ที่แท้ไม่ว่าจะเป็อาจารย์ในสมัยโบราณหรือว่าอาจารย์ในโลกปัจจุบัน ยามเผชิญหน้ากับลูกศิษย์ของตนเองล้วนพูดเหมือนกัน ซ่งอวี้พ่นลมหายใจด้วยความจนปัญญา ทว่านางกลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ั้แ่ซ่งอวี้ฝากตัวเป็ลูกศิษย์ของท่านจ้าว ชีวิตของนางก็ได้รับการเติมเต็มเป็พิเศษ
ไม่รู้ว่าเป็เพราะท่านจ้าวไม่เคยรับใครเป็ลูกศิษย์หรือว่าเพราะเหตุใด เขาใส่ใจกับความก้าวหน้าด้านการเรียนของซ่งอวี้อย่างมาก เห็นได้จาก...
"แม่นางซ่ง นี่คือจดหมายที่ท่านจ้าวสั่งให้ข้านำมาส่ง ทั้งยังให้ข้าบอกกับแม่นางว่าคำถามของแม่นางในจดหมายเมื่อคราวก่อนน้อยเกินไป อย่าหน้าบางเกรงใจที่จะเอ่ยปากถาม ความรู้ที่ได้รับล้วนเป็ของตัวแม่นางเอง อย่าได้กระอักกระอ่วนใจขอรับ" คนตรงหน้าหยิบจดหมายขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ดูจากความหนาของจดหมายแล้ว เกรงว่าจะหนาเท่าตำราหนึ่งเล่มแล้ว
บุรุษผู้นี้คือผู้จัดการโจวที่ร้านยาถงอันส่งมาประสานงานกับซ่งอวี้โดยเฉพาะ เขาคือคนรับผิดชอบส่งสมุนไพรมาให้นางทุกสิบวัน หลังจากนั้นก็นำยาที่แปรรูปเสร็จแล้วกลับไป ไปๆ มาๆ เช่นนี้หลายรอบ เขาจึงสนิทสนมกับซ่งอวี้
บางครั้งยามซ่งอวี้มีของที่้าแต่เกียจคร้านที่จะเข้าไปซื้อในเมือง นางก็จะให้ผู้จัดการโจวช่วยซื้อมาให้ ด้วยเหตุนี้ระหว่างทั้งสองจึงพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
ทางด้านผู้จัดการโจว แม้จะมีร้านยาถงอันคอยเป็ที่พึ่ง แต่เขาก็ไม่ได้ดูแคลนซ่งอวี้ ในทางตรงกันข้ามเขาเคารพและนับถือซ่งอวี้อย่างมาก เพียงเพราะว่าซ่งอวี้ในเวลานี้ถูกท่านจ้าวตีตราสัญลักษณ์แล้ว
มนุษย์กินอาหาร มีหรือที่จะไม่เจ็บป่วย ท่านจ้าวเป็หมอเลื่องชื่อ แม้แต่บรรดาผู้มีอำนาจก็ไม่อาจหนีรอดจากโรคภัยไข้เจ็บ ยามพวกเขาพบเจอท่านจ้าวต้องเกรงใจมากกว่าคนทั่วไป จึงอย่าได้กล่าวถึงผู้จัดการโจวที่เป็เพียงผู้จัดการตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ซ่งอวี้ไม่ได้ให้เขาทำเื่ลำบากใจ เพียงรบกวนให้ทำเื่เล็กๆ เช่นซื้อของใช้ประจำวันและส่งจดหมาย ทางด้านผู้จัดการโจวก็ยินดีที่จะแสดงน้ำใจ
ท่านจ้าวไม่ได้มีนิสัยใจคอเช่นซ่งอวี้ ทุกครั้งที่ได้รับจดหมายตอบกลับจากซ่งอวี้ เขาดีใจยิ่งนัก หลังจากนั้นก็เปิดอ่านทันที แล้วด่าทอผู้จัดการโจวหนึ่งยก
อย่าเข้าใจผิด ท่านจ้าวไม่ได้ด่าทอผู้จัดการโจว แต่ด่าทอซ่งอวี้ให้ผู้จัดการโจวฟัง บอกว่านางทะเยอทะยานเกินตัว ไม่มีจิตใจยึดมั่นในการร่ำเรียน หลังจากนั้นก็บ่นเื่การรักษา พูดร่ายยาวยิ่งนัก
แรกเริ่มผู้จัดการโจวใ ในตอนหลังจนปัญญา กระทั่งเวลานี้หน้าของเขาถึงขั้นไม่เปลี่ยนสี ผู้จัดการโจวก็ลำบากมากเช่นเดียวกัน
หลังจากท่านจ้าวพูดบ่น ความโกรธเคืองก็บรรเทาลงไปมาก จากนั้นเขาเขียนข้อคิดของตนเองโดยอิงจากคำถามที่ซ่งอวี้เขียนมาในจดหมาย แล้วค่อยให้ผู้จัดการโจวส่งไปให้ซ่งอวี้
ดังนั้นเวลานี้การที่ผู้จัดการโจวถือจดหมายของท่านจ้าว ถ่ายทอดความขุ่นเคืองของท่านจ้าว จึงไม่ใช่เื่แปลกแต่อย่างใด
