เนื่องจากเฉียวเยว่เก่งเื่ "คิดเองตัดสินใจเอง" และชอบ "มโนสร้างภาพในสมอง" ซูซานหลางจึงไม่กล้าให้นางไปงานเลี้ยงของเรือนใหญ่
ส่วนเื่เดินทางไปไหว้พระของสองแฝดพี่น้องก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้ความปรานีเช่นกัน
เฉียวเยว่อารมณ์ไม่ดีสักนิด เข้านอนแต่หัวค่ำโดยไม่สนใจใครอื่น
เพียงแต่นอนเร็วก็ตื่นเช้า ท้องฟ้าเพิ่งมีแสงรำไร เฉียวเยว่ซึ่งยังสะลึมสะลือก็รู้สึกคล้ายว่ามีคนบีบก้นน้อยๆ ของตนเองอยู่
เฉียวเยว่ะเิเปรี๊ยะด้วยความโกรธ มารดาเถอะ คนโรคจิตจากไหนกันเนี่ย?
ขาอวบอ้วนน้อยๆ ถีบออกไป
ไท่ไท่สามตบก้นของนาง พลางเอ่ยว่า "เ้าเด็กคนนี้ ขนาดนอนก็ยังไม่เรียบร้อย"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่กลับดึงผ้าห่มผืนน้อยลงมาให้นาง เฉียวเยว่ เฉียวเยว่สวมชุดนอนสีขาวพระจันทร์ ดวงหน้าน้อยอมชมพูซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม น่ารักน่าเอ็นดูอย่างยิ่ง
ได้ยินเสียงของมารดา เฉียวเยว่ก็ลืมตาอย่างสะลึมสะลือ เสียงของเด็กน้อยก็เอ่ยถาม "ท่านแม่ กลับมาแล้วหรือ?"
แต่พอย้อนคิดอีกที มารดาออกไปกินของอร่อยไม่พานางไปด้วย ดวงหน้าเล็กจ้อยก็พลันบึ้งตึง "ท่านแม่ใจร้าย"
ไท่ไท่สามไหนเลยจะไม่รู้นิสัยของบุตรสาวคนเล็กของตนเอง นางทอยิ้มน้อยๆ "ข้าคุยกับบิดาของเ้าแล้ว"
เฉียวเยว่ขยี้ตาลุกขึ้นมานั่ง ใช้น้ำเสียงฉอเลาะ "เื่อันใดหรือ?"
สมองยังมึนงงอยู่บ้างเล็กน้อย
ไท่ไท่สามตอบ "ข้าบอกกับบิดาเ้า เ้าเพิ่งจะห้าขวบ ยังไม่จำเป็ต้องลดความอ้วน โตแล้วค่อยลดก็ยังไม่สาย ตอนนี้ร่างกายกำลังเติบโต จะทำอะไรส่งเดชมิได้เป็เด็ดขาด"
เปรี๊ยะ ปังๆๆๆ นี่เป็ดั่งเสียงของดอกไม้ไฟ
เพียงชั่วพริบตาเฉียวเยว่ก็รู้สึกเหมือนดอกไม้เบ่งบานในหัวใจ ดวงตาที่ยังง่วงงุนสว่างสดใสทันควัน นางกอดไท่ไท่สามแล้วจุมพิตที่ใบหน้าของมารดาด้วยความดีใจ "ท่านแม่รักข้าที่สุด ท่านพ่อเป็คนไม่ดี"
ไท่ไท่สามหัวเราะ ตีนางทีหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า "อย่าว่าร้ายบิดา เ้าเด็กน้อยนิสัยเสีย"
นางลูบตัวเฉียวเยว่ ก่อนจะเอ่ยว่า "แม่อุ้มเฉียวเฉียวลงจากเตียงดีหรือไม่ วันนี้จะพาเ้าออกไปข้างนอก"
เฉียวเยว่ดีใจมาก "ออกไปข้างนอก? ไปที่ใด? มีแต่ข้าไปกับท่านแม่หรือ? ฉีอันกับพี่สาวไปด้วยหรือไม่" คำถามรัวมาเป็ชุดราวกับลูกประทัด
ไท่ไท่สามถูกนางรบเร้าจนปวดหัว จึงตอบว่า "บิดาเ้ากล่าวไม่ผิดจริงๆ ปากเล็กๆ ของเ้านี่พูดมากจนน่ารำคาญ"
เฉียวเยว่ "ท่านแม่ก็บอกข้าสิ"
ไท่ไท่สามยิ้ม "ไม่พาคนอื่นไป มีแต่เ้าคนเดียว พวกเราจะไปจวนแม่ทันิ่
เฉียวเยว่พลันแข็งค้างในฉับพลัน นางถามซ้ำเพื่อความแน่ใจอย่างระมัดระวัง "ไปที่ไหนนะเ้าคะ ท่านแม่ ข้าต้องหูฝาดไปแน่ๆ ใช่หรือไม่?"
