ถังเหล่ย้าเจอตี้ชิงก่อน สิ่งแรกที่เขาต้องทำในตอนนี้คือรู้สถานการณ์ของตี้ชิงก่อน หากสามารถปลุกิญญายุทธ์ในร่างของตี้ชิงได้ พลังของตี้ชิงจะเพิ่มมากขึ้น ถึงตอนนั้นผู้าุโก็จะล้มเลิกความคิดที่จะให้ตี้เทียนเซิ่งกลืนกินิญญายุทธ์ของตี้ชิง
แต่ปัญหาในตอนนี้คือตี้เชียนเสวี่ยถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในโรงประมูล ต้องรออีกสองวันจึงจะสามารถออกไปได้ หากถังเหล่ย้าพบตี้ชิงก็ต้องรอถึงสองวัน ในเวลานี้เขาจึงมอบรายการวัตถุดิบหนึ่งชุดให้ตี้เชียนเสวี่ยไปจัดเตรียมให้เขาและสิ่งที่เขา้ามากที่สุดอีกหนึ่งอย่างก็คือหม้อปรุงยา
วัตถุดิบที่ถังเหล่ย้าล้วนอยู่ในตำรายาลับที่ได้มาจากหงเทียนเิ
ตำรายาลับเพียงแค่จดบันทึกการปรุงสมุนไพรเอาไว้เท่านั้น ภายในตำราไม่ได้บอกสรรพคุณของยาที่ปรุง ดังนั้นถังเหล่ยจึงจำเป็ที่จะต้องทดลองก่อน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรุงยาตามตำราที่ได้มาคือต้องใช้แก่นอสูรระดับสี่เป็อย่างต่ำ
ตี้เชียนเสวี่ยรับรายการมา นางไม่รู้แม้กระทั่งมูลค่าของวัตถุดิบ จึงตอบตกลงกลับไปทันที
จากนั้นถังเหล่ยก็นัดกับตี้เชียนเสวี่ยเอาไว้ว่าอีกสองวันให้นางไปหาเขาที่โรงเตี๊ยม หลังจากนั้นทั้งสองจะออกเดินทางไปจวนตี้เหยียนพร้อมกัน ไม่กี่ลมหายใจต่อมาตี้เชียนเสวี่ยก็เดินมาส่งถังเหล่ยที่หน้าประตู หลังจากรอถังเหล่ยจากไป ตี้เชียนเสวี่ยก็เรียกบริกรของโรงประมูลมา
“คุณหนูใหญ่ คุณชายเมื่อครู่คือใครกัน ข้าไม่เคยเจอมาก่อน” บริกรถามอย่างระมัดระวัง
“นั่นไม่ใช่เื่ของเ้า สิ่งที่เ้าต้องทำก็คือไปจัดเตรียมวัตถุดิบตามรายการนี้มาให้ข้า ข้าให้เวลาเ้าหนึ่งวัน” ตี้เชียนเสวี่ยกล่าวอย่างจริงจัง
ทันทีที่บริกรรับรายการมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป วัตถุดิบในรายการที่ตี้เชียนเสวี่ย้านั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ค่าใช้จ่ายของมัน
“ยืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปสิ!” ตี้เชียนเสวี่ยไม่สนอะไรทั้งนั้น นางไม่ให้โอกาสบริกรได้โต้แย้งเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่ตี้เชียนเสวี่ยสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ ทำตามความ้าของถังเหล่ย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเงื่อนไขอะไรนางล้วนตกลงทั้งหมด แม้ว่าเขาจะเป็เพียงผู้ฝึกตนระดับผู้ชำนาญยุทธ์ แต่นางกลับรู้สึกว่าถังเหล่ยสามารถทำได้ทุกอย่าง ในเวลานี้นางฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ถังเหล่ยแล้ว
หลังจากถังเหล่ยกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เขาเรียกบริกรมาเพื่อถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มหลิวกว่าง ในเวลานี้สามคนนั้นยังไม่กลับมา เมื่อเดาจากจากนิสัยของอีกฝ่าย ถังเหล่ยจึงตัดสินใจวางแผนสำรองเอาไว้ หากอีกฝ่ายมีท่าทีว่าจะลงมือเขาจะชิงลงมือก่อนทันที