ซ่งอวี้ยิ้มให้ผู้จัดการโจวด้วยความละอาย "เอ่อ...ท่านอย่าเก็บเอาคำพูดของท่านอาจารย์มาใส่ใจเลย เขาเพียงโกรธเคืองที่ข้าไม่ได้ดั่งใจเท่านั้น ข้าเองก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้าท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์จึงเอาความขุ่นเคืองมาระบายกับท่าน"
ทั้งๆ ที่เป็เื่ระหว่างลูกศิษย์กับอาจารย์ แต่ผู้จัดการโจวกลับเข้ามาข้องเกี่ยว ซ่งอวี้จึงรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
ทว่าคิดไม่ถึงว่าผู้จัดการโจวมองนางอยู่นานพักใหญ่ด้วยสีหน้านิ่งเฉย จู่ๆ เขาก็ยกมุมปากขึ้น ยิ้มตาหยีแล้วพูด "แม่นางซ่งอย่าคิดเช่นนี้เลย นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ารู้จักกับท่านจ้าว ข้ารู้ว่าท่านจ้าวด่าทอให้ข้าฟัง ทว่าคนที่ท่านจ้าวด่าคือแม่นาง ข้าย่อมไม่เก็บมาใส่ใจ"
ความเป็จริง ถ้อยคำเ่าั้เมื่อฟังบ่อยเข้าก็เป็เื่สนุก บางครั้งผู้จัดการโจวจงใจยั่วยุ เพียงเพื่อดูว่าท่านจ้าวจะคิดคำศัพท์ใหม่ๆ ได้หรือไม่
สำหรับอาจารย์และลูกศิษย์คู่นี้ น่าสนุกยิ่งนัก
ซ่งอวี้ไม่รู้ตัวเลยว่าตนกลายเป็ ‘ตัวตลก’ ในสายตาของ 'ใครบางคน' เสียแล้ว นางนำสมุนไพรที่แปรรูปเสร็จออกมา "ทั้งหมดนี้คือยาที่ข้าแปรรูปเสร็จ ท่านเอาไปเถอะ แต่ว่า..."
สายตาของนางกวาดผ่านสมุนไพร ยกมุมปากขึ้น พูดอย่างมีเลศนัย "แต่ว่า ปริมาณสมุนไพรที่ส่งมาในครั้งนี้คล้ายจะมากเป็พิเศษ ร้านยาถงอันขายหมดหรือ?"
ั้แ่ฝากตัวเป็ลูกศิษย์ของท่านจ้าว เื่บางเื่ที่อยู่เบื้องหน้าของร้านยาถงอันก็ไม่อาจปิดบังซ่งอวี้ได้แล้ว ซ่งอวี้รู้ดี ร้านยาถงอันคือสำนักแพทย์ลูกโซ่ที่เปิดทั่วเป่ยเฉิน จึงมีความ้าสมุนไพรปริมาณมากเป็ธรรมดา ดังนั้นตอนแรกที่ผู้จัดการโจวส่งสมุนไพรมาสองคันรถ ซ่งอวี้จึงไม่ได้ใและไม่ได้ปฏิเสธ แต่ครั้งนี้กลับส่งสมุนไพรมามากกว่าเดิมหนึ่งเท่า ซ่งอวี้ไม่ใช่คนสะเพร่า นางย่อมเห็นความผิดปกติ
แม้ผู้จัดการโจวและซ่งอวี้จะสนิทสนมกันแต่ก็มีขีดจำกัด สามารถพูดคุยเื่ทั่วไปได้ แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับร้านยาถงอัน เขาก็ทำได้เพียงยิ้มแล้วพูดปฏิเสธ เช่นเดียวกับตอนนี้
"ข้าเป็เพียงผู้จัดการตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เื่ของเ้านายข้าจะรับรู้ได้อย่างไร? นี่คือความ้าของคุณชายน้อย ข้าเองก็เพียงทำตามคำสั่ง แต่หากแม่นางซ่งสงสัย เขียนถามท่านจ้าวก็ได้ขอรับ ท่านจ้าวน่าจะรู้"
คำหมายของเขาคือ ‘ข้าไม่รู้ เ้าถามอาจารย์เ้าเถอะ’
ความเป็จริงซ่งอวี้เพียงแค่ถามเท่านั้น เมื่อเห็นว่าไม่อาจรับรู้เื่ใดจากผู้จัดการโจว นางก็ไม่ได้ถามอีก แค่ว่าตอนที่บรรดานักเรียนยกสมุนไพรลงจากรถ นางก็ถามตามมารยาทเล็กน้อย
เวลานี้บรรดานักเรียนกำลังขนย้ายไป๋จี๋ [1] และจื่อจู [2] สมุนไพรสองชนิดนี้ก็เต็มสองคันรถแล้ว ซ่งอวี้เห็นเช่นนี้จึงเอ่ยถาม "ว่าแต่ ครั้งนี้พวกท่านส่งไป๋จี๋และจื่อจูมามากเช่นนี้ เป็เพราะเกิดภัยพิบัติขึ้น ต้องใช้สมุนไพรเหล่านี้ไปช่วยชีวิตคนหรือ?"