เห็นนางทำท่าทางแปลกๆ ไท่ไท่สามก็นึกขัน "ก็พาเ้าไปเยี่ยมพี่จื้อรุ่ยของเ้าที่จวนแม่ทัพิ่น่ะสิ"
เฉียวเยว่คอตกในชั่วพริบตา
นางต้องไปเยี่ยมิ่จื้อรุ่ย สกุลิ่มีิ่จื้อรุ่ยเป็ทายาทเพียงคนเดียว ทั้งยังถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าิ่ ฮูหยินผู้เฒ่าิ่เป็ใคร นางคือองค์หญิงใหญ่ มีอำนาจในการให้ท้ายคนสูงสุด ทั้งยังพูดคำไหนเป็คำนั้น
ิ่จื้อรุ่ยได้รับาเ็ครานี้ล้วนเป็เพราะนาง
นางไปสกุลิ่ จะไม่ถูกกินหรอกหรือ!
เฉียวเยว่เกาหัวของตนเองจนยุ่ง แสดงท่าเหมือนกลืนยาขม "ท่านแม่ ฮูหยินผู้เฒ่าิ่จะไล่ข้าออกมาหรือไม่" สีหน้านางหวาดวิตก
ไท่ไท่สามอุ้มนางลงไปในอ่างอาบน้ำ คุยไปสระผมให้นางไป "ท่านป้าิ่ชอบเ้าที่สุด ตอนเล็กๆ พาเ้าไป นางยังให้ของขวัญกับเ้า เพียงแต่ตอนนั้นเฉียวเฉียวยังเล็กมาก ยังไม่รู้ความ แต่ถึงแม้นางจะไม่ชอบเ้าแล้ว เฉียวเฉียวก็ควรไปเยี่ยมพี่จื้อรุ่ยของเ้า เพราะเ้าเป็ต้นเหตุให้เขาได้รับาเ็ เป็คนต้องมีเหตุผล"
เฉียวเยว่ตอบอื้ม แล้วเอ่ยอย่างหนักแน่น "ท่านแม่โปรดวางใจ พวกเขาด่าข้า ข้าก็จะไม่ตอบโต้"
ราวกับเป็การรวบรวมความกล้าหาญอย่างใหญ่หลวง
ไท่ไท่สามยิ้มน้อยๆ แต่งตัวให้บุตรสาว มัดผมยาวที่ดกหนาให้เป็มวยผมทรงอิงเถาสองข้าง แล้วปักด้วยปิ่นไข่มุกอันเล็กจ้อย ดวงหน้าน้อยเงยขึ้นมอง มีผีเสื้อทองงามวิจิตรประดับอยู่้าหนึ่งตัว
เฉียวเยว่มีใบหน้ากลมเป็ทุนเดิม แต่งตัวเช่นนี้ก็ยิ่งดูคล้ายกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ
ไท่ไท่สามรื้อตู้เสื้อผ้า เลือกชุดกระโปรงสีชมพูออกมา เฉียวเฉียวใส่กระโปรงตัวนี้ดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่พยักหน้า "ดี"
ตอนนี้ใครจะไปสนใจว่าสวมชุดอะไร
