ตำรวจที่นี่เชื่อใจได้ไหม?
ในใจจ้าวอี้สงสัยอย่างมาก
ฮ่องกงเป็สังคมทุนนิยม ซึ่งแตกต่างกับจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวได้ว่าเที่ยงธรรมและเปิดเผย แต่ทุนนิยมส่งผลต่อสังคมในทุกๆ ด้าน
อย่างเช่น เพราะผลกระทบของตระกูลหลี่ ในสถานการณ์ที่หลักฐานยังสรุปไม่ได้ ฉือผิงฮุยยอมที่จะวิ่งรอกเสียดีกว่าไปเรียกร้องคนของบ้านตระกูลหลี่
นี่คือความแตกต่าง
ตัดสินจากวิธีที่ฉือผิงฮุยใช้จัดการคดีนี้ เขาเลือกที่จะไขคดีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และดูหลักฐานที่สมเหตุสมผลที่ปรากฏ จ้าวอี้ไม่เชื่อว่าในใจของเขาไม่มีข้อสงสัย แต่ฉือผิงฮุยยังคงเลือกที่จะเชื่อ ทำให้ในใจของจ้าวอี้เกิดความสงสัยในตัวฉือผิงฮุย
ทั้งหมดนี้ไม่ปกติ
อี้เกอต้องไว้ใจได้แน่ ในรัฐบาลฮ่องกง ตำแหน่งของอี้เกอมีอยู่น้อยมาก คนเช่นเขายากที่จะซื้อได้ด้วยเงิน พวกเขามีความคิดในการควบคุมตนเอง ยากที่จะหวั่นไหวกับสิ่งเร้าภายนอก
จ้าวอี้คิดถึงจุดนี้ก็ถอนหายใจ
ดูแล้ว ผู้ช่วยสองคนที่เขาส่งมาน่าจะเชื่อถือได้
จ้าวอี้ตัดสินใจดูอีกรอบ แม้ว่าจะได้รับหลักฐานแล้ว แต่ก็ต้องเก็บให้พ้นจากคนส่วนใหญ่
มีสมมติฐานหนึ่งในการไขคดี
หากป้าเฉียนมีปัญหา แล้วเธอหลบเลี่ยงบอดี้การ์ดหน้าประตูและเข้าไปในห้องผู้ป่วยได้อย่างไร?
จ้าวอี้ไม่เข้าใจเลย
ถ้าฆาตกรแทนที่ด้วยหลี่เยว่หรู เช่นนั้นถ้าพูดถึง่เวลา หลี่เยว่หรูก็มีช่องว่างอยู่
จ้าวอี้คิดเช่นนี้ เขาเปิดคำให้การของหลี่เยว่หรู
ก็พบข้อสงสัยหนึ่งที่ไม่ใช่ข้อสงสัย
นั่นคือ หลี่เยว่หรูพูดว่าตอนที่เธอเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธออยู่กับหลี่เทียนิ และตามคำให้การของหลี่เทียนิและป้าเฉียน ทั้งสองพูดว่าหลี่เยว่หรูเข้าไปในห้องผู้ป่วยก่อน พวกเขาเข้าไปข้างในตอนได้ยินเสียงะโของหลี่เยว่หรู
มีความแตกต่างของเวลาระหว่างพวกเขาอยู่ ดูเหมือนไม่นาน แต่ยังมีข้อสงสัยอยู่
แต่สมมติฐานแบบนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย
เพราะต้องมีเหตุจูงใจในการก่อคดีเสมอนี่?