เวลาผ่านไปสองวันกลับไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น กลุ่มของหลิวกว่างไม่กลับมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ อีกอย่างถังเหล่ยก็แทบจะไม่ได้ออกจากห้องเลย เขาหมกมุ่นอยู่กับการปรุงยาตามตำรายาลับ
ชาติที่แล้วถังเหล่ยเป็ถึงราชันนักปรุงยาที่เก่งกาจที่สุดในโลกตงฮวง เขาเคยเห็นตำรายาลับมานับไม่ถ้วน ตัวเขาเองก็ศึกษายามามากมาย แต่วัตถุดิบที่บันทึกบนตำรายาลับนี้เมื่อปรุงรวมกันแล้วผลลัพธ์ก็ทำให้เขาต้องตกตะลึง ถังเหล่ยคาดเดาว่าตำรายาเล่มนี้เก่าแก่มาก
…
ในเช้าวันที่สามถังเหล่ยเก็บของจนเสร็จ ในเมื่อเขาตัดสินใจจะช่วยตี้ชิง เขาก็ต้องเดินทางไปที่จวนตี้เหยียน แต่เขาก็ไม่ได้ตัดสินใจที่จะจากไปโดยไม่กลับมา ดังนั้นห้องเช่าห้องนี้จึงยังเป็ของเขาอยู่
ถังเหล่ยเดินลงมาจากชั้นบน ทันใดนั้นเขาก็พบกับกลุ่มของหลิวกว่างเดินเข้าประตูโรงเตี๊ยมมาพอดี เรียกได้ว่าโลกกลมยิ่งนัก
เมื่อหลิวกว่างเห็นถังเหล่ยใบหน้าก็เผยความโกรธออกมาทันที สองวันก่อนถังเหล่ยทำให้เขาขายหน้า เขาไม่มีทางปล่อยถังเหล่ยไปแน่
“เ้าหนู คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะกล้ากลับมาที่นี่!” หลิวกว่างเดินไปทางถังเหล่ย
แต่สีหน้าของถังเหล่ยก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย หลิวกว่างไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หากพุ่งเข้ามามีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ แต่ด้านหลังของหลิวกว่างยังมียอดยุทธ์อีกสองคน การสู้หนึ่งต่อสามจึงไม่ใช่เื่ที่ควรทำ
“หยุด! เ้ายังหาเื่ที่นี่ไม่พออีกหรือ!” หวังเจี๋ยยื่นแขนออกมาขวางหลิวกว่างเอาไว้ จากนั้นหวังเจี๋ยก็หันมาจ้องมองถังเหล่ย ถังเหล่ยก็ไม่ได้หลบสายตาของอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“เื่ในวันนั้นศิษย์น้องบอกกับข้าแล้ว ถึงแม้ศิษย์น้องของข้าจะเป็ฝ่ายลงมือก่อน แต่คุณชายก็ไม่น่าพาดพิงถึงนิกายเสิ่นอวี่ของเรา!”
“ศิษย์นิกายเสิ่นอวี่ของพวกเ้าอวดเบ่งไปทั่ว หรือเ้าคิดว่าข้าพูดผิด? จะว่าไปแล้ววันนั้นศิษย์น้องของเ้าอ่อนแอเกินไป ลอบโจมตีข้ายังถูกข้าเอาชนะได้ ช่างน่าสมเพช!” ถังเหล่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
“วันนั้นข้ายังไม่ได้เตรียมตัว ไม่เช่นนั้นข้าคงต่อยเ้าฟันร่วงไปแล้ว!” หลิวกว่างกล่าวด้วยความโกรธ
“เื่ที่น่าสงสารที่สุดในโลกนี้ก็คืออ่อนแอแต่ไม่รู้ตัว เ้าคิดว่าเ้าไม่ได้เตรียมตัว แต่ความจริงแล้วต่อให้เ้าเตรียมตัวมาอย่างดี ผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเดิม” ถังเหล่ยส่ายหัวเบาๆ ราวกับว่ารู้สึกสงสารในความโง่เขลาของหลิวกว่าง
“เ้า!”