ไป๋จี๋และจื่อจูสมุนไพรจีนสองชนิดนี้ เป็สมุนไพรที่ใช้รักษาแผลภายนอกโดยเฉพาะ มีฤทธิ์ช่วยในการห้ามเืได้ดี แม้ปกติจะมียาสองชนิดนี้ส่งมาด้วย แต่พื้นฐานแล้วปริมาณเท่ากับสมุนไพรอื่นๆ ไม่ได้แตกต่างกัน ทว่าครั้งนี้กลับต่างไปจากเดิม ลำพังเพียงแค่ปริมาณของสมุนไพรสองชนิดนี้ก็เทียบเท่ากับปริมาณของยาสมุนไพรชนิดอื่นๆ รวมกันแล้ว แน่นอนว่าซ่งอวี้ย่อมสงสัย
ผู้จัดการโจวได้ฟัง จึงยิ้มแล้วพูด "น่าแปลกยิ่งนัก พักหลังมานี้หัวหน้าทหารบางส่วนอาศัยวันหยุดออกมาจับจ่ายซื้อของ พวกเขามาซื้อครั้งละถุงใหญ่ ดังนั้นสมุนไพรที่พวกเราเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้จึงไม่พอ จึงเพิ่มงานให้แม่นางเช่นนี้"
หัวหน้าทหารออกมาซื้อยาห้ามเืด้วยตนเอง? ช่างน่าแปลกยิ่งนัก
ซ่งอวี้พูดหยอกล้อ "น่าแปลกจริงๆ เ้าค่ะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าทหารต้องเตรียมยาเอง หรือว่าตอนนี้รับราชการก็ลำบากเช่นเดียวกัน?"
ผู้จัดการโจวไม่สงสัยแต่อย่างใด เล่าสิ่งที่ตนได้ยินมาให้ซ่งอวี้ฟัง "น่าจะลำบากมากกระมัง ข้าได้ยินพ่อค้าที่มาจากเมืองหลวงบอกว่าเมืองหลวงในตอนนี้วุ่นวายยิ่งนัก ทหารและแม่ทัพล้วนถูกตัดเสบียง แม้แต่ทหารใต้บังคับบัญชาก็ยังไม่ได้รับเบี้ยหวัด แต่ละวันล้วนกินไม่อิ่มท้อง ด้วยเหตุนี้เื่จึงไปถึงเมืองหลวง ร้องเรียงอัครมหาเสนาบดีจางต่อฝ่าา บอกว่าเขาลักลอบเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเอง เก็บเสบียงที่ต้องส่งให้ทหารเอาไว้ใช้เอง"
"เดิมทีเื่โสมมเช่นนี้ควรจะถูกปิดเอาไว้ ทว่าไม่รู้ผู้ใดป่าวประกาศออกมา เวลานี้คาดว่าคนทั่วทั้งเป่ยเฉินน่าจะรู้กันหมดแล้วกระมัง"
คนทราบเื่นี้กันถ้วนหน้า มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ผู้จัดการโจวมองว่าเป็เื่ทั่วไปจึงเล่าให้ซ่งอวี้ฟัง แค่ว่า ซ่งอวี้มาจากโลกยุคปัจจุบัน ความคิดของนางแตกต่างจากคนทั่วไป สัญชาตญาณของนางบอกว่า ดูเหมือนโลกนี้จะไม่สงบสุขแล้ว
เชิงอรรถ
[1] ไป๋จี๋ หมายถึง สมุนไพรชนิดหนึ่งมีสรรพคุณช่วยในการห้ามเื ลดบวมและช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่
[2] จื่อจู หมายถึง สมุนไพรชนิดหนึ่งมีสรรพคุณช่วยในการห้ามเื รักษาาแจากงูกัด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้