ขบวนรถม้าของหนิงอ้ายได้มาถึงจุดหมายนั่นคือเมืองหมอกทมิฬได้อย่างปลอดภัยและใช้เวลาเดินทางไปตามที่คาดการณ์ไว้ พวกเขาทั้งหกคนต่างเดินเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองนี้ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานมีชีวิตชีวา การแต่งกายของพวกเขาไม่ต่างไปจากผู้ฝึกตนคนอื่นที่มักจะสวมใส่เสื้อผ้าสีสันไม่โดดเด่นจนเกินไป ทว่ากลิ่นอายความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนระดับสูงที่แผ่ออกมาส่งผลให้ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับกลุ่มเดินทางของพวกเขาเท่าไหร่นัก
อีกไม่กี่วันจากนี้ก็จะถึงกำหนดการณ์ของการเข้าร่วมทดสอบเข้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ในเวลานี้จึงมีผู้ฝึกตนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเมืองหมอกทมิฬนี้อย่างคึกคัก หนิงอ้ายยังอยากเดินชมบรรยากาศอีกสักหน่อยแต่ทางลู่ซีได้เอ่ยเตือนว่าเวลาเที่ยวเล่นยังพอมีอีกหลายวัน สิ่งแรกที่พวกเขาต้องจัดการกันก่อนคือการหาที่พักอาศัย โรงเตี๊ยมส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดสำหรับห้องว่างที่สามารถให้เข้าพักได้นั้นค่อนข้างเต็มหมดแล้ว ดังนั้นกว่าที่พวกเขานั้นจะหาโรงเตี๊ยมสำหรับพวกเขาทั้งหกคนได้เล่นเอาเสียเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว...
ตรงเส้นขอบฟ้าสุดสายตาได้ปรากฏเป็แสงสีทองประกายส้มแห่งดวงอาทิตย์ที่คอยทำหน้าที่ของตนในการขับเคลื่อนให้ทุกสิ่งหมุนเวียนไปตามวัฏจักรวิถีให้เป็ไปตามกระแสแห่งโชคชะตาของแต่ละสิ่งมีชีวิต เสียงของผู้คนมากมายดังขึ้นแว่วลอยมาตามลมส่งเสริมให้บรรยากาศของเช้าวันแรกนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิต
เช้านี้หนิงอ้ายได้ตื่นลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นด้วยเพราะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาถือว่าเป็การนอนหลับที่เต็มอิ่มอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับหลายวันก่อนหน้านี้เริ่มั้แ่ออกจากตระกูลหวังจนมาถึงเมืองหมอกทมิฬแห่งนี้ แม้ว่าทางโรงเตี๊ยมจะมีของอำนวยความสะดวกมากมายจนสามารถเทียบเท่าได้กับจวนของตระกูลชั้นกลาง หนิงอ้ายพอรับรู้มาบ้างว่าการลงทุนเริ่มก่อตั้งสร้างโรงเตี้ยมต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาล แต่ผลตอบแทนช่างคุ้มค่ายิ่งหากมองถึงผลพลอยได้ในระยะยาว
ต้องบอกก่อนว่าในโลกของผู้ฝึกตนนี้ก็มีของวิเศษเฉพาะสำหรับการไว้พักอาศัยได้ไม่ต่างไปจากเรือนสักหนึ่งหลัง แต่มูลค่านับว่ามากมายมหาศาลเป็อย่างยิ่ง ด้วยจำนวนของวิเศษประเภทดังกล่าวที่มีปรากฎอยู่น้อยมากอีกทั้งการจะหาผู้สรรสร้างสักคนหนึ่งในการทำของวิเศษนั้นไม่ใช่เื่ง่ายดายเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาเหล่านี้นั้นจะมักมีนิสัยประหลาดจนเกินไปที่จะสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ดังนั้นแล้วกิจการโรงเตี๊ยมจึงเป็อีกหนึ่งกิจการที่นับได้ว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี
ก่อนที่จะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้หนิงอ้ายไม่รอช้าที่จะอาบน้ำชำระร่างกายของตนให้เรียบร้อย เพราทางเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมได้เตรียมน้ำอุ่นให้เขาในก่อนหน้านี้แล้ว หนิงอ้ายที่คุ้นชินกับการอาบน้ำอย่างน้อยวันละสองครั้ง ทว่ากับการเดินทางที่ผ่านมาไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก ดังนั้นในเช้านี้เขาจึงตั้งใจที่จะอาบน้ำให้ได้นานที่สุดเพื่อชดเชยกับความ้าของตัวเอง
เมื่อเข้าไปถึงห้องอาบน้ำ ไอความร้อนจากอ่างน้ำที่ทำจากไม้แกะสลักงดงามประณีตได้ลอยขึ้นจนเห็นได้ชัด กลิ่นหอมของสมุนไพรที่ถูกผสมอยู่ในอ่างน้ำชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเป็อย่างยิ่ง ใกล้กันนั้นมีแจกันดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกหมู่ตาน (ดอกโบตั๋น) หลากสีทั้งสีขาว สีม่วง สีชมพูและสีเหลืองถูกจัดวางรวมช่อไว้ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วทั้งห้อง ภาพการจัดเตรียมที่ครบครันเช่นนี้ทำเอาหนิงอ้ายยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับการบริการของโรงเตี๊ยมยิ่งนัก ถือได้ว่าช่างเหมาะสมกับราคาพักต่อคืนที่ค่อนข้างจะสูง แต่หากได้รับบริการที่ดีเช่นนี้แล้วตำลึงทองที่เสียไปจะนับว่าเป็อันใดได้กัน...
เมืองหมอกทมิฬนี้เป็เมืองหน้าด่าน ถือได้ว่าเป็เมืองสำคัญที่อยู่ภายใต้การปกครองของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติจะมีนักเดินทางและผู้ฝึกตนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางผ่านและแวะพักผ่อนที่เมืองนี้เป็ปกติ แต่ที่เห็นว่ามีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าในอีกไม่กี่วันนั้นจะถึงกำหนดที่ทางสำนักศึกษาเองจะเปิดให้ผู้ที่ถึงพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเข้าร่วมทดสอบการเข้าทั้งสำนักดังนั้นในตอนนี้เมืองหมอกทมิฬจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองแห่งนี้นั่นเอง
หนิงอ้ายใช้เวลาในการอาบน้ำไปถึงครึ่งชั่วยามนับว่าหนิงอ้ายใช้เวลาดังกล่าวได้อย่างสมใจกันเลยทีเดียว ในวันนี้หนิงอ้ายเลือกที่จะสวมชุดด้านนอกเป็สีเขียวอ่อนปักลวดลายของต้นไผ่สีเขียวดิ้นทองสวยงาม หลังจากที่เขาปลุกสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์สำเร็จตรงจุดกลางระหว่างคิ้วทั้งสองได้ปรากฏเป็สัญลักษณ์เฟิ่งหวงสีแดงขึ้นอยู่เลือนลาง หนิงอ้ายพอคาดเดาได้ว่าหากสายเืของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์เข้มข้นมากกว่านี้สัญลักษณ์ดังกล่าวคงเด่นชัดขึ้นอีกหลายเท่า
สำหรับเส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์นั้นหนิงอ้ายชโลมด้วยเครื่องหอมที่เขาตั้งใจทำขึ้นด้วยตนเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับนางเซียนจิ้งจอกเช่นนี้หากว่าเขาเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงั้แ่ออกเดินทางจากตระกูลหวังแล้วคงไม่แคล้วที่มีปัญหาตามมาเป็แน่ แม้ตอนนี้เขาจะได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะด้วยฐานะเ้าแห่งยุทธภพที่ขึ้นตรงกับวิหารเทพยุทธ์โดยตรงหรือตระกูลหวังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ในตอนนี้
