ทันใดนั้นเข่าทั้งสองข้างก็รู้สึกเ็ปอย่างรุนแรง! ร่างกายที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าของชย่าลิ่วอีล้มลงกับพื้นอย่างแรง!
เมื่อหันไปมองก็พบว่ามีเชือกดักม้าผูกขึงไว้เป็แถวระหว่างต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ทางออกของป่า!
จากนั้นกลุ่มคนถือมีดดาบก็เดินออกมาจากส่วนลึกของป่า คนที่เดินนำหน้าอ้าปากกว้างแบกดาบโค้งไว้บนบ่า เขาคือเฉิงต้าจุ้ย ‘เฉ่าเสีย’ ของแก๊งเซียวฉี
ชย่าลิ่วอีพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยใช้ต้นไม้เป็หลัก เข่าของเขาสั่นจากการพุ่งเข้าใส่เชือกด้วยแรงที่มากเกินไปจนเกือบขาหัก ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอะไรเลยั้แ่ต้นขาลงไป แม้แต่จะทรงตัวก็ยังทำได้ยาก
“ต้าจุ้ย” เขากัดฟันแน่น เรียกชื่อของผู้มาใหม่ด้วยเสียงลอดไรฟัน
เฉิงต้าจุ้ยใช้ฝ่ามือตบไปที่ใบมีด “พี่ลิ่วอี”
“ฉันกับแกไม่ได้มีเื่บาดหมางกัน” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างเหนื่อยหอบ “ทำไมถึงได้ช่วยสวี่อิง”
“ฉันกับเงินก็ไม่ได้มีเื่บาดหมางกัน” เฉิงต้าจุ้ยพูด “แน่นอนว่าใครให้มากกว่าก็อยู่ฝ่ายนั้น”
ชย่าลิ่วอีสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดอย่างช้าๆ “ยาแก้โรคซึมเศร้าของพี่สาวฉันมาจากหมอที่แกแนะนำให้ไปหา แกก็ใส่ยาพิษลงไปในนั้นสินะ”
“โอ้ ไม่ใช่ฉันนะ” ต้าจุ้ยพูด “พี่สวี่เป็คนจัดการ ฉันแค่ทำตามคำสั่ง— ได้ยินว่าพี่สาวของนายกินมันอย่างมีความสุขมาก”
“เฉิงซือเฉวียน!” ชย่าลิ่วอีะโกร้าวด้วยเสียงแหบพร่า
เฉิงต้าจุ้ยเอียงคอเล็กน้อยดูคล้ายกิ่งหลิ่วยามลมพัด เขาเอื้อมมือไปแคะหูอย่างเกียจคร้าน “ชย่าลิ่วอี แค่ยืนยังไม่มั่นคงเลย ประหยัดแรงไว้เถอะ! ถ้านายยอมกลับไปกับฉันโดยดี โดนแทงสักสามแผลหกแผล แล้วคุกเข่าต่อหน้าิญญาของพี่ใหญ่ ร้องขอความเมตตาจากเหล่าผู้าุโ ก็อาจจะยังมีโอกาส...”
คำว่า ‘โอกาส’ ของเขาล่องลอยหายไปในสายลม ไม่มีลูกน้องคนไหนมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ปากกว้างๆ ของเฉิงต้าจุ้ยก็ถูกปลายมีดคมกริบตัดออกเป็สองซีก!
ดาบคู่ัเขียวบินโฉบตัดใบหน้าของเขา ผ่านไปปักลึกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลัง ศีรษะซีกหนึ่งของเฉิงต้าจุ้ยลอยขึ้นไปบนฟ้า ส่วนศีรษะอีกซีกที่ยังคงติดอยู่กับร่างของเขากลับค่อยๆ ล้มลงกับพื้น...
ชย่าลิ่วอีถือดาบที่เหลืออยู่ในมืออีกหนึ่งเล่มยืนพิงต้นไม้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเ็า “ใครจะเป็คนต่อไป?”
กลุ่มลูกน้องพากันส่ายหัว ตัวสั่นยิ่งกว่าเขาเสียอีก! พวกเขาได้แต่มองชย่าลิ่วอีเดินกะโผลกกะเผลกออกจากป่าไปยังเมืองกำแพงเจียวหลง
เวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงฝีเท้าก็ดังระงมมาจากส่วนลึกของป่า กลุ่มไล่ล่ามาถึงแล้ว เสียงะโของสวี่อิงดังมาแต่ไกล “ใครฆ่าชย่าลิ่วอีได้ ฉันให้รางวัลหนึ่งแสน!”
กลุ่มลูกน้องมองหน้ากันไปมา พวกเขาถูกความกระหายเืและรางวัลทำให้หน้ามืดตามัว ไม่รู้ว่าใครเป็คนเริ่ม ทว่าพริบตานั้นเสียงะโก็ดังขึ้นพร้อมกับใครบางคนที่พุ่งเข้าไปฟันชย่าลิ่วอีจากด้านหลัง!
