้ว ตระกูลเรากับตระกูลฉิน จะต้องไม่มีเื่บาดหมางใดๆ เกิดขึ้น”
เมื่อกล่าวถึงเื่สถานการณ์ของแคว้นแล้ว แม้แต่สีหน้าซุนซื่อเองก็แสดงความรู้สึกหนักหน่วงขึ้นมาทันที
ท่านอ๋องผางเซียวกล้าหาญองอาจ พากองทัพเสือเข้ามาก่อกวนไม่หยุด จนทำให้คนต้องทรมานมาก ทุกๆ ครั้งที่หายใจเสมือนว่ากำลังรอการตัดสินใจให้ตาย
ซุนซื่อรู้สึกมือเท้าเย็นะเืเสียแล้ว
ถ้าต้องเทียบกับแคว้นล่มสลาย ผู้คนล้มตายแล้ว โดนสลับลูกสาว แล้วหาตัวเจอกลับมา เื่นี้ย่อมไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย
เมื่อเห็นลูกสาวสงบลงในที่สุด ฮูหยินติ้งกั๋วกงพลอยรู้สึกโล่งอกไม่น้อย น้ำเสียงมีความอ่อนโยนเจืออยู่ยามกล่าวกับบุตรสาว “เ้าควรเชื่อฉินเิ เื่อื่นเขาอาจจะใช้เล่ห์เพทุบาย แต่เื่ทายาทของเขาเอง สายเืของตระกูลฉิน เขาไม่อนุญาตให้เป็อย่างอื่นไปได้หรอก ความสงสัยของเ้าในวันนี้เป็สิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง”
ซุนซื่อนึกถึงสีหน้าโกรธแดงก่ำนั้น ก็ทำให้นางรู้สึกละอายใจนัก
ฮูหยินติ้งกั๋วกงกล่าวอีก “ฮั่นเจี่ยร์ เ้าคิดดีๆ วันนี้เจอลูกสาวที่แท้จริง ข้างๆ ยังมีฮุ่ยเจี่ยร์ที่เลี้ยงมาสิบสี่ปี เ้าเพิ่มลูกมาอีกหนึ่งคน ก็เท่ากับว่าจะเพิ่มลูกเขยที่ดีอีกหนึ่งคน จะเป็การเพิ่มที่พึ่งพิงเข้ามาอีกหนึ่งคนไม่ใช่หรือ? นี่ถือว่าเป็สิ่งที่ดี ยังมีตั้งสองข้อดีแน่ะ”
ซุนซื่อครุ่นคิดแล้ว นางก็เริ่มผงกศีรษะอย่างเรียบร้อย
ฮูหยินติ้งกั๋วกงเห็นนางไม่มีท่าทีดื้อดึงเยี่ยงเด็กเล็กอีกต่อไป นางจึงโล่งอกไม่น้อย
ยามต้องเผชิญหน้ากับลูกสาวที่อายุเกือบจะสี่สิบปี แต่กลับต้องสาธยายเหตุผล ไหนต้องทุบความคิดของอีกฝ่ายให้ละเอียด ทำให้นางรู้สึกเหนื่อยมาก เหนื่อยยิ่งกว่าเลี้ยงหลานสาวเสียอีก นางสามารถช่วยซุนซื่อวางแผนได้ แต่นางก็ไม่สามารถอยู่กับบุตรสาวได้ตลอดชีวิต ซุนซื่อโตขนาดนี้แล้ว ยังจัดการตัวเองไม่เป็ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะดีได้อย่างไร?
แม่นมเปาเข้าใจในสิ่งที่ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกกังวล ดังนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มเข้าที่เข้าทาง นางก็ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมเอ่ยขึ้น “วันนี้ฮูหยินน้อยก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว บ่าวได้ให้เด็กเตรียมจัดที่พักซึ่งเป็เรือนที่ฮูหยินน้อยเคยพักอยู่ เชิญท่านไปอาบน้ำพักผ่อนเถิดเ้าค่ะ ส่วนเื่ที่เหลือพรุ่งนี้ พวกเราค่อยคุยกันว่าจะเอาอย่างไร?”
