ทุ่งหญ้ากว้าง
ลำธารสายน้อย
แสงอรุณในยามเช้า
เด็กหนุ่มและทารก
การรวมตัวกันของสิ่งเหล่านี้ดูแล้วก็พิลึกไม่น้อย
ปีนี้เหมันต์มาเยือนไวกว่าปีที่ผ่านมานัก เหล่าเ้าของสัตว์ก็ล้วนต้อนสัตว์ของตนกลับไปั้แ่เนิ่นๆ แล้ว ทำให้ทุ่งหญ้าแทบจะปราศจากร่องรอยของมนุษย์ คงมีเพียงคาราวานพ่อค้าที่มิอาจเลี่ยงการเดินทางผ่านเส้นทางนี้ และกลุ่มโจรที่ดักซุ่มรอชิงทรัพย์ของเหล่าพ่อค้า นอกจากนั้นก็คงจะมีแค่ฝูงหมาป่าที่ยังคงรั้งอยู่กลางทุ่งหญ้าแห่งนี้
การที่เด็กน้อยอยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวกลางทุ่งหญ้าเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้พบเห็นอดใไม่ได้
“ฝีมือไม่เลว” ชายที่ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าของกลุ่มคนทั้งหกเอ่ยปากชม
คิ้วซ้ายบนใบหน้าของชายคนนี้บากหายไปราวกับว่าถูกโกนทิ้งไปกว่าครึ่ง ซ้ำทั้งร่างกายยังดูไม่ค่อยสมส่วน มองไปก็แปลกตาไม่น้อย
เมื่ออาลู่เห็นรูปร่างของเขาเต็มตา ใบหน้าของเด็กหนุ่มก็พลันเปลี่ยนเป็ไร้สีเื
เื่ราวของกลุ่มโจรบนทุ่งหญ้าเป็เื่ราวที่เด็กๆ ทุกคนที่เติบโตบนผืนทุ่งหญ้าแห่งนี้ล้วนคุ้นเคย ยามเด็กน้อยร้องไห้กระจองอแง เหล่าพ่อแม่ก็มักจะนำเื่ของกลุ่มโจรนี้มาขู่เสียจนเด็กๆ ไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากร้องต่อ
เด็กหนุ่มคาดเดาว่าชายตรงหน้าตนนี้น่าจะเป็ผู้ดูแลรุ่นที่สาม นายท่านสามที่ผู้คนเล่าขานกัน
“ที่แท้ไอ้ลูกหมานี่ยังมีทารกอยู่กับมันอีกคน นายท่านสาม ข้าว่าประเดี๋ยวให้ข้าไปลงมือปลิดชีพมันเสีย แล้วเราค่อยเอาเนื้อพวกมันมาทำเนื้อแห้ง ดูท่าเนื้อมันคงนุ่มไม่เบา ฤดูหนาวนี้เห็นทีพวกเราคงลำบากแน่ ไม่สู้เร่งสะสมเสบียงไว้เสียแต่เนิ่นๆ ดีหรือไม่?” ข้างชายคิ้วบากยังมีชายร่างผอมแห้งอีกคนยืนอยู่ แววตาของชายร่างผอมจับจ้องเด็กหนุ่มและทารกน้อยในมือไม่วางตา พร้อมทั้งเสนอแผนการด้วยความเบิกบาน
สิ้นเสียงชายร่างผอม คิ้วที่เหลือเพียงครึ่งเดียวของนายท่านสามพลันยกขึ้น
“ข้าเลี้ยงม้าได้ เลี้ยงสัตว์ก็ได้ พวกท่านโปรดไว้ชีวิตข้าเถิด ข้ายอมกินข้าวแค่วันละมื้อ ขอแค่อาหารสักเล็กน้อยให้น้องสาวข้าก็พอ” อาลู่กอดน้องสาวตัวน้อยแน่น ปากวิงวอนขอความเมตตาอย่างสุดกำลัง ทว่าหางตาของเขายังคงเหลือบมองโดยรอบเพื่อคิดหาทางหนีให้กับตนและน้องสาว
ถึงกระนั้นแม้การกระทำของเด็กหนุ่มจะแยบยลเพียงใด ทว่าก็มิอาจเล็ดลอดสายตาของเหล่าโจรผู้ปล้นสะดมคนเป็อาชีพไปได้
นายท่านสามกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดลง คิ้วที่เหลือเพียงครึ่งขมวดมุ่น ก่อนจะออกคำสั่ง “เอาตัวไป.....แบบมีชีวิต”
สิ้นคำสั่งของนายท่านสาม ชายร่างผอมพลันไม่สบอารมณ์ เดิมทีเขากะจะยิงธนูใส่เด็กหนุ่มซ้ำอีกสักดอก ทว่าเขาก็มิอาจละเลยคำสั่งไปได้ ได้แต่โยนเชือกให้เด็กหนุ่มแล้วออกคำสั่ง “มัดตัวเองเสีย แล้วเดินตามมา”
“ข้าไม่หนีหรอก ข้าอยากอุ้มน้องสาวข้า หากมัดมือข้าแล้ว เดินๆ ไปเจอทางลำบากเข้า ข้าจะสร้างภาระแก่พวกท่านเสียเปล่าๆ” อาลู่ออกปากแย้ง
ชายร่างผอมได้ยินดังนั้นก็ง้างมือเตรียมฟาดแส้ใส่เด็กหนุ่ม ในใจคิดว่าเด็กหนุ่มปากมากเกินไป จึงกล้าที่จะลงมือ ทว่าเมื่อเขาแหงนหน้าไปสบกับแววตาของนายท่านสาม แส้ในมือก็จำต้องลดต่ำลง