หลี่เยว่หรูเป็ผู้สืบทอดที่หลี่ต้าเฮิงแต่งตั้ง อีกทั้งในพินัยกรรมระบุว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ตกเป็ของเธอ หลี่ต้าเฮิงก็นอนป่วยอยู่กับเตียง เขามองโลกในแง่ดีว่าเขายังมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปี หลี่เยว่หรูอาจรอให้ถึงเวลานี้ไม่ไหว? เห็นได้ชัดว่ามันเป็ไปไม่ได้ คนที่มีสติปัญญาปกติไม่กล้าเสี่ยงเพื่อทำเื่ใหญ่ขนาดนี้หรอก
เธอไม่คัดค้านเื่พินัยกรรม เธอมีสิทธิ์ทุกอย่างในบริษัท ในขณะที่อาของหลี่เยว่หรูนั้น แม้ว่าเขาจะได้ถือหุ้น แต่มีสิทธิ์ได้รับแค่เงินปันผลเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าการฆาตกรรมเพื่อเงินนั้น สำหรับหลี่เยว่หรูแล้ว มันไม่มีน้ำหนักมากพอ
จ้าวอี้คิดจนปวดหัว โชคดีที่เขายังได้อะไรมาบ้าง
เมื่อดูนาฬิกา ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว
ผ่านวันอันยุ่งยากมา จ้าวอี้ก็ค่อนข้างเหนื่อยล้า
วันนี้อารมณ์ของเขาค่อนข้างดีทีเดียว แม้จะไม่เจอหลักฐานที่มีน้ำหนักพอจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของโจวเหวินิได้ แต่เขาก็พบข้อสงสัยใหม่ที่ถือเป็ความคืบหน้าอย่างหนึ่ง
เขาซื้ออาหารว่างที่มีขายแค่ในฮ่องกงมาสองชุดจากข้างทาง ชุดหนึ่งคือของเขา อีกชุดเอาไปฝากโจวเหวินิ
เมื่อกลับมาถึงสถานีตำรวจ จ้าวอี้ไปที่ห้องกักตัวชั่วคราว สีหน้าของโจวเหวินิไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก เขานั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น กล่องอาหารบนโต๊ะไม่ขยับเขยื้อน เห็นได้ชัดว่าโจวเหวินิไม่อยากอาหาร
“ผอ.โจว มากินอะไรอุ่นๆ กันเถอะครับ คุณไม่ยอมกินอะไรแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
จ้าวอี้วางอาหารว่างตรงหน้าโจวเหวินิ แล้วตัวเขาเองก็เริ่มกิน
“ขอบใจนะ ฉันไม่ค่อยหิวหรอก แล้วเป็ไงบ้าง? วันนี้มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม? ขอโทษที ฉันก็รู้กฎอยู่หรอก แต่ฉันยังอยากถามดูน่ะ นายพูดเท่าที่พูดได้ละกัน”
สายตาของโจวเหวินิเต็มไปด้วยความคาดหวัง เมื่อเขานึกถึงกฎของการไขคดีแล้ว สีหน้าของเขาก็พลันมืดมนลง เขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของจ้าวอี้กับตัวเขาจะดีถึงขั้นที่สามารถแหกกฎแล้วบอกความจริงกับเขาได้
“วางใจเถอะครับ ผมเจอเบาะแสใหม่แล้ว คุณอาจต้องรออีกสักพัก”
จ้าวอี้ไม่ได้พูดอะไรมากนัก จุดประสงค์ที่เขามาก็คือให้โจวเหวินิผ่อนคลายบ้าง ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็มาด้วยกัน ถ้าจ้าวอี้ไม่ใส่ใจโจวเหวินิเลย แล้วหลังจากนี้หัวหน้ากับลูกน้องจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร? นอกเสียจากจ้าวอี้จะตัดสินได้ว่าโจวเหวินิทำผิดจริง
ถึงอย่างนั้น การมาหาเขาเป็การกระทำปกติ
ตรงจุดนี้ฉือผิงฮุยก็รู้อยู่แก่ใจ เขาไม่ได้ห้ามจ้าวอี้ เพียงแต่ทุกครั้งที่เข้ามา เขาต้องบันทึกการเข้าออกตลอด
เมื่อโจวเหวินิได้ยินจ้าวอี้พูดเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด “นั่นแหละ ครั้งนี้คงต้องพึ่งนายแล้วล่ะ ฉันขอชิมหน่อย ฉันหิวมากๆ เลยเนี่ย”