หลิวกว่างทนไม่ไหวแล้ว เขาคือผู้ฝึกตนระดับยอดยุทธ์และเป็คนของนิกายเสิ่นอวี่ ยิ่งไปกว่านั้นเื้ัของเขาก็คือผู้าุโเยียนหลิงชวน แต่ในวันนี้เขากลับถูกผู้ชำนาญยุทธ์คนหนึ่งดูถูก ความอัปยศเช่นนี้จะทนไหวได้อย่างไร?
หวังเจี๋ยคาดไม่ถึงว่าถังเหล่ยจะบีบคั้นกันได้ถึงขนาดนี้ เดิมทีคิดจะให้ถังเหล่ยยอมรับผิด ตอนนี้ดูท่าคงเป็ไปไม่ได้แล้ว
“ในเมื่อคุณชายมั่นใจในพลังของตัวเอง ข้าคิดว่าคุณชายควรประลองกับศิษย์น้องของข้าสักหน่อย!”
เมื่อเื่ราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หากไม่ทวงคืนชื่อเสียงกลับมานิกายเสิ่นอวี่ต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามการประลองระหว่างยอดยุทธ์กับผู้ชำนาญยุทธ์ก็ถือว่าเป็เื่น่าอายอยู่แล้ว
ถังเหล่ยยังไม่ทันตอบ เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“ห้ามมีการต่อสู้ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ หากพวกเ้ากล้าก่อเื่ที่นี่ รับรองว่าไม่มีทางเดินออกจากเมืองจิ่วหั่วไปได้แน่!”
เดิมทีเถ้าแก่ผู้นี้จะยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อเห็นสองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน เขาจึงจำเป็จะต้องใช้ไม้แข็ง อย่างไรก็ตามโรงเตี๊ยมไม่ใช่สถานที่ต่อสู้ และคนหนุนหลังของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดาเสียด้วย
“คุณชายหวัง โรงเตี๊ยมแห่งนี้อยู่ภายใต้ความดูแลของตี้เหยียน ต่อให้ท่านคือศิษย์ของนิกายเสิ่นอวี่ก็ไม่มีสิทธิ์ก่อเื่!” เถ้าแก่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับถังเหล่ย ดังนั้นจึงพุ่งเป้าไปที่หวังเจี๋ย
เมื่อหวังเจี๋ยได้ยินชื่อของตี้เหยียนสีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะไว้หน้าตี้เหยียนสักหน่อย แต่ข้ายังไม่ทราบแซ่ของคุณชายท่านนี้เลย เผื่อในอนาคตผู้แซ่หวังจะได้มาขอคำชี้แนะ!”
ท้ายที่สุดการต่อสู้ก็ต้องยุติลง แต่ในอนาคตความแค้นครั้งนี้ต้องได้รับการชำระอย่างแน่นอน
“พวกเ้ายังไม่คู่ควรจะรู้ชื่อของข้า!” ถังเหล่ยเค้นเสียงเย็น จากนั้นตัดสินใจเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมทันที
ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน จากนั้นะโใส่ถังเหล่ย
“ถังเหล่ย เหตุใดเ้าจึงชักช้านัก!”
เอ่อ!
ถังเหล่ยหยุดชะงักทันที คนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่น นางก็คือตี้เชียนเสวี่ย เมื่อเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเห็นตี้เชียนเสวี่ยจึงรีบเรียกคุณหนูใหญ่ แต่นางไม่ได้สนใจเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเลยแม้แต่น้อย นางดึงแขนของถังเหล่ยและกำลังจะจากไป
“ช้าก่อน คุณชายถัง!”
ในขณะที่ถังเหล่ยและตี้เชียนเสวี่ยกำลังจะออกจากประตูก็มีเสียงของหวังเจี๋ยดังขึ้นมาจากด้านหลัง
……