เรือนหลักเต็มไปด้วยความครึกครื้น เหล่าสาวใช้ล้วนมาอยู่กันพร้อมหน้า สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ามีความวิตกกังวลเล็กน้อย ไม่สงบนิ่งเหมือนเช่นทุกวัน
คนอื่นๆ ล้วนมาที่เรือนหลัก เฉียวเยว่คอยชะโงกศีรษะมองออกไปด้านนอกเป็พักๆ อยากดูว่าหญิงรับใช้จะเข้ามาแจ้งหรือยัง วันนี้ท่านอาของนางจะมาถึงตอนเที่ยง ทุกคนต่างมารอกันแต่เช้า อันที่จริงจะมาสายหน่อยก็ไม่เป็ไร แต่กลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่าอาจไม่พอใจ
ไม่มีผู้ใดปรารถนาให้ฮูหยินผู้เฒ่าขุ่นเคือง จึงมากันแต่เช้าตรู่
ไม่ช้าหญิงรับใช้ที่รอฟังข่าวอยู่หน้าประตูก็เข้ามารายงาน "เรียนฮูหยินผู้เฒ่า นายท่านสามรับคุณหนูสี่กับท่านเขยกลับมาแล้ว ยามนี้กำลังลงจากรถม้าเ้าค่ะ"
พอได้ยินคำกล่าว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตื่นเต้นลนลาน "เร็วเข้า เร็วเข้า รีบไปเรียกพวกเขาเข้ามา"
บุตรสาวแต่งงานออกไปต่างเมือง สองปีถึงจะกลับมาสักครั้ง ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งก็ดังเข้ามา ผ้าม่านถูกเลิกขึ้น หญิงสาวอาภรณ์สีฟ้าคิ้วเรียวดุจใบหลิว ดวงตาสุกสกาวฟันขาวสะอาดก็ร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น "ท่านแม่"
เพียงพริบตาเดียวก็โผเข้ามากอด
ฮูหยินผู้เฒ่าขอบตาแดง ตบหลังของนางไม่หยุด เอ่ยเสียงเบา "ไม่ร้อง ไม่ร้อง เด็กคนนี้ กลับมาเป็เื่ที่น่ายินดี จะร้องไห้ไปไยเล่า"
เฉียวเยว่นั่งอยู่มุมหนึ่งของเตียงเตา เห็นท่านอาซูเยียนหรันหลั่งน้ำตาไม่หยุด ก็รู้สึกตื้นตันใจตามไปด้วย
ไม่ง่ายเลยกว่าจะปลอบบุตรสาวได้ ฮูหยินผู้เฒ่าดึงนางเข้ามาพิจารณาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า ดูเหมือนจะผอมลงไปบ้าง จึงเอ่ยว่า "เ้าผอมลง แต่สีหน้ายังดีอยู่ การเดินทางลำบาก คงจะเหนื่อยมากใช่หรือไม่?"
หลังจากนั้นก็มองไปที่บุรุษซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง "กวานอิงสุขภาพเป็อย่างไรบ้าง?"
สามีของซูเยียนหรันเป็คุณชายรองจากสกุลเฉิงแห่งฉีโจว นามว่าเฉิงกวานอิง
เฉิงกวานอิงประสานมือคำนับทันควัน "บุตรเขยคารวะท่านแม่ยาย การเดินทางราบรื่นดี เยียนหรันเพียงอ่อนเพลียเล็กน้อยขอรับ"
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งเป็ห่วงบุตรสาว "ข้าสั่งให้คนเตรียมห้องให้พวกเ้าแล้ว พวกเ้าเดินทางมาไกล คงจะเหน็ดเหนื่อย ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ เื่อื่นๆ เอาไว้พวกเ้าพักผ่อนกันแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย"
แม้อยากมองบุตรสาวให้นานกว่านี้ แต่ก็ยังปวดใจอยู่ดี
ซูเยียนหรันส่ายหน้า "ไม่เ้าค่ะ ให้กวานอิงไปพักผ่อนเถอะ ข้าอยากจะอยู่กับท่านแม่อีกสักครู่"
นางจับมือฮูหยินผู้เฒ่าไม่ปล่อย
"ได้ ได้ ได้ เ้าว่าอย่างไรล้วนถูกต้อง" ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้ม
เห็นอีกฝ่ายให้ท้ายบุตรสาวเช่นนี้ ไท่ไท่รองก็ก้มหน้าคว่ำมุมปากลง หวังหรูเมิ่งกลัวว่านางจะผลีผลามทำสิ่งที่ไม่สมควรออกไปจึงบีบมือของนางไว้
ทว่าไท่ไท่รองหาใช่คนเขลา ย่อมรู้ว่าเวลานี้ไม่อาจก่อความวุ่นวายได้
นอกเหนือจากพี่ชายสามของภรรยาที่เพิ่งไปรับพวกเขา ทุกคนในเรือนหลักล้วนเป็สตรี ไม่มีบุรุษอื่น เฉิงกวานอิงจึงไม่คิดจะรั้งอยู่นาน คล้อยตามสถานการณ์ด้วยการกลับห้องไปพักผ่อน
"พวกเ้าเดินทางกันค่อนข้างช้า ข้ารอแล้วรอเล่า ในที่สุดพวกเ้าก็มาถึง" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย
"ระหว่างทางข้าต้องไอเย็นจนล้มป่วยจึงทำให้การเดินทางล่าช้า กลัวว่าท่านแม่จะเป็กังวล จึงมิได้ส่งข่าวมา ท่านแม่ ไม่พบกันนานมาก ท่านดูชราขึ้นหลายส่วนนะเ้าคะ ปรกติเหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือไม่?"
นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง แล้วพูดอีกว่า "ข้าคิดถึงท่านแม่มาก เฝ้ารอวันที่จะได้กลับมาพบท่านอีก ท่านแม่คิดถึงข้าหรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม "ย่อมคิดถึงอยู่แล้ว ไหนให้แม่ดูเ้าให้ดีหน่อยซิ"
ไท่ไท่ใหญ่ทอยิ้ม "หลายวันมานี้ท่านแม่ร้อนใจมากจริงๆ มักบ่นว่า น้องสาวควรจะถึงแล้ว ควรจะถึงแล้ว พอได้ยินว่าเ้ายังอยู่ห่างจากเมืองหลวงอีกพอสมควร ก็เป็ห่วงเ้าทั้งวัน"
เยียนหรันหันมาหาพี่สะใภ้ใหญ่ หลังจากนั้นสายตาก็มองไปที่ท้องของพี่สะใภ้รองซึ่งอยู่ไม่ไกล
ไท่ไท่รองรู้สึกได้ถึงสายตาของนาง จึงยืดท้องให้เห็นชัดเจนขึ้น สีหน้าเผยแววลำพองใจ
ใครเล่าไม่รู้ เยียนหรันคุณหนูสี่แห่งจวนซู่เฉิงโหวแต่งงานไปหกปีแล้วก็ยังไม่ตั้งครรภ์ บัดนี้ข้างกายยังว่างเปล่า ไท่ไท่รองยิ้มเยาะในใจ รู้สึกว่านี่คงเพราะต้องรักษาหน้าจวนซู่เฉิงโหว มิเช่นนั้นสตรีที่ไร้ความสามารถในการให้กำเนิดบุตรเยี่ยงนี้ คงถูกไล่ตะเพิดกลับบ้านมารดาไปนานแล้ว
เฉิงกวานอิงผู้นั้นช่างน่าเวทนานัก ภรรยาที่ถูกต้องไม่อาจให้กำเนิดบุตร แต่ก็ไม่กล้าให้อนุเกินหน้าเกินตาคลอดบุตรก่อน หึๆ
บัดนี้อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกเข้าไปแล้ว ก็ยังไม่มีบุตรสักคน
อาจเป็เพราะเจตนาโอ้อวดของไท่ไท่รองชัดเจนเกินไป สีหน้าของซูเยียนหรันจึงบึ้งตึงในชั่วพริบตา ทว่าไม่ช้านางก็เลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าของพี่สะใภ้สาม
ไท่ไท่สามทอยิ้มอ่อนจางไม่เอ่ยวาจา นางไม่ใช่คนพูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ทำตัวเด่นเรียกร้องความสนใจ
เฉียวเยว่คิดแล้วก็เอ่ยปาก "ท่านอาเ้าคะ ข้าคือเฉียวเยว่ ข้ากับฉีอันทำของขวัญให้ท่านเองกับมือ ท่านดูว่าชอบหรือไม่"
เฉียวเยว่หยิบปิ่นไข่มุกที่ตนเองเตรียมไว้ก่อนหน้านี้นานแล้วออกมา แล้วส่งให้ด้วยสีหน้าจริงจัง
ทำนานมากเลยนะ!