แม่นมเปาเป็บ่าวที่ติดตามฮูหยินติ้งกั๋วกงมาด้วยั้แ่ตอนแต่งงาน ตำแหน่งของนางถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบ่าวคนอื่นๆ ในจวน แม้กระทั่งซุนซื่อยังต้องเกรงใจนางอยู่หลายส่วน
ถ้อยคำดังกล่าวทำให้ซุนซื่อรู้สึกซาบซึ้ง นางยิ้มให้แม่นมเปา จากนั้นก็ผินหน้าไปมองมารดาซึ่งกิริยาอาการยังบ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นเคือง หน้าตาบูดบึ้ง ซุนซื่อยิ้มน้อยพลางเอ่ย “ท่านแม่ ท่านอย่าโมโหเลย ลูกสาวจะเชื่อฟังท่านแม่ทั้งหมดเลยดีไหมเ้าคะ”
ฮูหยินติ้งกั๋วกงผงกศีรษะอย่างไม่มีทางเลือก และสั่งงานแม่นมเปาว่า “เรียกบ่าว อีกสักครู่เอายาทาไปให้ฮั่นเจี่ยร์ด้วย” จากนั้นหันมาพูดกับซุนซื่อ “เ้าก็คิดเหตุผลออกมาจากจวนให้ดีๆ พรุ่งนี้กลับไปที่จวนทันที ถึงเวลานั้นก็อธิบายเหตุผลดีๆ ให้แม่สามีฟังอีกที”
“มีอะไรต้องคิดอีกเ้าคะ? ข้าก็จะพูดว่าฉินเิรังแกข้า” ซุนซื่อแค่นเสียงเชอะออกมา
ฮูหยินติ้งกั๋วกงรีบประคองศีรษะตัวเองอีกรอบหนึ่ง “ประโยคนี้อยู่ต่อหน้าแม่สามีเ้าก็พูดได้? หากข้าเป็แม่สามีเ้า ต้องให้เ้าโดนลงโทษตามกฎระเบียบจนต้องร้องไห้ไปเลย เ้าก็บอกว่าข้าร่างกายไม่ค่อยสบาย จึงรีบกลับมาดูอาการ ทำให้ไม่ทันได้รายงานแม่สามีเพราะมาตอนกลางดึก”
ซุนซื่อไม่เห็นด้วย เอ่ยแย้งขึ้นมาอีกว่า “จะเป็แบบนั้นได้อย่างไรกัน ท่านแม่ก็ไม่ได้ป่วยเสียหน่อย จะพูดพล่อยๆ ได้อย่างไรกันเ้าคะ อีกอย่าง ข้าออกมาเื่ก็ใหญ่ขึ้นแล้ว ตอนนี้บ้านสอง บ้านสามต่างก็รู้หมดแล้ว ข้าพูดเช่นนี้ พวกเขาก็รู้สิว่าข้ากำลังหาข้อแก้ตัว”
เ้าเด็กโง่คนนี้ในที่สุดก็ทำให้เป็เื่ใหญ่ไปแล้วจนได้
ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกว่าคุยกับซุนซื่อ อย่างน้อยก็ถูกความโมโหที่มีต่อนางนั้นทำให้อายุลดน้อยลงสักสิบปี อยากจะโบกมือสะบัดเหมือนสะบัดแมลงวันให้นางออกไป “เ้ารีบไปพักผ่อนเถอะ เื่ที่เหลือพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”
ซุนซื่อเห็นว่ามารดาคงรำคาญตนจริงๆ แล้ว ก็ไม่กล้าที่จะถกเถียงต่อ นางจึงทำท่าเชื่อฟังแล้วก็ถอยเท้าออกไป
