“พี่สะใภ้เสียวเหม่ย ท่านย่าของข้ามีวันนี้เพราะกรรมตามสนองนาง คนน่าสงสารมักจะมีเหตุผลแอบแฝงเสมอเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนพูดขัดหญิงสาวออกเรือนนางนั้น ที่ขอร้องแทนย่าชั่วร้าย พวกนางมองเห็นเพียงโฉมหน้าน่าสงสารของเกาซื่อ แต่มิเคยเห็นโฉมหน้าเลวร้ายของนางเลย
ตอนที่นางกับท่านอาเขยเล็กเอ่ยขอตัดขาดความสัมพันธ์ คนพวกนี้จะเข้าข้างย่าชั่วก็เป็เื่ที่ช่วยมิได้ พ่อแม่เลี้ยงดูลูก เพื่อให้ลูกเลี้ยงดูตนเองยามแก่ชรา เป็วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาั้แ่สมัยโบราณ แต่เลี้ยงลูกเอาไว้หวังพึ่งยามแก่ชราก็ต้องรู้จักแยกแยะด้วย เช่นลูกชายอย่างพ่อเฮงซวยของนาง เขากตัญญูรู้คุณแม่ที่ใดกัน เขามิทำให้เกาซื่อเดือดร้อนก็ถือว่าดีมากแล้ว
เฮ้อ!การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่สำคัญอย่างยิ่ง ย่าชั่วร้ายเลี้ยงดูพ่อเฮงซวยเอง เช่นนั้นเขาจึงกลายเป็คนเห็นแก่ตัว ส่วนท่านอาเล็ก ท่านปู่เป็ผู้เลี้ยงนาง นางจึงเดินตามรอยของท่านปู่
หากต้องให้ค่าเลี้ยงดูจริงๆ ก็ควรให้ท่านปู่ของนาง
“น้องเซวียนเซวียน ข้ามิมีความหมายอื่น ข้าเพียงรู้สึกว่าท่านย่าของเ้าน่าสงสาร ถึงได้แนะนำเ้าเช่นนั้น” สตรีที่มีนามว่าเสียวเหม่ยก็คือเจิ้งเหม่ย ภรรยาของพี่ชายวัยกลางคนในรุ่นเดียวกัน นางแต่งเข้ามาจากต่างอำเภอ เป็สตรีร้ายกาจ ปากร้าย ชื่อเสียงโด่งดังในหมู่บ้านสกุลซย่า หากผู้ใดหาเื่นาง คนผู้นั้นมักจะมิมีจุดจบที่ดี
แม่สามีของนางเป็สตรีชาวไร่ที่มีปัญหาทางจิต ดูแลตนเองมิได้ เจิ้งเหม่ยเคยทำร้ายนางอยู่หลายหน จะว่าไปแล้วก็แปลก แม้ป้าสะใภ้ผู้นั้นจะมีสติปัญญาบกพร่อง แต่ทำงานเก่งยิ่งนัก งานในบ้านเกือบทั้งหมด นางก็ทำเองเพียงผู้เดียว
“เสียวเหม่ย พวกเ้ามิรู้สถานการณ์ของเซวียนเซวียนก็อย่าพูดพล่อยๆ” เจิ้งเหม่ยจะพูดบางอย่าง แต่นางถูกสวี่ติ้งหรงพูดขัดเสียก่อน
“หูเหยียนซู เ้ามิได้มีเงินมากมายหรอกหรือ เงินเพียงหนึ่งพันตำลึง เ้าคงควักออกมาได้กระมัง!” เมื่อเกาซื่อเห็นว่าคนผู้เดียวที่สนับสนุนนางถูกจิ่นเซวียนปราบ ในใจของนางก็รู้สึกมิยินยอมนัก นางจึงใช้วิธียั่วยุ เพื่อกระตุ้นหูเหยียนซู หูเหยียนซูจึงหัวเราะเยาะเกาซื่อกลับ
“เงินหนึ่งพันตำลึง ข้ามิสนใจหรอก เ้าจะมิเขียนหนังสือตัดขาดก็ย่อมได้ อย่างไรข้าก็มิคิดจะฟังเ้าอยู่แล้ว หากเ้ากล้ามาก่อเื่ในบ้านของข้าอีก ข้าเจอเ้าเมื่อใด ข้าจะลงไม้ลงมือกับเ้าเมื่อนั้น”
“……เ้ามันอกตัญญูต่อพ่อแม่……” เกาซื่อโกรธจนกระทืบเท้า ลูกเขยมิเหมือนลูกชาย และลูกสาวที่แต่งออกก็กลายเป็ลูกของผู้อื่นแล้ว จัดการได้ยากยิ่งนัก เมื่อก่อนนางอาศัยความสัมพันธ์เครือญาติ ไปหยิบของจากบ้านของหูเหยียนซูบ่อยๆ หูเหยียนซูมิกล้าว่านางแม้แต่คำเดียว แต่จากนี้นางคงฉกฉวยของได้ยากขึ้นแล้ว
