ดูเหมือนมีคนกำลังพูดอยู่รอบๆ ตัวนาง เหยาเชียนเชียนพยายามฟังแต่กลับไม่ได้ยินคำพูดใดชัดเจน
ทุกสิ่งที่นางเห็นดูมืดมน นางกำลังจะเรียกหาใครบางคน แต่จู่ๆ ใบหน้าใหญ่ของซ่งอีอีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง ใบหน้านั้นใหญ่เท่ากับผ้านวมปุยฝ้าย มันพุ่งเข้ามาพร้อมกับแสยะยิ้มและะโว่าจะฆ่านาง
“กรี๊ด!”
เหยาเชียนเชียนลืมตาโพลงด้วยความใ หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น อาเหยียนน้อยร้องไห้และรีบวิ่งไปยังข้างกายนาง
เขาขอให้บิดาพาผู้คนออกไปแล้ว แต่ก็ยังสายเกินไป สภาพของผู้เป็แม่และพื้นที่นองไปด้วยเืนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาราวกับเป็ฝันร้ายที่เขาคงไม่สามารถกำจัดมันได้อีกเป็เวลานาน
“ท่านแม่ ท่านแม่เป็อย่างไรบ้างขอรับ?”
อาเหยียนพยายามเขย่งเท้าเพื่อเช็ดเหงื่อให้เหยาเชียนเชียน แต่กลับมีมือใหญ่คู่หนึ่งอุ้มเขาขึ้นมาวางบนเตียง เป่ยเหลียนโม่มีสีหน้าเ็า ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเขากำลังโกรธด้วยเื่อะไร
“อาเหยียน” เมื่อเหยาเชียนเชียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วจึงรวมสายตาไปที่คนตรงหน้า นางอุ้มเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้เข้ามาในอ้อมแขนพร้อมทั้งจูบและปลอบโยน จากนั้นจึงส่งเขาให้กับเป่ยเหลียนโม่
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเื่จะบอกพระองค์เพคะ”
อาเหยียนถูกพาออกไปอย่างน่าสงสาร โชคดีที่ท่านแม่ฟื้นแล้ว แค่ฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว
ขณะที่เหยาเชียนเชียนกำลังจะอ้าปากพูด นางก็เห็นเป่ยเหลียนโม่ยกยาต้มชามหนึ่งเข้ามา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและหนักแน่นว่า "ดื่มก่อนสิ"
ปวดหัวเหลือเกิน นางไม่รู้ว่าตัวเองได้รับความกระทบกระเทือนที่ใด และไม่รู้ว่าาแเป็อย่างไร เหยาเชียนเชียนเงยหน้าขึ้นและดื่มยาขมจนหมดชาม รู้สึกว่าลิ้นของนางขมปร่าและชาไปทั่วทั้งลิ้น
“ยามที่เปิ่นหวังไปเจอเ้าก็สลบไปแล้ว ดูเหมือนเพิ่งตกบันไดมา เสี่ยวเอ้อของร้านกำลังจะไปที่จวนอ๋องเพื่อเรียกหาคน”
เหยาเชียนเชียนคว้าแขนเสื้อของเขาแล้วกล่าวว่า "ไม่ใช่ หม่อมฉันไม่ได้ตกลงไปเอง หม่อมฉันถูกผลักตกลงไป ท่านอ๋อง..."
“คนที่ผลักเ้าคือซ่งอีอีหรือ” เป่ยเหลียนโม่ถามเสียงเรียบ
เหยาเชียนเชียนชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงพยักหน้าและบอกว่าอีกฝ่ายมาพบนางเพื่อขอให้นางมอบตำแหน่งชายาเอกให้ แต่นางปฏิเสธ อีกฝ่ายจึงโกรธและผลักนางตกลงไปข้างล่าง
“ท่านอ๋อง สิ่งที่นางพูดในตำหนักวันนั้นล้วนเป็เื่โกหก นางไม่เต็มใจที่จะเป็อนุั้แ่แรก หม่อมฉันพบนางที่ถนน และนางชวนหม่อมฉันไปโรงน้ำชาด้วยคำพูดที่ไพเราะ แต่จุดประสงค์คือนาง้าบังคับให้หม่อมฉันยอมล่าถอย..."
เหยาเชียนเชียนหยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามอย่างลังเลว่า "ท่านอ๋อง พระองค์กำลังฟังอยู่หรือไม่?"
เป่ยเหลียนโม่มักมีสีหน้าเ็าอยู่เสมอ ยามที่นางเพิ่งฟื้นขึ้นมา เหยาเชียนเชียนคาดเดาว่าเขาอาจจะอารมณ์ไม่ดีเพราะเห็นว่านางได้รับาเ็และเสียเปรียบ
ถึงอย่างไรเขาก็เคยบอกกับนางก่อนหน้านี้แล้วว่าไม่จำเป็ต้องกลัวผู้ใด ชายาชิงผิงอ๋องจะเป็ที่รองรับอารมณ์โกรธของผู้อื่นได้อย่างไร
แต่หลังจากที่เขาฟังสิ่งที่นางพูดจบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกอื่นใด ไม่ว่าจะสับสน โกรธเคือง หรือแม้แต่อารมณ์อื่นๆ ก็ไม่มีเลย เหยาเชียนเชียนยังคงตระหนกเล็กน้อย นางรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ อาจเปลี่ยนไปแตกต่างจากที่นางเคยจินตนาการไว้
“เหตุใดวันนี้เ้าถึงออกจากจวน” เป่ยเหลียนโม่เอ่ยถาม
เหยาเชียนเชียนเผลอััตั๋วเงินส่วนตัวด้วยอาการร้อนตัว ถ้านางบอกว่านางหนีออกจากจวนเพื่อไปขายโสม เช่นนั้นเขาจะโกรธหรือไม่?
“หม่อมฉันแค่...แค่เดินเล่นไปรอบๆ เพคะ” เหยาเชียนเชียนก้มศีรษะลงโดยไม่รู้ตัว นางไม่กล้ามองดูสีหน้าของเป่ยเหลียนโม่ในเวลานี้
เขาคงไม่รู้เื่ที่นางเก็บเงินไว้เพื่อหลบหนี และใจของนางเองก็รู้สึกหวาดหวั่นที่ปิดบังความลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ไว้
เป่ยเหลียนโม่้าเชยคางนางขึ้นเพื่อให้นางมองเขาดีๆ และเขาก็อยากเห็นอย่างชัดเจนถึงความเสียใจและความลังเลอันน้อยนิดในดวงตาของนาง
เพื่อให้มีเงินหนีไปจากเขา นางเสียแรงครุ่นคิดไปมากจริงๆ
จวนแห่งนี้ไม่มีน้ำเหนือและสัตว์ร้าย [1] ถึงจะมีอาเหยียนและแมวดำอยู่ก็ยังไม่สามารถล้มเลิกความคิดที่อยากจากไปของนางได้ สุดท้ายแล้วนางเพียงแค่อยากหนีไปจากเขาเท่านั้นเอง
“เ้าบอกว่าซ่งอีอีผลักเ้าตกลงไป ทำให้เ้าได้รับาเ็จนสลบ แต่นั่นเป็ไปไม่ได้ที่นางจะผลักเ้าตกลงมา”
เหยาเชียนเชียนเกือบสงสัยว่านางหูฝาด ซ่งอีอีอยู่ที่สนามม้า แล้วคนที่ต่อสู้กับนางอยู่นานคือผู้ใดกัน หรือว่านางจะเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ?
“เป็ไปไม่ได้ คนที่หม่อมฉันเห็นเป็นางจริงๆ นะเพคะ เหตุใดนางถึงไปอยู่ที่สนามม้าได้เล่า?”