แม่นมเปาสั่งให้แม่นมจินกับฉ่ายหลานดูแลซุนซื่ออย่างละเอียด ครั้นทุกคนเดินออกไปแล้วก็กลับเข้าห้อง แต่เมื่อเห็นฮูหยินติ้งกั๋วกงยังมีสีหน้าเหนื่อยล้า นางจึงยิ้มปลอบประโลมพลางพูด “ฮูหยินอย่าไปคิดมากเลยเ้าค่ะ คุณหนูดูๆ แล้วก็ฉลาดกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้วนะเ้าคะ เพียงแต่ว่าเื่นี้เกี่ยวโยงกับทายาท เื่ที่ผู้หญิงทุกคนมักจะห่วงใยเป็ที่สุดก็มีแต่เื่ลูกตนเองนี่แหละเ้าค่ะ คุณหนูก็มีผิดพลาดบ้างแหละเ้าค่ะ”
สำหรับคนที่เป็พ่อเป็แม่แล้ว แน่นอนว่าต้องมีความรู้สึกเข้าข้างลูกตัวเองบ้าง ถึงแม้ฮูหยินติ้งกั๋วกงจะรู้สึกว่าซุนซื่อไม่มีสมองโง่เง่าเท่าใด แต่เมื่อฟังในสิ่งที่แม่นมเปาพูดแล้ว นางก็สบายใจมากขึ้น
“ฮั่นเจี่ยร์เป็คนตรงๆ ั้แ่เด็ก นางก็เป็แบบนี้ เพียงแต่ว่าบ้านตระกูลฉินเห็นแล้วจะคิดเหมือนกันหรือไม่ก็เท่านั้นเอง”
“พูดถึงเื่นี้ ฮูหยินไม่ต้องเป็กังวลแล้วเ้าค่ะ”
แม่นมเปายิ้ม พลางยกถ้วยกระเบื้องบรรจุน้ำชาส่งให้ฮูหยินติ้งกั๋วกง มันมาพร้อมฝาปิดซึ่งถูกออกแบบมาอย่างประณีต “ฮูหยินเห็นไหมเ้าคะ คุณหนูของเราแต่งงานมาหลายปีแล้ว แต่นางก็ยังคงมีนิสัยตรงๆ เอาแต่ใจตัวเอง นั่นมันก็หมายความว่า สามีของนางปกป้องนางอย่างดี หรือแม้แต่ล่าวไท่จุนที่บ้านฉินก็ยังอดทนและอ่อนโยนต่อลูกสะใภ้ของนางด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นดูตามความฉลาดของคุณหนูแล้ว ถ้าในบ้านมีการต่อสู้แย่งชิงกันเกิดขึ้นมากมาย นางก็คงจะเป็คนฉลาดมากไปแล้วสิเ้าคะ? ดูเหมือนว่าความไร้เดียงสาก็มีข้อดีของความไร้เดียงสาอยู่ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า คุณหนูไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไรมากนัก”
ไม่แปลกใจเลยที่แม่นมเปาเป็คนที่อยู่เคียงข้างและใกล้ชิดกับฮูหยินติ้งกั๋วกงมากที่สุดคนหนึ่ง คำพูดของนางที่กล่าวมาเมื่อสักครู่นั้น ทำให้ฮูหยินติ้งกั๋วกงรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ เสมือนนางกินผลแตงเข้าไปทั้งลูก จึงทำให้ความโมโหกังวลเ่าั้ได้สลายหายไปหมดแล้ว
ฮูหยินติ้งกั๋วกงครุ่นคิดอีกเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้เ้ากลับไปกับนางด้วย ฮั่นเจี่ยร์ทำผิดไป บ้านของเราไม่ใช่ว่าไม่มีกฎระเบียบเสียหน่อย จะไม่ว่ากล่าวกันเลยก็คงจะไม่ได้ จำต้องให้บ้านฉินเห็นความจริงใจของบ้านเราด้วย เ้าไปอธิบายกับฮูหยินฉินให้ดีนะ พลางช่วยดูเด็กทั้งสองคนนั้นแทนข้าด้วยก็แล้วกัน”