แต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายก็รู้ดีว่ากลุ่มอิทธิพลทั้งที่ปรากฏตัวและหลบซ่อนตัวในมหาทวีปแห่งนี้ย่อมมีตัวตนระดับที่ไม่ธรรมดาซ่อนตัวและคอยหนุนหลัง เขาจึงเลือกที่จะปกปิดรูปลักษณ์ที่่แท้จริงของตนเอาไว้เสียก่อนหากว่าวันหนึ่งเขาสามารถเป็ผู้ฝึกตนระดับสูงที่พร้อมไปด้วยกำลังจากสำนักศึกษาจากวิหารเทพยุทธ์และจากตระกูลหวังเเล้ว เมื่อถึงวันนั้นการปลอมแปลงนี้คงไม่จำเป็อีกต่อไป
สำหรับวิชาปลอมแปลงตัวตนที่ท่านตาหวังจิ่งหลงมอบให้กับเขานั้นมีชื่อว่า กายาพักตร์ทวีอนันต์ อันเป็บทเวทย์ระดับเทวะที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหวัง เป็บทเวทย์ระดับเซียนที่มีความพิศดารล้ำลึกในการใช้เป็อย่างยิ่ง บทเวทย์นี้มุ่งเน้นไปเพียงการปลอมแปลงรูปโฉมของผู้ใช้บทเวทย์ แต่ช่างเหมาะสมกับความ้าของหนิงอ้ายในตอนนี้เป็อย่างยิ่ง
ไม่รอช้าบทเวทย์ระดับเทวะที่ท่านตาหวังจิ่งหลงมอบให้กับเขาได้แสดงอานุภาพในทันที หนิงอ้ายเลือกที่จะใช้ใบหน้าที่แท้จริงของตนในโลกเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยเพราะพวกเขาทั้งสองคนเป็ฝาแฝดจึงมีหน้าตาที่เหมือนกันแต่ทว่าสิ่งที่หายไปในตอนนี้คือเส้นผมสีขาวเงินที่เปลี่ยนเป็สีดำสนิท ใบหน้างามยังมีเค้าโครงเดิมมากกว่าเจ็ดถึงสิบส่วน
หากไม่ใช่สมบัติวิเศษที่มีอำนาจทะลุการปลอมแปลงโดยเฉพาะหรือผู้ฝึกตนระดับเทพ์ขั้นสูงแล้วย่อมไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้อย่างแน่นอน จากนั้นหนิงอ้ายจึงรวบผมด้วยการใช้เพียงผ้าธรรมดาสีขาวมัดเก็บให้เรียบร้อย หนิงอ้ายทำการสำรวจตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าหนิงอ้ายผู้ที่ได้ออกงานสังคมมากมายในโลกเดิมย่อมที่จะดูเเลรูปลักษณ์ของตนให้ออกมาดูดีที่สุด
อีกเพียงสามวันจะถึงกำหนดเข้าร่วมทดสอบเข้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าตนไม่ลืมอะไรแล้วหนิงอ้ายตั้งใจจะไปหาลู่ซีก่อนเพื่อที่จะชวนอีกฝ่ายและเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนไปข้างล่างเพื่อทานมื้อเช้ากัน
"คุณชายเล็กเมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?" หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายนั้นออกจากห้องพักของตนแล้ว
"โรงเตี๊ยมนี้ไม่เลวเลย ถูกใจข้าเป็อย่างยิ่ง..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นหมายความเช่นนั้นจริงๆ ก่อนที่มองไปโดยรอบราวกับกำลังเสาะหาบางอย่าง
"คุณชายลู่ซียังไม่ออกจากห้องพัก อีกทั้งยังฝากแจ้งกับคุณชายเล็กว่าจะเข้าเก็บตัวดูดซับโอสถเลื่อนระดับและประสานร่างกายเข้ากับกระดูกิญญาขอรับ..." เมื่อเห็นท่าทางดังกล่าวหัวหน้าองครักษ์จึงเอ่ยตอบกลับไปอีกครั้ง
"ลู่เกอกำลังเก็บตัวเพื่อเลื่อนระดับเช่นนั้นรึ? ข้าขออวยพรให้ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี..."