เหยาเชียนเชียนซักไซ้ไล่เลียง “มือสังหารเ่าั้คือผู้ใดกัน มีผู้ใดเห็นซ่งอีอีขี่ม้าในสนามแข่งจริงๆ บ้างหรือไม่ เสี่ยวเอ้อของโรงน้ำชาเห็นเราสองคนจริงๆ ท่านอ๋องลองถามเขาก็จะทราบเองเพคะ”
เป่ยเหลียนโม่พินิจมองนางอย่างละเอียด ดวงตาสีดำสนิทของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เหยาเชียนเชียนไม่เข้าใจ
ทุกสิ่งที่นางพูดล้วนเป็ความจริง คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง [2] สามารถตรวจสอบได้ตาม้า
เป็สายตาของชิงผิงอ๋องที่ทำให้เหยาเชียนเชียนเกิดข้อกังขาในใจ ไม่รู้ว่าเื่นี้เขาเชื่อใจผู้ใดกันแน่
“มือสังหารได้ฆ่าตัวตายไปแล้วยามที่ถูกจับได้ ซ่งอีอีบอกว่าอีกฝ่ายถูกว่าจ้างโดยคนที่ไม่อยากให้นางแต่งเข้าจวนอ๋อง”
ไม่อยากให้นางแต่งเข้ามา นอกจากเหยาเชียนเชียนที่ส่งมือสังหารไปเพราะความอิจฉาผู้คนก็นึกถึงผู้ใดไม่ได้แล้ว และเป็ไปไม่ได้เลยที่ซ่งอีอีจะส่งมือสังหารมาฆ่าตัวเอง
เหยาเชียนเชียนที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่านางถูกผลักตกลงไป ยามนี้เอาแต่บอกว่าเป็ฝีมือของซ่งอีอี เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเห็นได้ชัดว่าคำพูดของอีกฝ่ายน่าเชื่อถือมากกว่า
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ซ่งอีอีก็ไม่ได้พูดตรงๆ ว่ามือสังหารถูกบงการโดยเหยาเชียนเชียน ตรงกันข้ามกับเหยาเชียนเชียนที่ยืนกรานว่านางถูกอีกฝ่ายผลักตกลงไป
ลองถามดูว่าเป็ไปได้หรือไม่ที่คนหนึ่งจะสามารถปรากฏตัวอยู่สองแห่งในเวลาเดียวกัน ในขณะที่ด้านหนึ่งถูกลอบสังหาร และอีกด้านหนึ่งสังหารผู้อื่น?
เมื่อเปรียบเทียบกันเช่นนี้ คำพูดของเหยาเชียนเชียนนั้นเหลวไหลอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านอ๋องหมายความว่าหม่อมฉันตกลงมาเองแล้วใส่ร้ายนางหรือ?”
เหยาเชียนเชียนแค่นหัวเราะด้วยความโกรธ บันไดสูงเพียงนั้น นางต้องเป็บ้าเท่านั้นถึงจะตกลงไปเองได้ นอกจากนี้ยังทำไปเพื่อ...เพื่อขัดขวางไม่ให้อีกฝ่ายแต่งเข้าจวนอ๋อง การเอาชีวิตไปขัดขวางช่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เป่ยเหลียนโม่เพียงมองดูท่าทางของหญิงสาวก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เป็ไปไม่ได้เลยที่นางจะเสี่ยงชีวิตเพื่อตำแหน่งหวังเฟยซึ่งไม่น่าพิศวาสนัก ถ้าจะให้กล่าวจริงๆ ซ่งอีอีกลับสนใจตำแหน่งนี้มากกว่าเสียอีก
เขารู้ความคิดของนางตั้งนานแล้ว เหตุใดยามนี้นางถึงยังอารมณ์เสียอยู่เช่นนี้
“หวังเฟยหวงแหนชีวิตที่เหลือมาก เปิ่นหวังย่อมไม่คิดว่าในใจของหวังเฟย ตำแหน่งนี้จะสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิต”
น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แม้ว่าเหยาเชียนเชียนจะคิดเช่นนั้น แต่เมื่อคำกล่าวนั้นออกมาจากปากของเขากลับทำให้นางรู้สึกอึดอัดโดยไม่มีเหตุผล
“เดิมทีจวนเฉิงเซี่ยงให้คำมั่นว่าจะสืบสวนจนถึงที่สุด ทว่าซ่งอีอีขอร้องอย่างจริงจัง กล่าวว่าแค่ได้อภิเษกก็พอแล้ว หวังเฟยจะได้สบายใจ”
นางต้องสบายใจอะไร?