ไท่ไท่สามเอ่ยเสียงเบา "เฉียวเฉียวอย่ากังวลเกินไป ไม่มีใครสร้างความลำบากให้เ้าหรอก เพียงเ้าเป็เด็กดีเชื่อฟังก็ดีมากแล้ว เฉียวเยว่ของพวกเราทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาด ทุกคนล้วนชมชอบ ใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่มองไท่ไท่สามอย่างลำบากใจ แล้วถอนหายใจราวกับคนแก่ "ท่านแม่ช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ท่านเป็มารดาข้า ย่อมรู้สึกว่าข้าดีไปเสียทุกส่วน แต่ผู้อื่นอาจไม่คิดเช่นนี้"
"พรืด" อวิ๋นเอ๋อร์อยู่ด้านข้างไม่อาจสะกดกลั้นขำพรืดออกมา
เฉียวเยว่ยังหวาดวิตก "มารดาข้าถูกบิดาเลี้ยงจนกลายเป็คนไร้เดียงสาไปเสียแล้ว ข้าควรทำอย่างไรดี"
ก้นน้อยๆ ถูกฟาดเข้าหนึ่งที
เฉียวเยว่ "ฮึกๆ"
ถึงเวลาออกเดินทาง เฉียวเยว่ยังลูบก้นน้อยๆ อย่างไม่พอใจ
มารดานางชอบใช้กำลัง จุดนี้แย่มาก ฮึ่ม แย่มากๆ
เฉียวเยว่มองประตูใหญ่จวนแม่ทัพิ่ที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าพลางทอดถอนใจ คราก่อนที่มานางยังเป็เพียงทารกน้อยรู้แต่กิน ดื่ม ขับถ่ายหนักเบา ปราศจากทุกข์ร้อนหวาดวิตก แต่เพียงชั่วพริบตาก็เติบโตแล้ว
คิดแล้วก็น่าหดหู่ใจยิ่ง
ไท่ไท่สามจูงมือของนางเดินผ่านเข้าประตู จวนแม่ทัพิ่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเคร่งครัดในกฎเกณฑ์ ทุกหนแห่งล้วนเป็ระเบียบเรียบร้อย
พวกนางเดินผ่านระเบียงทางเชื่อมตามหญิงรับใช้ผู้นำทางไปยังเรือนหลัก
ขณะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าิ่คอยอยู่ที่นั่น พอไท่ไท่สามเข้ามาถึงด้านในก็ยอบกายคำนับทันที "อิ่งซินคารวะท่านป้าิ่"
เฉียวเยว่รีบกล่าวตาม "เฉียวเยว่คารวะท่านย่าิ่"
ถอดแบบกันมาทุกอย่าง
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ทอยิ้มอ่อนจาง "รีบลุกขึ้นเถอะ"
ไท่ไท่สามจูงเฉียวเยว่ไปนั่ง นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "จื้อรุ่ยาเ็เพราะยายหนู ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก ไม่ทราบว่าจื้อรุ่ยดีขึ้นหรือยัง?"