ซูเยียนหรันชะงัก ก้มลงมองกล่องใบเล็ก แล้วก็มองเด็กหญิงตัวอวบอ้วนตรงหน้า มุมปากโค้งขึ้นแต่มิได้กระตือรือร้นเกินไปนัก หลังจากรับไปแล้วก็เปิดออกดู อมยิ้มเอ่ยว่า "ทำได้ไม่เลวเลยนี่"
กล่าวชมเพียงประโยคเดียว แต่มิได้ใส่ใจนัก
เพราะเฉียวเยว่มอบของขวัญ คนอื่นๆ ก็นำของขวัญของตนเองออกมา เด็กๆ รุ่นเยาว์มีประสบการณ์มาครั้งหนึ่งแล้ว ครานี้ย่อมจะเตรียมของขวัญเหมือนกับเฉียวเยว่
ซูเยียนหรันรับของขวัญทีละชิ้น กล่าวชมสองสามประโยค แจกซองแดงให้กับทุกคน หลังจากนั้นก็มิได้ใส่ใจนัก ดึงมือของฮูหยินผู้เฒ่ามากุม เอ่ยว่า "ท่านแม่ ท่านพ่อกับพี่ชายจะกลับมาเมื่อใด? ข้าคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน"
นอกจากซูซานหลาง คนอื่นๆ ล้วนไม่อยู่ ซูซานหลางเป็คนออกไปรับพวกเขากลับมา
"ยามเย็นโน่นพวกเขาถึงจะกลับมา ข้ากำชับพวกเขาแล้วให้กลับมาเร็วหน่อย" ฮูหยินผู้เฒ่าก็จับมือบุตรสาวไว้ตลอดเวลา
ซูเยียนหรันขบริมฝีปาก "ข้าคิดถึงพวกท่านมากจริงๆ"
"แม่รู้" ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า
ซูซานหลางเห็นน้องสาวดูอ่อนเพลียจากการเดินทางก็กล่าวด้วยความห่วงใย “ข้าว่าพวกเราแยกย้ายกันกลับห้องก่อน น้องสาวจะได้พักผ่อนสบายขึ้น คนเยอะแยะมารุมกันอยู่ตรงนี้ เด็กเล็กๆ ก็ชอบเสียงดัง ถึงอยากพักผ่อนก็คงไม่ไหว"
"น้องสามคิดการณ์รอบคอบ" ไท่ไท่ใหญ่พูดคล้อยตาม "สมควรให้ท่านแม่และน้องสาวได้คุยกันเป็ส่วนตัว พวกเราอย่าอยู่รบกวนที่นี่เลย ยังมีโอกาสคุยอีกมาก"
นางยิ้มแล้วลุกขึ้น คนอื่นๆ ย่อมลุกขึ้นตาม เฉียวเยว่ปีนลงมาจากเตียงเตา วิ่งไปข้างกายไท่ไท่สาม ฉีอันเห็นชั้นนั้นก็รีบวิ่งมา ยืนซ้ายคนขวาคนแลดูว่านอนสอนง่าย
ซูเยียนหรันเพิ่งสังเกตเห็นว่าอิ้งเยว่นั่งอยู่บนรถเข็น นางแปลกใจมากจึงถามออกไป
"อิ้งเยว่เป็อันใด?"
"อิ้งเยว่ตกบันไดที่สำนักศึกษา แต่ไม่มีปัญหาใหญ่โต รักษาอีกสัก่หนึ่งก็หาย" ซูซานหลางตอบ
ซูเยียนหรันนิ่วหน้า แต่ก็ยังเอ่ยวาจา "เ้าต้องระมัดระวังให้มากขึ้น"
"เ้าค่ะ"
เห็นทุกคนทยอยกันออกจากห้อง ไท่ไท่รองก็ยิ้มเยาะ เอ่ยว่า "เอาล่ะ พวกเราก็กลับกันเถอะ เกอเอ๋อร์ของเราถีบข้าอีกแล้ว ข้าเห็นแก่น้องหญิงสี่ ถึงอดทนไว้ไม่พูดออกมา"
แม้จะแสร้งทำเป็หวังดี แต่ใครเล่าจะมองไม่ออกว่ามีเจตนาโอ้อวด
"พี่สาว" หวังหรูเมิ่งเห็นทุกคนมองพี่สาวของนางอย่างเดียดฉันท์ ก็พะว้าพะวังในใจ บีบมือของนางอย่างแรงหลายครั้ง "พวกเรารีบกลับกันเถอะ"
ซูซานหลางชังน้ำหน้าพี่สะใภ้รองคนนี้เป็ที่สุด ไม่แม้แต่จะพูดด้วยสักประโยค เข็นอิ้งเยว่ออกไป "พวกเราไปกัน"
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปเรือนสามของตนเอง เฉียวเยว่ไม่ยอมให้คนอุ้ม เดินเหยียบหิมะสวบสาบ เพราะเฉียวเยว่ไม่้าให้ใครอุ้ม ฉีอันก็ทำเหมือนกัน
เขากัดริมฝีปาก จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า "ท่านอาไม่ชอบของขวัญที่พวกเรามอบให้หรือ?"