แม่นมเปาผงกศีรษะรับคำ พร้อมเอ่ยขึ้น “บ่าวรับทราบแล้วเ้าค่ะ”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้เ้าไปดูด้วยว่า หลังจากที่หยีเจี่ยร์กลับมาที่จวนแล้ว มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คอยสังเกตท่าทีของฮุ่ยเจี่ยร์กับหยีเจี่ยร์ให้ดีๆ ว่าเป็อย่างไร พรุ่งนี้พูดคุยให้เข้าใจถึงกลับมารายงานข้าอีกที ข้าจะได้คิดวิธีให้กับฮั่นเจี่ยร์”
“เ้าค่ะ” สีหน้าของแม่นมเปาเริ่มจริงจังมากขึ้น นางเข้าใจแล้ว
**
ฉินหยีหนิงเคยชินกับการตื่นเช้า แม้ท้องฟ้ายังไม่สว่าง นางก็ตื่นขึ้นมาแล้ว จากนั้นล้างหน้าแต่งตัวใส่กระโปรงและหยิบผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อ ก่อนออกไปวิ่งรอบๆ ลานหน้าบ้าน
หยูเซียงโดนลงโทษให้ต้มน้ำ ต้มถึงกลางดึกเพิ่งจะได้นอน รุ่ยหลานยิ่งต้องทนกับความเ็ปของร่างกายเพื่อรับใช้ฝนหมึกให้กับฉินหยีหนิงจนถึงตีหนึ่ง แต่เดิมคิดว่าคุณหนูจะขี้เซาหลับไม่ตื่นเสียอีก ใครจะคาดคิด เมื่อพวกนางตื่นขึ้นมา ก็เห็นพื้นลานมีรอยย่ำเท้าอยู่ดาษดื่น
ลูกคุณหนูบ้านผู้ดีมีที่ไหนที่ตื่นเช้าเยี่ยงนี้?!
รุ่ยหลานไม่กล้าโอ้เอ้ นางเช็ดใบหน้า ใส่เสื้อผ้าแล้วก็เดินออกมา ทว่านางเห็นชิวหลู่ยืนถือเสื้อคลุมสีน้ำผึ้งกำลังรออยู่ที่ระเบียง นางยิ้มและก้าวเท้าเดินเข้าไปกระซิบถาม “คุณหนูตื่นั้แ่เมื่อไรหรือ?”
“วิ่งมาแล้วประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว”
ครึ่งชั่วยาม?
รุ่ยหลานสังเกตไปที่ฉินหยีหนิง เห็นใบหน้าของเด็กสาวกลายเป็สีชมพูแดงระเรื่อ แต่การหายใจของนางกลับไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้นางถึงกับตกตะลึง
ความแข็งแรงทางกายภาพของคุณหนูท่านนี้ ไม่เหมือนลูกคุณหนูทั่วไปเลย
หลังจากที่ฉินหยีหนิงออกกำลังเรียบร้อย ในที่สุดร่างกายก็รู้สึกคลายตัวลงแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็เวลาพอเหมาะ นางจึงเรียกรุ่ยหลานและชิวหลู่ มาดูแลเื่การแต่งตัวให้ “อีกสักประเดี๋ยว จะต้องไปคำนับล่าวไท่จุนที่เรือนสื่อเซี่ยว”
รุ่ยหลานและชิวหลู่สบตากันด้วยอาการตกอกใอยู่หลายส่วน
เมื่อคืนเกิดเื่ใหญ่มาก ยังไม่รู้ว่าบ้านสอง บ้านสามจะมีท่าทีอย่างไร ยังไม่รู้ว่าล่าวไท่จุนจะจัดการเช่นไร