เฉียวเยว่มองฮูหยินผู้เฒ่าิ่อย่างพิจารณา ดูเหมือนว่าจะแก่ขึ้นกว่าห้าปีก่อนอยู่หลายส่วน แต่ยังคงมีความน่าครั่นคร้ามแฝงไปด้วยความใจดีหนึ่งส่วนเหมือนเดิม
เฉียวเยว่มองฮูหยินผู้เฒ่าิ่ ฮูหยินผู้เฒ่าิ่ก็อดพิจารณาเฉียวเยว่ไม่ได้เช่นกัน
ได้ยินมาว่าคุณหนูเจ็ดจวนซู่เฉิงโหวเป็ตุ๊กตานำโชคตัวอวบอ้วน วันนี้ได้เห็นก็เป็จริงดังว่า
นางทอยิ้มน้อยๆ "ดีขึ้นแล้ว เด็กผู้ชายหกล้มบ้างตีกันบ้าง ก็ไม่ผิดอะไร อีกอย่างนี่ก็ไม่นับว่าเป็เื่ใหญ่ หากแม่หนูน้อยน่ารักคนนี้หกล้มไปสิ ถึงจะทำให้คนรู้สึกปวดใจ"
ไม่ว่าภายในใจจะคิดอย่างไร แต่ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ายังคงอ่อนโยนใจดีตลอดเวลา
เฉียวเยว่ลุกขึ้น เดินมาตรงกลางห้องโถง นางค้อมกายอย่างมีมารยาท กล่าวว่า "ท่านย่าิ่ เป็ความผิดของข้าทั้งสิ้น ข้าตัวหนักเกินไป เลยทำให้พี่จื้อรุ่ยาเ็"
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่หัวเราะ ดูเป็กันเองกว่าเมื่อครู่หลายส่วน "เฉียวเยว่ยังคงน่าเอ็นดูเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด มิน่าพี่จื้อรุ่ยของเ้าถึงกับยอมหกล้มเพื่อรับตัวเ้าไว้"
"นางไม่เห็นจะน่าเอ็นดูตรงไหน" เสียงกระหืดกระหอบแว่วมา ดูก็รู้ว่าวิ่งมา
ิ่จื้อรุ่ยจัดเสื้อผ้าให้เป็ระเบียบก่อนเดินเข้ามา เขาคารวะไท่ไท่สาม "อาจารย์หญิง"
หลังจากนั้นก็มานั่งข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าิ่ แล้วกล่าวอย่างจริงจัง "ข้าเพียงเห็นว่านางอ้วนเกินไป กลัวว่าบันไดจะถล่ม ก็เลยไปรับตัวนางไว้"
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างละเหี่ยใจ "พูดเหลวไหลอันใด เห็นอยู่ว่าเ้าเป็ห่วงน้องหญิงเฉียวเยว่มาก ยังจะพูดจาเยี่ยงนี้อีก"
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่หันกลับมายิ้ม "เด็กคนนี้แสดงความรู้สึกไม่เก่ง ชอบทำสีหน้าบึ้งตึงเหมือนบิดาเขา"
ไท่ไท่สามพลันกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยอย่างมีมารยาท "รุ่ยเอ๋อร์เป็เด็กดีมาก ซานหลางมักชมเขาอยู่บ่อยครั้ง พวกเราล้วนทราบว่ารุ่ยเอ๋อร์เห็นเฉียวเยว่กับฉีอันเป็เหมือนน้องสาวและน้องชายของตนเองมาโดยตลอด เด็กคนนี้ถึงปากจะร้าย แต่หัวใจอ่อนโยนเป็ที่สุด"
ได้ยินไท่ไท่สามกล่าวเช่นนี้ ิ่จื่อรุ่ยก็เม้มปาก ไม่เอ่ยวาจาใด
เฉียวเยว่คิดแล้ว ก็เดินมาข้างกายิ่จื้อรุ่ย จับมือเขาแล้วยิ้มตาหยี "พี่จื้อรุ่ย ข้าไม่มีพี่ชายแท้ๆ มีแต่ญาติผู้พี่ ต่อไปท่านเป็พี่ชายให้ข้าดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่คล้ายกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ จึงรีบพูดเสริมอีกสองสามประโยค "ท่านเป็พี่ชายของข้าดีจะตาย มีน้องสาวทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาดอย่างนี้ ต่อไปออกไปไหนก็สามารถโอ้อวดได้"