แม้ว่าจะยังเล็ก แต่เขาก็ััความรู้สึกของผู้อื่นได้
"ท่านอาของเ้าชอบมาก" ซูซานหลางเอ่ยเสียงเบา
ฉีอันไม่เชื่อ "ท่านอาไม่ชอบ ข้ารู้สึกว่าอย่างนั้น นางดูผ่านๆ แล้วก็เก็บ แต่ว่า... แต่ว่ามันสวยมากมิใช่หรือ? เฉียวเฉียว เ้าว่าจริงหรือไม่ มันดีมากใช่หรือไม่?"
เขาไม่เข้าใจอย่างยิ่ง นึกว่าตนเองทำไม่สวย
เฉียวเยว่วิ่งมาข้างกายฉีอัน แล้วจูงมือน้อยๆ ของเขา "ฉีอัน จะว่าอย่างไรดีเล่า บางครั้งการทำของขวัญมอบให้ผู้อื่นก็ต้องดูที่เจตนาของเรา แค่ตนเองรู้สึกว่ามีใจอยากจะให้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ว่าเ้ามอบให้ ผู้อื่นจะต้องชอบ"
"เพราะเหตุใด" ฉีอันเกาศีรษะ
เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี "ก็ไม่มีอะไรมาก ทุกคนมีมุมมองไม่เหมือนกัน เ้าดูอย่างพวกเราล้วนไม่มีใครชอบป้าสะใภ้รอง แต่พี่หญิงหรงเยว่กลับชอบ เพราะนั่นคือมารดาของนาง สถานะและจุดยืนต่างกัน ก็คิดไม่เหมือนกัน"
ฉีอันดูเหมือนจะเข้าใจบ้างแล้ว "ก็จริง ข้าดูเพียงเจตนาของตนเองก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ ถึงแม้ว่าผู้อื่นจะไม่ชอบและดุด่าก็ไม่เสียใจ เพราะนางแค่ไม่รู้ความดีของข้า ไม่ใช่ข้าทำไม่ดี"
เฉียวเยว่ดีดนิ้วเป๊าะ "ฉลาดมาก"
ฉีอันดูเหมือนจะสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่พะวงกับปัญหาเล็กน้อยนี้ต่อไป
ไท่ไท่สาม้าบอกกับบุตรทั้งสอง ให้พวกเขาอย่ารู้สึกไม่ดีต่อเยียนหรัน แต่ได้ยินเฉียวเยว่กล่าวเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรถึงจะดี
แต่เห็นซูซานหลางยืนอยู่เงียบๆ ไม่เอ่ยปาก นางย่อมจะไม่พูดมาก
ซูซานหลางไหนเลยจะไม่รู้ว่าบุตรคิดอย่างไร แท้จริงแล้วตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน ผู้อื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีว่าบุตรของเขาสองคนนี้เตรียมตัวกันมานานแค่ไหน ทุ่มเทกายใจอย่างไร แต่เยียนหรันกลับไม่ใส่ใจ เขาย่อมรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างเหมือนกัน
พูดตามตรง ซูซานหลางยอมรับว่าตนเองเป็คนขี้น้อยใจ
ฉีอันก็มีนิสัยเหมือนกับเขา
"ฉันเป็ช่างทาสี ทาดี๊ดีเก่งยิ่งกว่าใคร..." จู่ๆ เฉียวเยว่ก็ร้องเพลงเสียงดังขึ้นมา
ซูซานหลางถูกนางทำให้ใจนสะดุ้งโหยง "อยู่ดีๆ เหตุใดเ้าถึงร้องเพลงอีกแล้วเล่า?”
"ก็ข้าอารมณ์ดีนี่นา" เฉียวเยว่ยิ้มแย้มแจ่มใส
ยายหนูจอมเสแสร้ง ซูซานหลางแสดงสีหน้าว่าไม่เชื่อ
"เ้าพูดมาให้ข้าฟังซิ มีความคิดพิเรนทร์อันใดอีก"
เฉียวเยว่ยืดอกทันควัน "ข้าเป็เด็กดีที่สุด มิเคยคิดอันใดแผลงๆ เสียหน่อย จริงสิ ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่า่นี้ยุ่งมากเหลือเกิน มิน่าเล่าท่านลุงถึงซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้มากมาย เพราะข้าต้องออกงานเยอะนี่เอง วันนี้ท่านอากลับมา วันมะรืนก็ต้องเข้าวัง...."
ซูซานหลาง "เหอะๆ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้