จิตใจผ่อนคลาย ย่อมเจริญอาหารเป็ธรรมดา
เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ จ้าวอี้ก็ไปทำงานต่อ
“เสี่ยวหลิน พวกนายไปพักก่อนเถอะ ฉันจะดูแฟ้มคดีอีกสักหน่อย”
เสี่ยวหลินคือหนึ่งในสองผู้ช่วยที่อี้เกอหามาให้จ้าวอี้
“ได้เลยพี่จ้าว พี่ก็ต้องพักผ่อนด้วยเหมือนกันนะ”
ในสถานีตำรวจค่อยๆ เงียบลง นอกจากเ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ประจำแล้ว คนที่ทำงานล่วงเวลาก็เหลือไม่กี่คน มีเพียงไฟไม่กี่ดวงที่ยังคงสว่างอยู่
จ้าวอี้อยู่ในห้องทำงานชั่วคราว เนื้อหาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์เฉยๆ
แต่หาข้อมูลที่้าผ่านอินเทอร์เน็ต
หลี่ต้าเฮิงมีชื่อเสียงอย่างมากในฮ่องกง มีข้อมูลเกี่ยวกับเขามากมายอยู่บนอินเทอร์เน็ต จ้าวอี้อ่านเหตุการณ์สำคัญๆ ในชีวิตของเขา แม้ว่าข้อมูลในนี้จะบอกไม่ได้ว่าถูกต้องทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็คุ้มค่าสำหรับใช้ในการอ้างอิง
บนอินเทอร์เน็ตมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับคุณชายรองค่อนข้างมาก ทุกครั้งบทสรุปไม่จบอย่างค้างคาก็ได้เงินชดเชยจากหลี่ต้าเฮิงไป สไตล์ของเขาไม่ต่างกับลูกชายมากนัก แข่งรถ เมาแล้วขับ ทะเลาะวิวาท เป็เสี่ยเลี้ยงดาราสาว และอื่นๆ เกือบทุกประเภทข่าว
ส่วนหลี่เยว่หรูคล้ายจะเป็คนเดียวที่ถูกสรรเสริญ ั้แ่เด็กเธอก็สอบได้อันดับหนึ่งของโรงเรียนอยู่เป็ประจำ รวมถึงอันดับหนึ่งในการแข่งขันต่างๆ นับไม่ถ้วน จนเมื่อเธอกลับมาจากต่างประเทศหลังเรียนจบแล้ว เธอก็เข้าสู่ธุรกิจอาหารของตระกูลหลี่ ผู้คนเริ่มยกย่องเธอว่าเป็คนอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จ ดั่งหงส์เหนือั เป็หนึ่งในผู้สืบทอดรุ่นสองที่ประสบความสำเร็จั้แ่อายุยังน้อย อีกทั้งเธอยังสามารถยกระดับธุรกิจอาหารของตระกูลหลี่ขึ้นมาได้ คำยกย่องประเภทนี้มีมามากมายไม่สิ้นสุด
ข่าวของเธอถือได้ว่าเป็บันทึกพัฒนาการของเทพธิดา ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปหมด
จ้าวอี้นึกขึ้นมาได้ว่า ในงานรำลึกของสองพี่น้องตระกูลหลี่เกิดเื่ติดหนี้พนันขึ้น เื่นี้ดูแล้วไม่ใช่เื่บังเอิญเลย
ข้อมูลที่รวบรวมไว้ในระบบที่ใช้กันภายใน สามารถตรวจสอบได้ถึงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของพนักงาน ภายในธุรกิจอาหารของตระกูลหลี่ที่บุคคลภายนอกไม่สามารถตรวจสอบได้ ท่ามกลางข้อมูลเ่าั้ มีบอดี้การ์ดสองคนของหลี่ต้าเฮิง คืออาหลงและอาหู่ พวกเขาเคยติดตามหลี่เยว่หรูอยู่ไม่ถึงสองเดือน ซึ่งตรงกับสถานการณ์ที่พวกเขาบอกมา
จ้าวอี้กำลังวางแผนการสำหรับพรุ่งนี้ ทันใดนั้น มือถือของเขาก็ดังขึ้น
สายเรียกเข้าเป็เบอร์แปลกในท้องที่
มือถือเครื่องนี้ พวกเพื่อนในกองทัพรู้ เพื่อนร่วมงานทั้งแผนกก็รู้ เขาไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยให้เบอร์โทรศัพท์นี้กับใครก็ตามที่อยู่ในฮ่องกง
กริ๊งๆ...
เสียงเรียกเข้ามือถือดังไม่หยุด
จ้าวอี้คิด ก่อนที่จะเลือกรับสาย
“คุณจ้าวใช่ไหม?”