หลี่เจิ้งบังคับนาง ชาวบ้านก็บังคับนาง นางมิรู้จริงๆ ว่าควรทำอย่างไร
“ท่านอาเล็ก พวกเราไปบ้านท่านกันดีกว่า ดูท่าทางท่านย่าคงจะมิต้อนรับข้าเ้าค่ะ” จิ่นเซวียนรู้ว่าการตัดขาดความสัมพันธ์มิใช่เื่ง่าย ต่อให้มีหัวหน้าตระกูล แต่หากพ่อเฮงซวยของนางมิตกลง ย่อมมิมีความหวัง
“หยุดก่อน พวกเ้าส่งของขวัญคารวะพ่อแม่มาก่อน พวกเ้าถึงจะไปได้” จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินหันหลังจะเดินออกจากบ้านซย่า แต่พวกเขาถูกคำพูดของเกาซื่อหยุดไว้
“ครอบครัวของพวกเรายากจนยิ่งนัก มิมีของขวัญให้ท่านหรอกเ้าค่ะ” หากมิติดที่ทุกคนยังอยู่ในลานบ้าน จิ่นเซวียนคงตบหน้าย่าชั่วร้ายไปนานแล้ว
นับแต่นี้ นางจะมิยอมเสียค่าของขวัญแม้แต่อีแปะเดียวให้เกาซื่อ
“ท่านลุงหัวหน้าตระกูล ท่านแม่ของข้าอายุมากแล้ว หากให้นางกลับบ้านเกา บ้านเกาก็คงมิยอมรับนาง หลานขอร้อง ท่านให้โอกาสนางสักหนเถิดขอรับ” ซย่าหลี่จวินคุกเข่าขอร้องให้ซย่าหลี่เจิ้งละเว้นเกาซื่อ แม้เขาจะมิ้าแม่เช่นนี้ แต่จะทำอย่างไรได้ เวลานี้นางเป็แม่ของเขา
“ช่างเถิด ข้าจะให้โอกาสนางอีกหน” ซย่าหลี่เจิ้งมองจิ่นเซวียน เมื่อเขาเห็นนางพยักหน้า เขาจึงตัดสินใจให้โอกาสเกาซื่อ
“ขอบคุณท่านลุงหัวหน้าตระกูลขอรับ” เมื่อคำขอร้องของซย่าหลี่จวินได้รับการยินยอม เขาก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด
“เซวียนเซวียน ตอนที่ท่านย่าของเ้ายังสาว นางลำบากมามาก เ้าอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย จากนี้เ้าก็อยู่กับจื่อเฉินดีๆ ที่บ้านซย่ายังมีข้าอยู่” ซย่าหลี่จวินลุกขึ้นจากพื้นและหันมามองจิ่นเซวียน คำสัญญาของเขาช่างไร้ค่าสำหรับนาง
“ท่านพ่อ ในเมื่อท่านรู้ว่าท่านย่าป่วย ท่านก็ดูแลนางให้ดี อย่าให้โรคของนางกำเริบอีกนะเ้าคะ” จิ่นเซวียนจงใจเน้นว่าเกาซื่อป่วย เพราะอยากเตือนพ่อเฮงซวย หากมีหนหน้า นางจะมิมีวันอภัยให้เกาซื่ออีก
“เซวียนเซวียน ข้าสัญญากับเ้า จะมิมีหนต่อไปแน่” เกาซื่อเองก็สัญญากับจิ่นเซวียนเช่นกัน จิ่นเซวียนตอบรับและมิพูดสิ่งใดกับนางอีก
“เซวียนเซวียน!” หยวนเฉิงหู่มาตอนที่จิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินกำลังจะออกไปจากบ้านซย่า เขายืนยิ้มแย้มมองจิ่นเซวียนอยู่ตรงประตู
บุรุษผู้นี้เป็ผู้ใดกัน สายตาที่เขาใช้มองภรรยาตัวน้อยนั้นอ่อนโยนเกินไป และรู้สึกได้ว่าบุรุษผู้นี้จะตั้งตัวเป็ศัตรูกับเขาด้วย
“ภรรยา เขาคือผู้ใดหรือ” ซ่งจื่อเฉินหลุดปากถามจิ่นเซวียน จิ่นเซวียนบอกกับเขาว่าหยวนเฉิงหู่คือหลานชายของหยวนซื่อ
“เซวียนเซวียน วันที่เ้าแต่งงาน ข้ามิได้มาดื่มสุรามงคลในงานด้วยตนเอง ข้าขอโทษด้วย” หยวนเฉิงหู่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หยวนเฉิงหู่มา มีงิ้วสนุกๆ ให้พวกเราดูแล้ว หยวนเฉิงหู่นั่นชอบนังสารเลวมาตลอดเลยมิใช่หรือ” ซย่าเผิงเฟยเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา เมื่อเห็นหยวนเฉิงหู่