บนทุ่งหญ้ากว้างปรากฏเป็คนกลุ่มหนึ่งกำลังห้อตะบึงม้าราวกับบิน ปลายขบวนมีเด็กหนุ่มและห่อผ้าอ้อมในอ้อมกอดวิ่งตามอยู่
ชายร่างผอมราวกับก้างปลาถลึงตาใส่นายท่านสามสองครั้ง ก่อนจะจงใจควบม้าให้ไวดุจบินเสียยิ่งกว่าเดิม เพื่อรอให้เด็กหนุ่มสบโอกาสหนี ก่อนที่ตนจะได้ยิงธนูใส่เ้าเด็กนั่นสักดอก หรืออย่างน้อยก็รอให้มันหมดแรง เขาก็จะได้แถมให้มันอีกสักดอกเช่นกัน ทว่าควบม้ามาเสียตั้งนาน เด็กนั่นก็ยังคงรั้งอยู่ท้ายขบวนเหมือนเดิม ระยะห่างเช่นนี้ไกลเกินกว่าเขาจะยิงถึง
ร่างผอมราวกับก้างปลาโกรธจนแทบจะเต้นผาง เพราะอีกไม่ไกลก็จะเป็เส้นทางขรุขระแล้ว ซ้ำยังใกล้จะถึงค่ายแล้วเช่นกัน เช่นนี้เขาก็มิอาจจัดการเ้าลูกหมานั่นได้อีก
ค่ายที่ว่านี้ตั้งอยู่บนเขา มีเส้นทางการเดินทางเข้าออกเพียงทางเดียว ขนาดความกว้างของเส้นทางก็พอแค่ให้คนขี่ม้าคนเดียวผ่านได้เท่านั้น มิหนำซ้ำหากผู้เดินทางเผลอไผลไม่ระวังตัวก็อาจตกจากหน้าผาสู่เหวไร้ก้นที่รออยู่เบื้องล่างได้
อาลู่แบกน้องสาวไว้บนหลัง แม้จะรู้สึกว่าการวิ่งตามอยู่เช่นนี้เปลืองแรงไม่น้อย แต่เขาก็มิกล้าหยุดวิ่ง เพราะรู้ดีว่าหากเขาจงใจวิ่งช้าลงแม้เพียงเล็กน้อย ย่อมมีผู้ยินดีมอบความตายให้เขาเป็แน่
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นว่าทางเข้าค่ายนั้นแท้จริงแล้วตั้งอยู่บนูเากระดูก เขาก็แทบจะระงับความใไว้ไม่อยู่ เด็กหนุ่มหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความยากลำบาก ก่อนจะเดินตามปลายขบวนไปช้าๆ
บัดนี้รองเท้าที่เด็กหนุ่มเคยสวมใส่ก็หายไปขณะกำลังวิ่งตามขบวนเสียแล้ว ซ้ำเท้าของเขาที่เมื่อวานเคยปวดทรมาน วันนี้กลับยิ่งปวดกว่าเมื่อวานเสียอีก แต่เมื่อคิดว่าบนหลังตนยังมีน้องสาวอยู่อีกคน เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ได้แต่เดินหน้าตามขบวนต่อไป
ยามเดินเด็กหนุ่มระมัดระวังเป็อย่างมาก เพราะเส้นทางสายนี้ไม่เพียงแต่จะขรุขระเดินยาก หากแต่ไม่ระวังก็อาจเหยียบถูกกระดูกแหลมสักชิ้นสองชิ้นก็ได้
มีกระดูกมือ กระดูกขา กระทั่งกะโหลก กระดูกเหล่านี้ล้วนเป็ของมนุษย์ทั้งสิ้น
เมื่อเดินทางบนถนนเส้นนี้ เหล่าโจรหนุ่มล้วนเปลี่ยนเป็เชื่องช้า แม้ชายร่างก้างปลาก็มิกล้าสร้างปัญหาใด กล่าวได้ว่าการเดินทางบนเส้นทางที่แสนอึดอัดเส้นนี้ กระทั่งม้าแต่ละตัวก็ล้วนก้มหัวเดินเรียงแถวมุ่งไปข้างหน้าอย่างว่าง่าย
อาลู่เกิดความรู้สึกประหลาด
เขาไม่เพียงรู้สึกไม่อ่อนแรงยามเดินบนทางสายนี้ ทว่าแรงที่เคยเหือดหายไปก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมาเช่นกัน มีเพียงความรู้สึกว่าทารกน้อยบนหลังตนนั้นเปลี่ยนเป็หนักขึ้น ราวกับเขากำลังแบกหินก้อนใหญ่ก็ไม่ปาน
ลมเอื่อยๆ พัดผ่านเบาๆ
อาลู่อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง พบว่าเื้ัของตนนั้นมีเพียงแต่ความเวิ้งว้าง และเส้นทางที่ปูไปด้วยกระดูกมนุษย์สายหนึ่ง
อาลู่พลันหันกลับมามองเส้นทางด้านหน้าต่อ
ไม่นานนักก็ถึงยอดเขา ที่นี่มีทั้งูเาหิมะ หญ้าเขียวขจี และแสงแดดรำไร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกระดูกกองสุมสูงราวกับูเา ยามแสงแดดตกกระทบ กระดูกเหล่านี้ก็ดูขาวแวววาวราวกับเพิ่งถูกนำมากองไว้