"คุณชายเล็กอย่าได้เป็กังวลไปเลยขอรับ ท่านประมุขได้มอบโอสถที่ดีที่สุดให้กับคุณชายใหญ่ อีกทั้งกระดูกิญญาของอสูรราชันย์วานรพันตะทมิฬที่คุณชายเล็กมอบให้ ด้วยเวลาที่เหลืออีกสามวันนับว่าเหมาะกับกับการเก็บตัวในครั้งนี้แล้วขอรับ..."ชายชุดดำอีกคนผู้เป็รองหัวหน้าองครักษ์ตอบกลับไปให้หนิงอ้ายคลายความกังวลใจ
"เช่นนั้นพวกเราไปทานมื้อเช้ากันเถอะวันนี้พวกท่านพักผ่อนให้เต็มที่ไม่ต้องติดตามข้า นี่เป็คำขอร้องหวังว่าพวกท่านจะทำตาม..."หนิงอ้ายรู้ว่าองครักษ์ทั้งสี่คนนั้นต่างมีความยินดีที่จะปกป้องพวกเขาทั้งสองคย
ทว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมานั้นพวกเขาล้วนเหนื่อยล้าไปไม่น้อยหนิงอ้ายจึง้าให้อีกฝ่ายพักผ่อนเพราะเขาตั้งใจเพียงเดินเที่ยวเล่นในเมืองนี้ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดต่างทานมื้อเช้าอย่างไม่เร่งรีบ อาหารของโรงเตี๊ยมนี้นับว่ารสชาติดียิ่ง ขนาดหนิงอ้ายที่ชินรสมือของท่านแม่เยว่ซินของตนแล้วยังรู้สึกว่ารสมือของพ่อครัวแม้ครัวนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
หนิงอ้ายเอ่ยย้ำกับเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนอีกครั้งว่าไม่ต้องติดตามตนออกไปวันนี้ให้พักผ่อนเสีย เมื่อออกจากโรงเตี๊ยมหนิงอ้ายไม่รอช้าเรียกใช้เนตรเเห่ง์ในทันทีเพื่อเปิดประสาทการรับรู้ของสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะที่เขาััได้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่หนิงอ้ายรับรู้ในตอนนี้คือในเมืองหมอกทมิฬเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งประจำการอยู่ สำหรับตัวตนที่เขาััได้ไปทางฝั่งของจวนเ้าเมืองนั้นเป็ถึงระดับเทพยุทธ์คนหนึ่งเลยทีเดียว
อีกทั้งจวนของผู้ปกครองที่สำคัญต่างมีตัวตนระดับราชันหรือเทวะอยู่เป็จำนวนมากทำเอาหนิงอ้ายอดที่จะตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าเมืองหมอกทมิฬนี้หากนับดูแล้ว เป็เพียงเมืองหน้าด่านที่เป็เมืองสุดของเขตแดนในการปกครองของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่มีกลับมีผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งประจำการอยู่หลายคน แล้วกับเมืองชั้นในถัดไปเล่าจะเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัตินี้มากมายเท่าใดกัน
แต่ถึงอย่างไรนั้นหนิงอ้ายก็ไม่สนใจอะไรไปมากกว่านี้และเลือกซื้อของบางอย่างตามที่ตน้า แผงร้านค้าที่ตั้งอยู่เรียงรายที่กล่าวได้ว่าไม่ต่างไปจากตลาดนัดขนาดใหญ่ซึ่งราคาที่วางขายหนิงอ้ายมองว่าเป็ราคาที่จับต้องได้ไม่สูงจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็ของกินของใช้หรือแม้กระทั่งสิ่งของวิเศษระดับต่ำที่ผู้คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้ หนิงอ้ายสังเกตว่ามีรุ่นเยาว์ผู้ฝึกตนที่เลือกเดินจับจ่ายกันอย่างคึกคัก เสียงของพ่อค้าเเม่ค้าทั้งหลายต่างเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าร้านตน หนิงอ้ายได้ยินเสียงเบา ๆ กล่าวกันว่าในปีนี้นับว่ามีผู้เดินทางเข้ามายังเมืองหมอกทมิฬมากที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว
เนตรแห่ง์ได้ให้โชคอันมหาศาลแก่หนิงอ้ายเป็อย่างยิ่ง แน่นอนว่าการได้มาซึ่งสิ่งของที่ล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินได้จากภายนอกเมื่อเจอแผงร้านใดที่น่าสนใจหนิงอ้ายจะเดินเลียบ ๆ เคียงแล้วค่อยซื้อสินค้าในที่สุด บ้างก็ต่อราคาถือว่าเป็สีสันของการใช้เงินแล้วกัน บางชิ้นนั้นที่มีลักษณะภายนอกดูธรรมดาเเต่ความจริงบางชิ้นถึงกับเคยถูกด้วยผู้ฝึกตนระดับสูง หรือแม้กระทั่งสิ่งของต่าง ๆ ที่มีประวัติความเป็มาที่น่าสนใจ หนิงอ้ายจึงเลือกที่ซื้อโดยไม่เสียดายตำลึงเงินในกระเป๋าของตัวเองเลยสักนิด เพราะเงินรางวัลที่ตนได้รับมาจากงานประลองนับว่าเยอะมาก และท่านตายังมอบตำลึงเงินให้อีกมากมายโดยกล่าวเพียงว่าเส้นทางของผู้ฝึกตนนั้นนอกจากต้องอาศัยโชควาสนา์แล้ว เื่ของการสนับสนุนของเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน
หลังจากหนิงอ้ายเดินเล่นและหาของกินอร่อยจนพอใจแล้ว เขาเลือกนั่งพักตรงบริเวณด้านหนึ่งของเมืองหมอกทมิฬที่มีความคล้ายคลึงกับสวนสาธารณะในโลกเดิมของเขา ดอกโบตั๋นหลากสีที่บานสะพรั่งอยู่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาตามลมชวนให้รู้สึกอยากเอนตัวลงนอนไม่น้อยหนิงอ้ายหลับตาซึมซับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกสงบใจนี้อย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้นได้มีภาพในหัวเกิดขึ้นที่ถูกส่งมาจากวิหคสอดแนม เป็ภาพของจากมุมไกล ๆ เนื่องจากว่าสิ้นสุดเขตการรับรู้ของเขาในยามนี้แล้ว หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่สนใจแต่อย่างไรเเล้วนั้นความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะจนได้ ดังนั้นจึงไม่รอช้าทะยานตัวไปด้วยเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ไปในทิศทางดังกล่าวในทันที
แต่เมื่อไปถึงหนิงอ้ายกลับพบเพียงความเสียหายเป็วงกว้างที่เกิดขึ้นโดยรอบ เปลวไฟสีทองดำยังลุกขึ้นติดไปทั่วบริเวณจนหนิงอ้ายต้องใช้ปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ดับลงในที่สุด เมื่อเข้าไปใกล้อีกนิดก็พบร่างไร้ิญญาของผู้ฝึกตนระดับสูงมากถึงห้าถึงหกคนเลยทีเดียวจากััการรับรู้ของเขานั้นทำให้ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่างอยู่ในระดับเทวะทั้งสิ้นนับว่าเป็เื่ที่น่าใไม่น้อยเพราะการที่เ้าเมืองหมอกทมิฬไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเสดงว่าเมื่อครู่นี้บริเวณดังกล่าวคงถูกปกคลุมไปด้วยบทเวทย์เขตแดนระดับสูงเป็แน่