เหยาเชียนเชียนเงยหน้าขึ้นมองเขา เป็ไปได้หรือไม่ที่ยามนี้เขารู้สึกว่าซ่งอีอีพยายามปกปิดตัวเอง และการที่นางตกบันไดเป็เพียงละครน้ำเน่าที่นางเขียนขึ้นมาและทำการแสดงด้วยตัวเอง?
“คำกล่าวนี้ช่างน่าขันนัก” ดวงตาของเหยาเชียนเชียนแดงก่ำด้วยความโกรธ “ถ้าคนของจวนเฉิงเซี่ยงอยากสืบสวนก็ให้พวกเขาสืบสวนไป หม่อมฉันมีอะไรต้องกลัวเล่า หลังจากรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด หม่อมฉันยังต้องถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าอีกหรือ?"
เป่ยเหลียนโม่ไม่มองนางอีก เขาวางชามยาลงบนโต๊ะและกำลังจะจากไป เหยาเชียนเชียนเอ่ยถามทันทีว่า "ท่านอ๋อง พระองค์ทรงเชื่อคำพูดของนาง พระองค์ทรงเชื่อว่าหม่อมฉันจงใจใส่ร้ายนางหรือเพคะ?"
เป่ยเหลียนโม่ยืนอยู่ที่ประตูโดยไม่หันกลับมามอง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“เปิ่นหวังเคยบอกไปแล้ว ในหัวใจของหวังเฟย เดิมทีก็ไม่คุ้มค่าที่จะทำเช่นนั้น”
แม้ว่าคำกล่าวนี้จะหมายความว่าเป่ยเหลียนโม่เชื่อว่านางไม่ได้ใส่ร้ายซ่งอีอี แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขารู้ดีว่าในใจของเหยาเชียนเชียนไม่ได้ให้ความสำคัญกับฐานะหวังเฟย และสำหรับนางแล้วอาจจะดูถูกเหยียดหยามเสียด้วยซ้ำ
คนที่หยิ่งผยองอย่างชิงผิงอ๋อง ความคิดเช่นนี้แทบจะเป็ความอัปยศอย่างหนึ่งสำหรับเขา
เหยาเชียนเชียนมองตามร่างนั้นหายลับตาไปจากประตู นางรู้สึกวูบโหวงในใจ ราวกับว่าลมหายใจติดอยู่ในอก และไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้
ยามนี้ทุกคนล้วนคิดว่านางใจดำอำมหิตและขี้อิจฉา เช่อเฟยยังไม่ทันแต่งเข้ามาก็ลงมือฆ่าได้เสียแล้ว
นอกจากนี้ยังมีชิงผิงอ๋อง ปลายจมูกของเหยาเชียนเชียนเจ็บแสบ แม้ว่าเขาจะเชื่อว่านางเป็ผู้บริสุทธิ์ แต่เขากลับคิดว่านางมองตำแหน่งหวังเฟยเป็เพียงตำแหน่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ และความคิดนี้น่าจะทำให้เขารู้สึกไม่ดีนัก
“แต่ข้าก็ไม่ได้ชอบท่านั้แ่แรกนี่นา” เหยาเชียนเชียนพึมพำเบาๆ “เมื่อครั้งที่ท่าน้าจะฆ่าข้าเหตุใดถึงไม่พูดเล่า”
มีผู้ใดอยากอยู่ข้างๆ คนที่คิดจะฆ่าตัวเองอยู่ทุกวันหรือไม่ แน่นอนว่าการรักษาชีวิตย่อมเป็สิ่งสำคัญ
ดูเหมือนว่านางจะมีเหตุผล แต่เหยาเชียนเชียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสายตาที่ซับซ้อนของเป่ยเหลียนโม่เมื่อครู่ ภายในนั้นจะมีความผิดหวังและความโศกเศร้าสักเล็กน้อยบ้างหรือไม่?