น้ำเสียงของปลายสายเหลาะแหละอย่างมาก เป็สำเนียงคนในพื้นที่ ฟังไม่คุ้นหู แต่คำแรกที่พูดกลับระบุตัวตนของจ้าวอี้ได้
“ผมเอง ไม่ทราบว่าคุณเป็ใคร? ้าอะไรจากผม?”
จ้าวอี้เปิดบันทึกเสียงไว้ล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้เขาจะไม่ประมาทไม่ได้
“นายท่านยุ่งอยู่ ไม่รู้จักตัวประกอบอย่างผมแน่นอน ผมมีเื่ธุรกิจมาคุยกับนายท่าน”
“พวกเซลล์ขายของเรอะ? ฉันไม่คิดว่าพวกเราจะมีเื่อะไรให้คุยกันหรอกนะ พวกเราไม่รู้จักกันสักหน่อย”
จ้าวอี้คาดเดาอย่างคลุมเครืออยู่ในใจ แต่เขายังไม่มั่นใจเท่าไรนัก
“ฮ่าๆ ไม่ไหลไปตามสายน้ำ เมื่อมีมิตรสหายมากก็ยิ่งมีเส้นสายมาก นี่คงเป็ความมั่งคั่งที่จะส่งให้กับนายท่านได้”
มนุษย์ไหลไปตามสายน้ำ1 ประโยคต่อมาคงจะเป็ พวกเขาจะไม่าเ็ได้จริงหรือ จ้าวอี้เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ นั่นก็คือ ถ้าแกไม่ตกลงกับพวกเรา ไม่แน่ว่าอาจมีคนต้องาเ็ก็เป็ได้
จ้าวอี้จะกลัวคนคนนี้งั้นเหรอ?
ล้อเล่นหรือเปล่า เขาเคยเดินผ่านห่าะุมาก่อนนะ เขาจะสนเื่อันตรายแบบนี้ทำไมกัน
จ้าวอี้รู้สึกถึงโอกาสอันดีเยี่ยม คนคนนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับผู้บงการอยู่เื้ัเป็แน่
“ผลประโยชน์? ผลประโยชน์อะไร? ไหนพูดมาสิ?”
“คุณบอกเลขที่บัญชีของคุณมา แล้วจะมีเงินหนึ่งล้านหยวนถูกโอนเข้าไปทันที เงื่อนไขก็คือ คุณต้องปิดคดีโดยเร็วที่สุด ถ้าคุณปิดคดีในพรุ่งนี้ได้ คุณจะได้รับเพิ่มอีกห้าล้านหยวน เป็ไงล่ะ เงื่อนไขนี้เหมาะกับนายท่านเลยทีเดียว มันง่ายมากๆ”
จ้าวอี้ใอย่างมาก มันคือเงินก้อนใหญ่
เงินหกล้านไม่มีค่าอะไรในสายตาของคนที่รวยจริงๆ แต่เงื่อนไขกลับง่ายอย่างแปลกประหลาด แค่ตนหลับหูหลับตาทำไป มันก็คล้ายจะเป็การหยิบเงินขึ้นมา
จ้าวอี้ไม่ตอบตกลงแน่นอน เขาไม่ได้มีเงินเยอะ แม้เงินเดือนและสวัสดิการทุกอย่างจะเกินหนึ่งหมื่น หากไม่รวมกับเงินเฟ้อ เงินหกล้านหยวนเป็เงินที่เขาต้องใช้เวลาเก็บเกือบยี่สิบปีในแบบที่ต้องอดมื้อกินมื้อ
“โอ้? แล้วพวกเราจะตกลงกันยังไง? นัดสถานที่ไปเจอกันดีกว่า”
จ้าวอี้แสร้งทำเป็สนใจ แต่ในความเป็จริง เขาระวังตัวอย่างมาก
“เมื่อครู่ผมพูดไปแล้วไง คุณแค่บอกเลขที่บัญชีมาก็พอ ผมไม่กล้าพอจะพบหน้านายท่านหรอก”
อีกฝ่ายดูิ่คำขอนัดเจอของจ้าวอี้ ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง
“ผมไม่เห็นด้วยกับการโอนเงินเข้าบัญชีแบบนี้หรอกนะ เล่ห์เหลี่ยมเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะทิ้งอะไรเอาไว้หรือเปล่า? ผมคิดว่า การโอนเงินที่ระบุที่มาไม่ได้ในบัญชีของโจวเหวินิก็เป็ผลงานชิ้นเอกของคุณด้วยสินะ?”