……
่นี้เป็่สอบปลายภาคเรียนพอดี เหอชูซานจึงตื่นแต่เช้า เขาปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกตามทางเดินที่มืดสลัว ท่ามกลางเสื้อผ้าและผ้าห่มเก่าๆ สีสันสดใสของทุกบ้าน เขาฝึกนั่งม้าครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ฝึกกระบวนท่าที่ใช้ฝ่ามืออย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกว่าฝึกเพียงพอแล้วก็ลงจากดาดฟ้าตึกไปเก็บหนังสือที่บ้าน เตรียมตัวไปทบทวนบทเรียนที่มหาวิทยาลัย
เขาสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กเดินเลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยที่คุ้นเคยและมืดมิด— ซึ่งเป็ตรอกเดียวกับที่เขาเคยถูกพวกอันธพาลจับใส่กระสอบลักพาตัวไป ทุกครั้งที่เขาเดินมาถึงที่นี่ เขาจะรู้สึกกระวนกระวายและกังวลว่าพวกอันธพาลอาจนึกสนุกขึ้นมาแล้วจับเขาใส่กระสอบไปอีกครั้งโดยไม่บอกไม่กล่าว
เขายืดหลังตรง ทำเหมือนใจเย็นแล้วเดินเร็วๆ ทันใดนั้นเขาก็ถูกบางสิ่งทำให้สะดุดล้มจนหน้าคว่ำลงไปกับพื้นเสียงดัง ‘พลั่ก’!
เหอชูซานใช้ศอกยันพื้นลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เขาก็รู้สึกเย็นวาบที่ไหล่
คมมีดเย็นเฉียบจ่ออยู่ที่คอของเขา เสียงหอบหายใจแ่เบาดังมาจากความมืด
เขาตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ ยอมให้คนคนนั้นคลำไปทั่วตัวเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง เมื่อมือของคนนั้นััเข้ากับกระเป๋าเป้เล็กๆ เก่าๆ ของเขา การเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หยุดลง
ในที่สุดเขาก็จำคนคนนี้ได้จากรูปร่างที่เลือนรางในความมืดและเสียงหอบหายใจแรง “พี่ลิ่วอีหรือ?”
“บ้าเอ๊ย เป็นายนี่เอง” ชย่าลิ่วอีสบถเสียงต่ำ เสียงลมหายใจดูหอบเหนื่อย
จากนั้นเสียง ‘เคร้ง’ ก็ดังขึ้น ดาบัเขียวร่วงหล่นลงบนพื้น เขาเซไปข้างหน้าก่อนจะสลบไปบนหลังของเหอชูซาน
เหอชูซานแบกหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่เืท่วมตัวกลับบ้าน ทำเอาพ่อของเขาใจนแทบช็อก
เมื่อหมอฟันเถื่อนที่ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์สุจริตในย่านมืดมิดมาหลายสิบปีได้เห็นมาเฟียชื่อดังคนนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก ทว่าเหอชูซานที่เคยถูกพี่ลิ่วอีทรมานอย่างโเี้มาก่อนนั้นมีจิตใจเข้มแข็งกว่าพ่อของเขามาก จึงรีบบอกพ่อของเขาว่า “พ่อ รีบปิดประตูเร็ว อย่าให้ใครเห็นนะ”
“ทำไมลูกถึงไปยุ่งกับคนแบบนี้! แล้วยังพาเขามาที่บ้านอีก!” พ่อของเหอชูซานพูดพร้อมกับล็อกประตูจากด้านใน เขาตัวสั่นเทาเดินวนไปมารอบห้องด้วยความหวาดกลัว ลมที่พัดจากการเคลื่อนไหวของเขาทำให้แสงเทียนสั่นไหวไปมา
เหอชูซานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันพูดความจริงว่า “เขาเคยช่วยชีวิตผมมาก่อน”
“ลูกเคยทำอะไรผิด? ทำไมถึงต้องให้เขาช่วย?!” พ่อของเหอชูซานถามด้วยความร้อนใจ
“ผมโดนคนหลายคนดักปล้นครับ” เหอชูซานไม่อยากให้พ่อเป็ห่วงจึงยอมบอกความจริงเพียงครึ่งเดียว
“โอ๊ย...” หมอฟันเหอทั้งร้อนใจ ทั้งโกรธ และสับสน จนพูดออกมาได้แค่นี้
“พ่อครับ รีบดูเขาหน่อย เขาจะตายหรือเปล่า” เหอชูซานพูด
