“ซิ่วหนิง!” เขาเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เราหยุดติดต่อกันสักพักเถอะ ตอนนี้ท่านพ่อของข้าเริ่มสงสัยแล้ว และหากมีคนรู้เข้า ว่าเราสองคนนัดพบกันบ่อย ๆ ข้าเองจะเป็ฝ่ายเสียหาย แต่เ้าไม่ต้องห่วง เราสองคนจะเพื่อนกันเช่นนี้ตลอดไป” นางตอบอย่างกระชับเพื่อไม่เป็การเสียเวลา
“เพื่อนงั้นเหรอ เ้าคิดกับข้าแค่เพื่อนงั้นเหรอ” เหยาเล่อถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ใช่ ข้าคิดกับเ้าแค่เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น ที่ผ่านมาข้าไม่เคยคิดกับเ้าเป็อื่น ข้าขอโทษหากการกระทำบางอย่างของข้าอาจเป็การให้ความหวังเ้า” พูดจบหยางซิ่วหนิงก็เบี่ยงตัวเดินจากมา ปล่อยให้คุณชายเหยาเล่อยืนมองด้วยความผิดหวังอย่างถึงที่สุด
“คุณชายเหยา ในอดีตข้าทำผิดต่อเ้าไว้มาก เ้าเสียใจตอนนี้ ก็ดีกว่าถูกปะาในวันหน้า ลืมข้าไปเสียเถอะ” ซิ่วหนิงขบคิด พร้อมสองเท้าเดินกลับเข้าจวนสกุลหยางไปโดยไม่หันมามองอีกฝ่าย เพื่อตัดขาดคุณชายเหยา และยุติโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น นางจำต้องทำร้ายความรู้สึกเขาอีกครั้ง
ร่างของซุนเยว่เจวียเดินเข้ามาที่ตำหนักเซียนซือพร้อมถือของกำนัลติดมือมาด้วย โดยมีบ่าวติดตามมาสองสามคน เมื่อเห็นชินอ๋องกับพระชายานั่งสนทนากันที่ศาลากลางตำหนัก หญิงสาวกำมือแน่นเล็กน้อย ละความฟุ้งซ่านทั้งหมดในใจ แล้วเดินเข้ามาพลันน้อมกายลง
“ถวายพระพรชินอ๋อง ถวายพระพรพระชายา”
“ซุนเยว่เจวีย มาหาข้าถึงตำหนัก มีเื่ใดงั้นรึ” หลี่จวินเอ่ยถามด้วยสุรเสียงราบเรียบ
“หม่อมฉันมาตามคำสั่งของท่านพ่อเพคะ ให้นำเอาของกำนัลมาถวายพระองค์ เนื่องในโอกาสที่ได้เสกสมรส” ชินอ๋องเลื่อนสายตาไปยังของกำนัลเ่าั้
“ฝากขอบใจใต้เท้าซุนมู่โหยวด้วย ที่มีน้ำใจ”
“เพคะ” นางน้อมกายลงแล้วยิ้ม ก่อนชินอ๋องจะลุกขึ้นยืนเพราะอึดอัดที่จะต้อนรับอีกฝ่าย รู้ว่าแท้จริงแล้วภายใต้หน้ากากนั้นล้วนอาบไปด้วยยาพิษ
“พระชายา เ้าอยู่คุยเป็เพื่อนกับคุณหนูเยว่เจวียก่อนแล้วกัน ข้ามีเื่ต้องทำอีกมากมาย” เขาพูดพร้อมเตรียมเดินออกจากบริเวณนั้น
“เพคะ” พระชายาตอบรับ ก่อนทั้งสองจะทอดสายตามองตามร่างของชินอ๋องจนลับตา
“เชิญคุณหนูเยว่เจวียนั่งก่อน” ซุนเยว่เจวียยิ้มอ่อน แล้วย่อตัวลงนั่งตามคำสั่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองบรรยากาศในตำหนักเซียนซือ ตำหนักที่นางหมายปองมาั้แ่เยาว์วัย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกคุณหนูรองสกุลหยางชิงตัดหน้ามาอยู่เสียก่อน
“ตำหนักเซียนซือ เคยเป็ตำหนักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันตอนที่พระองค์รั้งตำแหน่งรัชทายาท มาวันนี้ได้ตกทอดเป็ของชินอ๋องแล้ว ก็ยังยิ่งใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง พระชายาโชคดีมากนะเพคะ ที่ได้มาอยู่ตำหนักนี้” ซิ่วหนานยิ้มเล็กน้อยอย่างวางตัว พลันรินชาให้แขกผู้มาเยือนด้วยกิริยาอ่อนโยน
“โชคดีกว่านั้น คือการได้อยู่ใกล้ชิดชินอ๋องมากกว่า” นางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนอีกฝ่ายจะแอบกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ พลันมองอาภรณ์ที่พระชายาสวมใส่แล้วยิ้มออกมา
“พระชายาสวมชุดราคาแพงเช่นนี้ ดูเหมาะสมกว่าชุดธรรมดาของสกุลหยางอีกนะเพคะ” ฝีปากของคุณหนูเยว่เจวียเริ่มกล่าววาจาล่วงเกิน ก่อนนางกำนัลที่ยืนอยู่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้
“บังอาจ!” นางกำนัลเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“หลันฮวา เ้ามีไปทำก็ไปเถอะ” พระชายาเอ่ยขึ้นด้วยความใจเย็น
“แต่ว่า..” อีกฝ่ายทำท่าไม่ยอม
“ไปเถอะน่า”
“เพคะ” ในที่สุดหลันฮวาก็ยอมเบี่ยงกายเดินจากไป เหลือเพียงคุณหนูเยว่เจวีย ที่นั่งยิ้มอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน
“เื่อาภรณ์ของข้า อันที่จริงข้าชอบผ้าที่ทอจากสกุลหยางมากกว่า เพราะสืบทอดกันมาทางท่านแม่หลายชั่วอายุคน แต่เมื่อได้ขึ้นเป็พระชายาของชินอ๋องแล้ว ข้าก็จำเป็ต้องสวมใส่อาภรณ์พวกนี้ให้สมฐานะ” ซุนเยว่เจวียยิ้มเล็กน้อย
“ก็จริงของพระชายานะเพคะ ผ้าที่ทอจากสกุลหยางเป็ที่เลื่องลือว่าคุณภาพดีนัก แต่น่าเสียดายที่หม่อมฉันเคยได้ยินคุณหนูใหญ่สกุลหยาง พูดว่าผ้าที่ทอจากสกุลหยางไฉนเลยจะสู้ผ้าที่ทอจากราชสำนักได้ ในเมื่อคุณหนูใหญ่ยืนยันเช่นนั้น ในจวนของหม่อมฉันก็เลยไม่มีผ้าจากสกุลหยางสักผืน แต่เมื่อมาฟังจากปากของพระชายาแล้ว เห็นทีหม่อมฉันคงต้องให้ท่านพ่อหาผ้าจากสกุลหยางมาสักผืนแล้วกระมังเพคะ” สายตาของเยว่เจวียพูดพร้อมยกชาขึ้นดื่ม รอยยิ้มบางเบาของซิ่วหนานเผยออกมาอย่างไม่สะท้าน
“จริงสิเพคะ เมื่อครู่หม่อมฉันก็ลืมเสียสนิท อีกสามวันฮองเฮารับสั่งให้จัดงานรำลึกถึงวีรชนของสกุลซุนที่จวน หม่อมฉันฝากพระชายาเชิญชินอ๋องด้วยนะเพคะ งานนี้เหล่าเสนาบดีกรมต่าง ๆ ไปมาก ใต้เท้าหยางและฮูหยินก็คงไปด้วยเช่นกัน” พระชายาเอื้อมไปรับจดหมายเชิญ แล้วยกยิ้มเล็กน้อย
“ข้าจะทูลท่านอ๋องให้”
“ขอบพระทัยเพคะ ตอนนี้หมดหน้าที่หม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันขอตัวกลับก่อน” พูดจบ ซุนเยว่เจวียก็ลุกขึ้นน้อมกายลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไปท่ามกลางสายลมพัดมาปะทะกายอย่างแ่เบา
ภายในตำหนักหลวง ขณะที่ฮ่องเต้ทรงงานอยู่ ร่างของฮองเฮาก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน ทำให้ฮ่องเต้วางมือจากงานตรงหน้า แล้วหันมายิ้มให้กับฮองเฮาด้วยสายพระเนตรอ่อนโยนและเมตตา
“วันนี้เหตุใดจึงมาพบข้าเร็วนัก”
“ใกล้จะถึงวันงานของสกุลซุนแล้ว พระองค์จะเสด็จที่จวนหรือไม่เพคะ” นางถามอย่างมีความหวัง ก่อนฮ่องเต้จะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาตอบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้