“พี่รอง คนรักเก่าของนางสารเลวอยู่ที่นี่ พวกเราควรเตือนไอง่อยนั่นหรือไม่” ซย่าเผิงเฟยเดินเข้าไปหาซย่าจิ่นอวิ๋น เขาลดเสียงถามความเห็นของนางด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์
“อย่า อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม” ซย่าจิ่นอวิ๋นกลัวจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น นางจึงรีบห้ามน้องชาย
“ท่านขี้ขลาดเสียจริง เื่ที่หยวนเฉิงหู่ชอบนางสารเลวเป็ความจริง พวกเรามิได้โกหกเสียหน่อย” เสียงของเผิงเฟยมิดังมิเบา อย่าว่าแต่ซ่งจื่อเฉินเลย คนในลานบ้านซย่าล้วนได้ยินกันหมด
เขาจิตใจคับแคบ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ
“พี่อาหู่ ท่านมาหาพี่สาวของข้าหรือ?” ซย่าเผิงเฟยมองหยวนเฉิงหู่ด้วยรอยยิ้มปิติยินดี เขาหวังให้หยวนเฉิงหู่ตอบกลับมาว่าใช่
“ใช่แล้ว ข้ามาแสดงความยินดีกับนาง ข้าได้ยินว่าสามีของนางหายดีแล้ว ข้าดีใจแทนนางจริงๆ”
“ยังเป็พี่อาหู่ที่รักพี่สาวของข้าที่สุด ตอนที่พี่สาวยังอยู่ที่บ้านเดิม พี่อาหู่อยากพบพี่สาวของข้าแทบจะทุกวันเลยขอรับ” ซย่าเผิงเฟยพูดจากระฉับกระเฉงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่พูด เขาจงใจลอบมองซ่งจื่อเฉิน เพื่อดูว่าซ่งจื่อเฉินจะหึงหวงหรือไม่
“เด็กเผิงเฟยจะสื่อว่าอย่างไร?” สวี่ติ้งหรงบ่นพึมพำอย่างมิพอใจ จินซื่อที่ยืนอยู่ข้างกายของนางเอ่ยตอบเสียงแ่เบา “จะหมายความว่าอย่างไรได้อีก เขาจงใจกลั่นแกล้งเซวียนเซวียนแน่”
“ท่านอาสะใภ้เล็ก ท่านอาสะใภ้ห้า พวกท่านมิต้องกังวล หากซ่งจื่อเฉินมิมีแม้กระทั่งความเชื่อใจในตัวเซวียนเซวียน ข้าคงมิให้เซวียนเซวียนอยู่กับเขาเ้าค่ะ” ซย่าชุนอวิ๋นเชื่อว่าซ่งจื่อเฉินมิโง่
ท่านอาเล็กของภรรยา รักภรรยาตัวน้อยของเขาจริงๆ หากเขารังแกจิ่นเซวียน เดาได้เลยว่าซย่าชุนอวิ๋นจะต่อต้านเขาสุดชีวิต
“ท่านอาเล็ก ข้าจำสัญญาที่เคยให้ไว้กับท่านได้เสมอขอรับ ได้โปรดเชื่อใจข้า ข้าจะปกป้องเซวียนเซวียนด้วยชีวิต ผู้อื่นจะพูดอย่างไร ข้ามิสนใจขอรับ” ซ่งจื่อเฉินมิเคยนับหยวนเฉิงหู่เป็คู่แข่งด้านความรัก เขาพูดเช่นนี้มิเพียงปิดปากของซย่าเผิงเฟย แต่ยังสามารถโจมตีหยวนเฉิงหู่ได้ในระดับหนึ่ง
“จื่อเฉิน เซวียนเซวียน นานๆ พวกเ้าจะกลับมา เที่ยงวันนี้ไปทานข้าวที่บ้านของข้าเถิด ข้าจะรีบไปทำอาหารไว้รอพวกเ้า” สวี่ติ้งหรงยิ้มแย้ม และเอ่ยเชิญชวนจิ่นเซวียนกับซ่งจื่อเฉินไปทานข้าวที่บ้านของนาง เกาซื่อที่เวลานี้ยังมิได้ตักตวงผลประโยชน์จากจิ่นเซวียนรู้สึกมิค่อยยินยอมนัก
“คนบ้านเม่าหลิน เซวียนเซวียนคือหลานสาวของข้า เ้าพานางไปเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร?”