หมอฟันเหอจึงพับแขนเสื้อขึ้น ทำหน้าที่หมอเถื่อนตรวจดูาแของชย่าลิ่วอีอย่างละเอียด บนร่างกายของชย่าลิ่วอีมีรอยมีดบาดลึกตื้นรวมสิบเจ็ดสิบแปดแผลและกระดูกสะบ้าที่เคลื่อนเล็กน้อย แต่อาการเหล่านี้ไม่เป็อันตรายถึงชีวิต ที่น่าเป็ห่วงคือรอยะุบนไหล่ของชย่าลิ่วอี หัวะุยังคงฝังอยู่ในนั้น าแน่าจะเกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งหรือสองวัน แผลติดเชื้อจนเป็หนอง เนื้อรอบๆ แผลเปิดออก สภาพดูน่ากลัวมาก
“โอ๊ย...” หมอฟันเหอพูด
เหอชูซานวิ่งไปมาเพื่อตักน้ำและหยิบผ้ากอซมาให้พ่อของเขาทำแผลให้ชย่าลิ่วอี จริงๆ แล้วเขาไม่ชอบพวกมาเฟียแบบชย่าลิ่วอีเลย คนแบบนี้มีอยู่ทั่วเมืองกำแพงเจียวหลง จะตายไปสักคนก็ไม่สำคัญ อย่างไรเสียก็ยังมีคนเลวอีกคนมาทดแทนอยู่ดี เพียงแต่ชย่าลิ่วอีเคยช่วยชีวิตเขาไว้ และในฐานะที่เขาเป็คนดีมีศีลธรรมคนหนึ่ง การปล่อยให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ตายต่อหน้าต่อตานั้น เขาทำไม่ได้จริงๆ
หมอฟันเหอใช้แว่นขยายส่องดูแผลอยู่นาน ก่อนจะพูด “อาสาม ฉันสายตายาว มองไม่ชัด ลูกมาเอาหัวะุออกให้เขาแทนที”
“จะเจ็บไหมพ่อ?” เหอชูซานถามอย่างกังวล
“เจ็บสิ เจ็บแน่นอน” หมอฟันเหอพูด “เขาสลบไปแล้ว ไม่ต้องใช้ยาสลบหรอก เร็วเข้า!”
เหอชูซานแทงแหนบเข้าไปในแผล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงครางแหบแห้งของชย่าลิ่วอีที่หมดสติไปแล้ว เขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวในทันทีด้วยความประหม่า
เขาหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามนึกถึงเื่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ชย่าลิ่วอีจับคอเสื้อเขาแล้วกระแทกหัวเขาลงบนโต๊ะอย่างไร เตะเขาจนปลิวอย่างไร ใช้ขาเก้าอี้ฟาดเขาอย่างไร รวมถึงคำพูดที่ว่า “แม้ว่านายจะตายอยู่ข้างถนน ฉันก็จะไม่เหลียวแลแม้แต่นิดเดียว”
เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง หัวใจก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญที่ท่วมท้น! มือข้างหนึ่งปิดปากชย่าลิ่วอีที่กำลังครางอย่างเ็ปแม้จะไม่ได้สติ มืออีกข้างหนึ่งถือปากคีบแล้วแทงลงไปในแผลอย่างแน่วแน่!
หมอฟันเหอมองดูลูกชายผู้อ่อนโยนของเขาคีบะุออกจากาแที่มีเืไหลออกมาโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ท่าทางที่สงบนิ่งและเยือกเย็นแบบนั้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสั่นและเริ่มสงสัยว่าวิธีการเลี้ยงดูของเขาผิดหรือไม่– หรือแท้จริงแล้วลูกชายของเขาควรจะเรียนหมอ?
ตอนที่ชย่าลิ่วอีตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเขานอนอยู่บนเตียงเหล็กในห้องชั้นสองแสนคับแคบของเหอชูซาน ในห้องมีเทียนหนึ่งเล่มถูกจุดไว้ เพดานชื้นแฉะเต็มไปด้วยราส่งกลิ่นอับชื้นออกมา เขานอนคว่ำอยู่บนเตียงโดยมีหมอนรองใต้หน้าอกเพื่อไม่ให้าแจากะุที่ไหล่ัักับผ้าปูที่นอน
เหอชูซานกำลังนั่งอ่านหนังสือใต้แสงเทียนบนม้านั่งเตี้ยๆ โดยใช้ม้านั่งไม้ข้างเตียงอีกตัวต่างโต๊ะ
ชย่าลิ่วอีสูดหายใจเข้าลึกๆ และพบว่านอกจากนิ้วมือแล้ว ส่วนอื่นๆ ของร่างกายนั้นไม่สามารถขยับได้
“เฮ้ย” เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า
เหอชูซานขยับเข้าไปใกล้ แล้วได้ยินเขาพูดประโยคแรกหลังจากตื่นขึ้นมาว่า “หนิวจ๋า”