หางตาของหนิงอ้ายพบเห็นเป็อสรพิษตัวน้อยสีดำที่ได้รับาเ็สาหัสอยู่ไม่ไกล จึงทำให้หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าก่อนหน้าที่คงมีการปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกมัน้านี้จะเป็อสูรน้อยตัวนี้แม้จะมีความสงสัยจะมีอยู่เต็มเปี่ยมแต่ชีวิตของอสรพิษน้อยนี้ก็เป็เื่ที่สำคัญมากกว่า หนิงอ้ายไม่ลังเลก่อนที่จะควบคุมปราณธาตุน้ำของตนให้เป็มีดด้ามเล็กกรีดตรงปลายนิ้วและป้อนเืของเขาให้กับอีกฝ่าย ความพิเศษของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหา์คือการที่สายเืภายในร่างกายนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ดังนั้นหนิงอ้ายจึงคิดว่าแม้ในตอนนี้เขาจะเพิ่งปลุกพลังสายเืได้เพียงบางส่วนก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นความพิเศษนี้ย่อมที่จะแอบแฝงอยู่เป็แน่
ไม่กี่อึดใจเท่านั้นหนิงอ้ายััได้ถึงผู้ฝึกตนระดับสูงหลายคนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ดังนั้นหนิงอ้ายจึงไม่รอช้าใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้พุ่งตัวออกไปจากบริเวณนี้ทันที
เมื่อถึงห้องพักของเขาในโรงเตี๊ยมนั้นก็เป็เวลายามเซิแล้ว หนิงอ้ายยังคงอิ่มท้องจาการกินของจากแผงร้านค้าต่าง ๆ เมื่อััได้ว่าทางฝั่งของลู่ซีเองกำลังจะทะลวงคอขวดจากระดับขุนนางิญญาขั้นสูง่ปลายแล้วและพร้อมเข้าสู่เขตขั้นพลังิญญาระดับจักรพรรดิิญญาขั้นสามัญอย่างเต็มเท้าแล้วทุกอย่างเป็ไปได้ดี
หนิงอ้ายดูอาการของอสรพิษตัวน้อยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันกำลังหลับตาอยู่ไม่ขยับตัวหนิงอ้ายก็เข้าใจได้ว่ามันคงกำลังรักษาตัวอยู่ จากนั้นเขาจึงปลีกตัวไปอาบน้ำในทันทีเมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้ว หนิงอ้ายจึงไม่รอช้าที่จะพักผ่อนในทันทีเพราะวันนี้รู้สึกว่าตนนั้นใช้พลังไปเยอะเลยทีเดียว
ตกดึกตอนกลางคืนหนิงอ้ายที่กำลังหลับไหลอยู่บนเตียง ใบหน้างามในยามนอนนั้นได้ปลดการปลอมแปลงไปสิ้น ริมฝีบางได้ยกยิ้มเล็กน้อยชวนให้สงสัยว่าอีกฝ่ายฝันถึงสิ่งใดกันจึงมีความสุขเช่นนี้ เส้นผมสีขาวเงินที่มีบางส่วนหลุดรุ่ยเป็สิ่งที่ทำให้ภาพตรงหน้านี้ไม่ต่างไปจากนางเซียนที่จำแลงกายลงมาหลอกล่อตามเื่เล่านิทานยิ่งนัก
ร่างของอสรพิษสีดำตัวน้อยค่อย ๆ ขยับตัว ดวงตาสีแดงกล่ำลืมตาขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดาได้ ไม่กี่อึดใจตรงด้านข้างของเตียงได้ปรากฏเป็ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำที่ไม่สามารถเห็นใบหน้าด้วยเพราะอีกฝ่ายยืนหันหลังให้กับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ชายชุดดำปริศนาหยิบเส้นผมสีขาวเงินขึ้นมาสูดดมพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
"เสี่ยวไปทู่ตัวน้อยนี่ช่างไม่ระวังตนเสียจริง..."