เฉียวเยว่ยังพูดต่อ "หากมีคนชั่วมารังแกท่าน ข้าก็สามารถปกป้องท่านได้ ข้าจะตีคนชั่วให้น่วมเลย"
ิ่จื้อรุ่ยแค่นเสียงเยาะ ทำท่ารังเกียจนาง "กระต่ายอ้วนตัวน้อยอย่างเ้าหรือจะตีคนชั่ว"
เฉียวเยว่รีบรับประกัน "ข้าทำได้ ข้าตีได้จริงๆ นะ"
จื้อรุ่ยยังคงไม่รับปาก "ข้าไม่อยากได้น้องสาวโง่เง่า ไม่เอา ไม่เอา"
"พี่จื้อรุ่ย ทำไมท่านถึงไร้เหตุผลแล้งน้ำใจเยี่ยงนี้เล่า?" นางดึงแขนเสื้อของิ่จื้อรุ่ยแล้วแกว่งไปแกว่งมา น่ารักไร้เดียงสาเป็ที่สุด "มาเป็พี่ชายของข้าเถอะ"
ฮูหยินผู้เฒ่าทอยิ้มหันไปมองไท่ไท่สาม เอ่ยอย่างมีความนัยแอบแฝง "บุตรของอิ่งซินได้รับการสั่งสอนมาดียิ่ง ั้แ่เล็กก็เฉลียวฉลาดเพียงนี้แล้ว ไม่รู้ว่า... ซานหลางสอนมานานแค่ไหน"
ไท่ไท่สามสงบอารมณ์ ขณะกำลังจะตอบ
ซาลาเปาน้อยของพวกเขาก็เอ่ยปากขึ้นมาอีกว่า "ท่านพ่อแย่มาก เขาไม่สอนข้าเลย"
ซาลาเปาน้องเอ่ยปากอย่างวิตกกังวล "ต่อไปหากข้าสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีไม่ติดจะทำอย่างไร"
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่อึ้งงัน ก่อนที่จะหยอกเย้านางด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "เ้าก็มีความกังวลเหมือนกันหรือ? เมื่อครู่ยังพูดอยู่ว่าตนเองเฉลียวฉลาดน่ารักสามารถพาไปโอ้อวดใครต่อใครได้"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง "ก็จริง ข้าทั้งเฉลียวฉลาดทั้งน่ารัก แต่ข้าก็อยากเล่าเรียนเหมือนกัน การศึกษาทำให้คนก้าวหน้า หากลูกศิษย์ที่สำนักศึกษาสตรีล้วนปราดเปรื่องเหมือนพี่สาวของข้า ข้าก็คงยิ่งกดดันมาก"
แม้ว่าิ่จื้อรุ่ยจะอายุเท่ากับอิ้งเยว่ แต่เขาก็รู้เื่ของนางอยู่บ้าง เขาลูบศีรษะของเฉียวเยว่ด้วยความเห็นใจ พลางเอ่ยว่า "ไม่เป็ไร เ้าเรียนไม่เก่ง พวกเราก็ไม่ดูแคลนเ้าหรอก"
เฉียวเยว่แสร้งร้องไห้ "ฮึกๆ มีแต่ท่านที่ปลอบใจข้า"
ไท่ไท่สามเห็นนางทำเช่นนี้ ก็รีบดึงบุตรสาวมาไว้ข้างตัว "เ้าทำตัวดีๆ หน่อย หากดื้อกลับไปจะถูกตี"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง พลางทำหน้าสลด
ไท่ไท่สามฉวยโอกาสที่ไม่มีคนเห็น หยิกบุตรสาวไปทีหนึ่ง
เฉียวเยว่ยิ่งทำแก้มป่องกว่าเดิม ชำเลืองไท่ไท่สามอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ ไท่ไท่สามถลึงตาใส่นางอย่างแรง เป็การเตือนว่าให้นางสำรวมหน่อย
เฉียวเยว่ประสานมือเข้าหากัน
ฮูหยินผู้เฒ่าิ่เห็นไท่ไท่สามแลดูลำบากใจ ก็หัวเราะออกมา "อิ่งซินอย่าเคร่งครัดกับเด็กมากนักเลย นางยังเล็กอยู่"
ดวงตาดำขลับของจื้อรุ่ยฉายแววยิ้ม "อาจารย์มักกล่าวเสมอว่าฉีอันสามวันไม่ตีปีนขึ้นไปรื้อกระเื้ัคา เฉียวเฉียวดีหน่อย ต้องห้าวัน"
เฉียวเยว่ : ให้ตายเถอะ... นี่บิดาแท้ๆ สบประมาทข้าเช่นนี้เลยหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้