สมองของจ้าวอี้ทำงาน นึกถึงเหตุผลที่ดี ถ้าอีกฝ่ายตกลงตามเงื่อนไขอย่างสัตย์จริง เขาก็ควรเห็นด้วยกับเรา
อีกฝ่ายเงียบไปตามคาด จากนั้นจึงพูด “คุณรอสักครู่...”
จ้าวอี้เดาว่าคนคนนี้คงไม่ใช่คนสั่งการ เป็แค่ลูกกระจ๊อกระดับล่างเท่านั้น คนสั่งการตัวจริงน่าจะเป็ใครสักคน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เป็เวลาเลิกงานแล้ว ไม่อย่างนั้น เวลานานขนาดนี้ คงขอให้แผนกเทคโนโลยีช่วยตามรอยตำแหน่งของอีกฝ่ายแล้ว
หลังจากรออยู่ประมาณสามนาที เสียงก็ดังมาอีกครั้ง “โอเค! คุณออกมาตอนนี้เลย แล้วไปที่วิกตอเรียพาร์ค ห้ามวางสายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ขอเสี่ยงกับคุณ คุณรู้ไหมว่าเราต้องรับความเสี่ยงมากแค่ไหน! เื่นี้เป็ประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และส่งผลเสียกับทั้งสองฝ่าย ผมหวังว่าคุณจะเลือกข้อที่ถูกต้องนะครับ”
“อืม”
ในขณะที่อีกฝ่ายใช้คำพูดคุกคามและหลอกล่อ จ้าวอี้เพียงตอบตกลงหนึ่งคำเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ใกับอำนาจของอีกฝ่าย ฮ่องกงมีคนรวยมากมาย แต่คนที่ควักเงินสดขนาดนี้อย่างสบายๆ เกรงว่าจะมีน้อยมาก
จ้าวอี้เดินออกจากห้องปฏิบัติการ เ้าหน้าที่ตำรวจในห้องปฏิบัติการกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาแสดงท่าทางให้เงียบ แล้วหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาบนโต๊ะทำงาน
เขาเขียนลงไปบนนั้นว่า ใช้มือถือของคุณโทรหาผู้บัญชาการ
เบอร์โทรศัพท์ของผู้บัญชาการติดอยู่บนผนัง เมื่อประชาชนไม่พอใจในตัวเ้าหน้าที่ตำรวจ พวกเขาสามารถโทรไปร้องเรียนได้
เ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้ฉลาดมาก เขาไม่ส่งเสียง แล้วรีบติดต่อผู้บัญชาการทันที เขาวิ่งออกไปด้านนอกและพูดอะไรบางอย่างกับผู้บัญชาการ จากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้จ้าวอี้
ผู้บัญชาการเป็ยอดฝีมือที่มากประสบการณ์อย่างเห็นได้ชัด เขาฟังอย่างเงียบๆ และไม่ได้พูดอะไร
“วิกตอเรียพาร์คอยู่ตรงไหน? ผมไม่คุ้นเคยกับฮ่องกงสักหน่อย เงินสดที่คุณเตรียมมาน่ะ ผมไม่้าธนบัตรใหม่ ขอเป็ธนบัตรเก่าที่เลขไม่ต่อกันได้ไหม ผมก็เสี่ยงไม่น้อยเหมือนกันนะ อย่าเอาเงินในมือคุณมา มันไม่สามารถใช้ได้”
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้จ้าวอี้จงใจกล่าวออกมา ขณะเดียวกัน เขาก็ใช้ปากกาเขียนลงไปบนกระดาษว่า ผมคงต้องยืมมือถือของคุณชั่วคราว เดี๋ยวผมกลับมาแล้วจะคืนให้
เ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้ไม่มีทางปฏิเสธได้แน่นอน
----------------------------------
1 มีความหมายแฝงว่าอยู่ในกลุ่มอันธพาล