เจิ้งหยวนไม่รู้ว่าน้องสาวและคุณแม่ของเธอคิดอะไรอยู่ เธอรู้เพียงว่าต้องรีบไปบอกเื่นี้กับหลินเสี่ยวหยาง แม้ว่าบ่ายวันนี้ป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจะถูกเธอตอกหน้ากลับไป แต่เธอเชื่ออย่างหมดใจเลยว่าป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งต้องหาทางมาคุยกับหลินเสี่ยวหยางที่โรงงานเครื่องจักรอย่างแน่นอน เธอเลยต้องไปส่งข่าวกับหลินเสี่ยวหยางก่อนที่เ้าตัวจะสืบออกมาได้ให้เรียบร้อย
“แม่ ฉันไปยืมรถจักรยานที่บ้านเทียนหยางรุ่นล่าสุดนะ จะเข้าอำเภอไปหาหลินเสี่ยวหยางน่ะ” เจิ้งหยวนเดินออกไปข้างนอกหลังพูดจบ
มันกะทันหันเสียจนเฉินชุ่ยอวิ๋นสะดุ้ง รีบร้อนไล่ตามมา“จะไปตอนนี้เลยเหรอ? ใกล้ถึงเวลากินข้าวแล้วนะ
ค่อยไปพรุ่งนี้สิ”
“ไม่ได้ เื่นี้ต้องรีบคุยกับหลินเสี่ยวหยางให้เร็วที่สุดค่ะ” เจิ้งหยวนยกข้อมือดูนาฬิกา ตอนนี้น้องสาวเธอเพิ่งเรียนเสร็จ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของโรงงานเครื่องจักร เธอขี่รถไปเร็วสักหน่อย สิบนาทีก็ถึงแล้ว
ด้วยเท้าของเฉินชุ่ยอวิ๋นนั้นถูกรัด ถึงจะแก้ออกหลังปลดแอกประชาชน แต่กระดูกนิ้วเท้าล้วนหักงอหมดแล้ว จึงเดินเร็วไม่ได้ เจิ้งหยวนหันมาเห็นเธอเดินตามจากข้างหลัง จึงเอ่ยว่า “แม่ รออยู่ที่บ้านนะ เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว เื่นี้ต้องรีบแก้ไข ไม่อย่างนั้นปล่อยให้ยืดเยื้อ ไม่รู้ทางป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งจะแอบก่อกวนอะไรอีก”
เฉินชุ่ยอวิ๋นเข้าใจเหตุผลนี้ดี และรู้ว่าเกลี้ยกล่อมเจิ้งหยวนให้ตายอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เลยมาส่งเธอที่หน้าประตูและกำชับ “งั้นแกระวังตัวด้วย อย่าให้ใครเห็นอีกเล่า”
เจิ้งหยวนหันกลับมาบอก “วางใจเถอะค่ะ” ล่าสุดเธอััได้ว่ามีคนสะกดรอยตาม เพียงแต่ไม่เก็บมาใส่ใจ คราวนี้ต้องระวังตัวมากขึ้นอีก
บ้านเจิ้งเทียนหยางรุ่นล่าสุดกับบ้านเจิ้งหยวนมาจากต้นตระกูลเดียวกัน แต่ลำดับญาติห่างกันเกินห้ารุ่นแล้ว ไม่อาจนับญาติได้อีก เพียงแต่อาศัยอยู่ใกล้กัน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านเลยค่อนข้างดี ครอบครัวเจิ้งเทียนหยางร่ำรวย มีเงินซื้อจักรยานมาั้แ่เนิ่นๆ และเป็บ้านเดียวจากเพื่อนบ้านรอบบริเวณที่มีจักรยาน ยุคสมัยนี้จักรยานคือของล้ำค่า คนขี้เหนียวบางคนจะไม่ชอบให้ยืม เพราะกลัวคนอื่นทำมันพัง โชคดีที่บ้านเจิ้งเทียนหยางไม่ตระหนี่ บวกกับเฉินชุ่ยอวิ๋นมักส่งอาหารที่กินแทบไม่หมดให้บ้านเขาประจำ ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวก็ยิ่งดี เมื่อเจิ้งหยวนเอ่ยขอยืมจักรยาน คุณแม่ของเจิ้งเทียนหยาง ป้าฟางจึงตอบตกลง
“แต่ตอนนี้ใกล้มื้อค่ำแล้วนะ เธอจะขี่จักรยานไปไหนเหรอ?” ป้าฟางอดถามไม่ได้
เจิ้งหยวนหัวเราะคำรบหนึ่ง ไม่ตอบอันใด หากแต่เปลี่ยนเื่และพูดแค่ว่า “เพิ่งกี่โมงก็กินข้าวเย็นกันแล้ว ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา ทันเวลากินข้าวพอดี… ป้าฟางฉันต้องไปแล้ว กำลังรีบน่ะค่ะ!”
ป้าฟางไม่ซักไซ้ต่อ เธอรับคำและมองส่งเจิ้งหยวนออกไป
เจิ้งหยวนออกแรงถีบเต็มที่ รีบไปที่อำเภอเมืองด้วยความเร็วสูงสุด
โรงงานเครื่องจักรเลิกงาน่หกโมงเย็น ตอนเธอไปถึงโรงงานยังไม่เลิก เพียงแต่คราวนี้เธอไม่ได้ขอให้ทหารยามเรียกหลินเสี่ยวหยางออกมา กลับเปลี่ยนวิธี รอตรงระหว่างทางกลับบ้านของหลินเสี่ยวหยางแทน
หลินเสี่ยวหยางมีความรับผิดชอบสูง ดังนั้นในทุกๆ วันเขาจะกลับบ้านหลังสะสางบัญชีเสร็จแล้ว เลยกลับคนสุดท้ายเป็ปกติ เมื่อหลินเสี่ยวหยางเดินออกมา พนักงานในโรงงานเครื่องจักรส่วนใหญ่ก็จับกลุ่มเดินกันไปหมด เขาจึงกลับบ้านคนเดียวประจำ
วันนี้ก็เหมือนกัน ไกลออกไป เจิ้งหยวนเห็นหลินเสี่ยวหยางเดินมาคนเดียว ยังอยู่ในชุดทำงานสีฟ้าตัวเดิม เขาก้มหน้าก้มตา ดูไม่มีชีวิตชีวานัก เจิ้งหยวนเรียกเขาครั้งหนึ่ง หลินเสี่ยวหยางไม่ได้ยิน เธอเลยเรียกเขาอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ยินแล้วหันมองมาตามเสียง และใหลังเห็นเจิ้งหยวน สีหน้าทุกข์ระทมพลันประดับแววประหลาดใจปนยินดี เขารีบสาวเท้าเข้ามาหา “เจิ้งหยวน?เธอ
เธอ…”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้