ไม่มีผู้ใดมาหานางอีกเลยตลอดทั้งบ่าย และเหยาเชียนเชียนก็ดีใจที่ได้รับความเงียบสงบ เป็การดีกว่าถ้าจะไม่ให้อาเหยียนมาเห็นสภาพที่ได้รับาเ็ของนางเพื่อเลี่ยงไม่ให้เขารู้สึกไม่ดี
เมื่อตกกลางคืน เหยาเชียนเชียนกินอาหารไปได้สองสามคำก็บอกให้บ่าวไพร่นำออกไป รสยาขมเหลือเกิน หลังจากที่เหยาเชียนเชียนหลับตาแล้วดื่มยาจนหมด นางก็นอนลงอย่างอ่อนแรงเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
หน้าต่างถูกดันออกเบาๆ อุ้งเท้าของแมวดำตัวหนึ่งยื่นเข้ามาอย่างลังเล จากนั้นก็ดึงกลับไปอีกครั้ง
“เ้าจะไปแล้วหรือ?” เหยาเชียนเชียนถามเบาๆ
แมวดำชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับไปมองนาง สบเข้ากับดวงตาสดใสคู่นั้นพอดี
“มาคุยกับข้าหน่อยสิ” เหยาเชียนเชียนเอ่ย “นอกจากเ้าข้าก็ไม่มีผู้ใดอีกแล้วจริงๆ”
คำกล่าวนี้ทำให้คน...แมวรู้สึกปวดใจ แมวดำลังเลเล็กน้อยแต่ก็ะโเข้ามาจากทางหน้าต่าง และะโสองครั้งจนถึงบนเตียงของเหยาเชียนเชียน ความกังวลที่ไม่สามารถเก็บซ่อนได้ปรากฏในดวงตาสีมรกตของมัน แมวดำแตะเบาๆ บริเวณที่นางาเ็ด้วยปากอย่างอ่อนโยน การกระทำของมันอ่อนโยนผิดกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง
เหยาเชียนเชียนตาแดงด้วยเหตุผลบางอย่าง นางััได้ถึงความกังวลและความเป็ห่วงจากแมวดำ ยามนี้เมื่อไม่มีผู้ใดอยู่รอบๆ ความคับข้องใจที่นางรู้สึกระหว่างวันก็ะเิออกมาทันที
“จริงๆ แล้วข้าไม่ได้รังเกียจตำแหน่งหวังเฟยนี้เลย เหตุใดเขาถึงพูดแบบนั้นเล่า?” ปากเล็กเบะออกและน้ำตาก็ไหลพรากลงมา น้ำตาของเหยาเชียนเชียนเปื้อนชื้นไปตามขนของแมวดำ ทำให้มันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นนางร้องไห้ด้วยความน้อยใจเช่นนี้
“ข้าเป็เช่นนี้แล้ว เขายังจะดุอะไรอีก” เหยาเชียนเชียนเช็ดน้ำตาของนางด้วยความโกรธเคือง และกล่าวปนเสียงสะอื้นว่า “ทั้งๆ ที่ข้าก็ให้ความร่วมมือกับเขาทุกเื่ ยังต้องสนใจสิ่งที่ข้าคิดในใจด้วยหรือ ข้าไม่สามารถไม่พอใจได้เลยหรือ?”
นั่น...ก็ไม่ใช่เช่นนั้น...
แมวดำปล่อยให้น้ำตาของนางไหลกระทบบนตัวเขา ทว่ามันเหมือนกระทบลงบนหัวใจของเขาเสียมากกว่า
“ข้าเกือบตายในมือเขามาสองสามครั้งแล้ว คิดว่าข้าไม่กลัวสิ่งใดเลยจริงๆ หรือ ข้าแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในเมื่อเขาให้ข้าไม่ได้ ยังจะไม่อนุญาตให้ข้าได้เสาะหาด้วยตัวเองอีกหรือ?"
เ้าอย่าไปเลย เปิ่นหวังสามารถให้เ้าได้ เ้า้าสิ่งใดเปิ่นหวังล้วนสามารถให้ได้
เชิงอรรถ
[1] น้ำเหนือและสัตว์ร้าย เป็การอุปมาถึงภัยพิบัติร้ายแรง
[2] คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง หมายถึง หากกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง เช่นนั้นก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร
