เล่มที่ 2 บทที่ 36 ความชอบของตี้เฉิน
ตี้เฉินใไปชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วมองนาง ไม่รู้ว่าสาวน้อยผู้นี้กำลังนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายอะไรอยู่ จึงรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ภายในใจของนาง
และตี้เฉินก็ตระหนักว่าแท้จริงแล้วเขาเองก็ยังรู้จักหานโม่ไม่ดีพอ
"แน่นอนว่าไม่ เ้าเป็หญิงสาวที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา" ตี้เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หานโม่ชำเลืองมองตี้เฉินอย่างเฉยเมย
เดิมทีหานโม่คิดว่าตี้เฉินเป็เสือหน้ายิ้ม [1] แต่คิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะมีด้านที่ปากหวานเช่นนี้ด้วย
ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาหานโม่มิใช่คนที่หากโดนผู้ใดเอ่ยชมสองสามคำแล้วจะเขินจนหน้าแดงใจเต้นแรงอะไรเช่นนั้น นางเหลือบมองตี้เฉินช้าๆ พลางขมวดคิ้วและเอ่ยพูดว่า "นี่เป็วิธีการหว่านล้อมสตรีของท่านหรือ?"
ใบหน้าของตี้เฉินแข็งค้างไปชั่วขณะ
“นอกจากเ้าแล้ว ข้าก็ไม่เคยทำกับหญิงอื่นอีก”
ในสายตาของตี้เฉินแล้วนี่เป็คำถามที่สำคัญมากข้อหนึ่ง ดังนั้นเมื่อพูดออกมาน้ำเสียงของเขาจึงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและจริงจังเป็พิเศษ
คราวนี้เป็ทีของหานโม่ที่ต้องตกตะลึงบ้าง
ถึงแม้ว่าหานโม่จะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของชายผู้นี้มากนัก นอกจากนี้ถึงอย่างไรเสียนางก็เคยถูกคนใกล้ชิดทรยศจนตายในชาติก่อน จนทำให้หัวใจที่แข็งกระด้างอยู่แล้วของหานโม่นั้นยิ่งแข็งกระด้างมากขึ้นไปอีก แต่ในตอนนี้หานโม่กลับเต็มใจที่จะเชื่อในคำพูดของตี้เฉิน
ไม่ใช่เพราะเหตุผลอันใดแต่เป็แค่ความรู้สึกหนึ่งเท่านั้น
ตี้เฉินเป็คนที่พูดคำไหนคำนั้น
เมื่อหานโม่ได้คิดทบทวนอีกครั้ง ตี้เฉินที่มายุ่งวุ่นวายกับนางนั้นเป็คนเช่นไรหรือ? แล้วเหตุใดนางถึงต้องมาครุ่นคิดมากมายเช่นนี้เล่า?
เสียงกระแอมไอทุ้มต่ำดังขึ้น เพราะหานโม่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับหัวข้อสนทนาอีกต่อไปแล้ว
พอดีกับตี้เฉินที่อุ้มหานโม่มานั้นปล่อยนางลงมายืนบนพื้นเรียบร้อยแล้ว ลมจากหน้าผาพัดมาเข้ามากระทบใบหน้าและลำตัวจนทำให้ความคิดที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของหานโม่ได้รู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งขึ้นมาทันที
นอกเหนือจากความทรงจำที่ไม่น่ารื่นรมย์ของเ้าของร่างเดิมแล้ว หน้าผาแห่งนี้ก็จัดได้ว่ามีวิวทิวทัศน์ที่ไม่เลวเลย
หน้าผาแห่งนี้นั้น เมื่อครั้งที่ยังไม่ได้เป็ของตระกูลหานชาวบ้านมักจะมาที่นี่เพื่อเก็บสมุนไพรอยู่เสมอ สมุนไพรบางชนิดเติบโตบนหน้าผาแห่งนี้เท่านั้น จึงถือได้ว่าเป็สถานที่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในการเก็บสมุนไพรเลยทีเดียว
แต่หลังจากที่ตระกูลหานยึดครองสถานที่ทั้งหมดไป ก็เปลี่ยนให้กลายเป็พื้นที่ส่วนตัวของตระกูลหานเท่านั้น แต่คนในตระกูลหานกลับไม่เห็นค่าและไม่ดูแลรักษาสมุนไพรที่ขึ้นบริเวณหน้าผาแห่งนี้ พื้นที่แห่งนี้จึงค่อยๆ รกร้างว่างเปล่าไป
จนกระทั่งต่อมาหานซินจึงใช้เป็สถานที่ในการลงโทษและทรมานผู้คน
หานโม่หันไปมองรอบๆ และค่อยๆ มีรอยยิ้มเ็าเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ตี้เฉินปล่อยเอวของหานโม่ทันทีที่เท้าแตะพื้นเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าััของผิวเนื้อนุ่มๆ จะยังติดอยู่ที่ปลายนิ้วจนทำให้ตี้เฉินรู้สึกว่ายังอยากััต่ออีก แต่การจะรุกล้ำอีกฝ่ายมากกว่านี้ตี้เฉินถือว่าเป็เื่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพยายามข่มอารมณ์ที่สะท้อนผ่านดวงตาให้ลึกที่สุด พลางเสตามองออกไปที่อื่นไกลๆ
รอจนเมื่ออารมณ์ของตนเองเบาบางลงแล้วเขาจึงหันหน้ากลับมาอีกครั้ง จากนั้นจึงมองเห็นรอยยิ้มเ็าเล็กๆ ที่มุมปากของหานโม่
หากเมื่อก่อนมีคนมาบอกตี้เฉินว่ารู้สึกใจเต้นตอนที่ผู้หญิงยิ้มอย่างเ็า เขาก็คงจะตอบคนผู้นั้นด้วยการเอ่ยคำว่า "ไปให้พ้น" อย่างแน่นอน
เพราะเขานั้นคิดว่าตนเองก็เหมือนกับชายหนุ่มธรรมดาทั่วไป เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงเท่าไหร่นัก แต่ก็พูดได้ว่าทุกอย่างนั้นล้วนแล้วแต่ปกติดี พอมาเจอกับหานโม่ ตี้เฉินก็เพิ่งตระหนักได้ว่าบางทีนั่นอาจจะเป็เพราะว่าเขาทนที่จะไม่รำคาญผู้หญิงในโลกนี้ไม่ได้ แต่เป็เพราะความชอบส่วนตัวของเขาเองที่ไม่เหมือนใคร
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าใบหน้าของนางที่กำลังเผยรอยยิ้มเ็า รวมไปถึงดวงตาที่ดูเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งของหานโม่ ช่างน่าหลงใหลอะไรขนาดนี้
บนหน้าผามองเห็นดาวดาวที่มีส่องแสงสว่างแวววาวระยิบระยับราวกับไข่มุกที่ค่อยๆ ร่วงหล่นอยู่บนท้องนภาอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ สาวน้อยในชุดสีดำที่สภาพยุ่งเหยิงเล็กน้อย เส้นผมยาวเงางามหลุดลุ่ยเพราะว่าขยับตัวมากไปและมัดไว้ไม่แ่านัก เมื่อครู่ตี้เฉินเห็นด้วยตาตนเองว่าทั้งเส้นผมและเสื้อผ้าเป็หานโม่ที่จัดการด้วยตนเองทั้งหมด ในคราแรกเขาไม่ได้คิดว่าจะมีสิ่งใดที่ผิดแปลกไป แต่เมื่อมามองดูตอนนี้ กลับเห็นว่าหานโม่ที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงเช่นนี้ยังคงงดงาม
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านมาลูบไล้แก้มของหานโม่อย่างอ่อนโยน ด้วยผิวราวกับหยกที่บอบบางและเนียนละเอียดเสียจนไม่เห็นเส้นขนแม้แต่เส้นเดียว ใบหน้าด้านข้างที่สะอาดสะอ้านเรียบเนียนราวกับเด็กทารกเช่นนี้ทำให้ตี้เฉินอยากจะยกมือขึ้นมาััเล็กน้อย
ริมฝีปากบางของหญิงสาววาดออกมาเป็เส้นโค้งที่เผยให้เห็นลักยิ้มเล็กๆ
ปากรูปกระจับที่ละเอียดอ่อนคล้ายกับมีหยดน้ำอยู่ตรงกลางริมฝีปากของหญิงสาว เมื่อได้มองอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ทันใดนั้นภายในใจก็รู้สึกคันอย่างไม่มีเหตุผล
ตี้เฉินจ้องหานโม่ด้วยดวงตาที่เป็ประกายแพรวพราว
เขารับรู้มาตลอดว่าหานโม่จัดได้ว่าเป็หญิงสาวที่รูปโฉมงดงามเป็อย่างยิ่ง แม้ว่าชีวิตที่ผ่านมาเขาจะเคยพบเจอหญิงสาวที่สวยงามมาแล้วมากมาย แต่รูปลักษณ์และท่าทางของคนเ่าั้เทียบไม่ได้เลยกับหญิงสาวที่กำลังอยู่เบื้องหน้าเขา
หานโม่
หานโม่......
ตี้เฉินพึมพำชื่อหานโม่ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจ
เมื่อรวมใบหน้าที่มีรอยยิ้มเ็าของหานโม่ในตอนนี้ด้วยแล้ว ทันใดนั้นอยู่ๆ ตี้เฉินก็พลันรู้สึกได้ว่ามีความร้อนรุ่มสายหนึ่งกำลังพวยพุ่งขึ้นมาจนถึงหน้าผาก แต่ในตอนที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบว่าต้องทำสิ่งใด เขาก็เอนตัวเข้าไปใกล้หานโม่
จากเดิมที่ภายในหัวของหานโม่เต็มไปด้วยความทรงจำของเ้าของร่างเดิมที่มีต่อหน้าผาแห่งนี้วนเวียนไปไม่รู้จบ ในเวลาต่อมาความทรงจำเลวร้ายในอดีตเ่าั้ก็ถูกพัดหายไปด้วยทิวทัศน์งดงามเบื้องหน้าและสายลมยามค่ำคืนที่กระทบตามร่างกาย ทำให้หานโม่รู้สึกเบิกบานและผ่อนคลายขึ้นมากนัก
ั้แ่แรกเมื่อฟื้นขึ้นมาในทวีปแห่งนี้ หานโม่ก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองอยู่เสมอ จึงไม่เคยได้มี่เวลาพักผ่อนหย่อนใจเช่นนี้มาก่อนเลย
ในยามที่ผู้คนต่างรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวก็มักจะชอบบิดี้เีกัน หานโม่ที่ได้ขยับร่างกายออกแรงไปก่อนหน้านี้ก็กำลังรู้สึกว่าไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก จึงเอนตัวไปด้านหลังและยืดแขนออกมาเหยียดบิดี้เีไปเสียหนึ่งที
ดวงตาของตี้เฉินที่กำลังมองแก้มของหานโม่อยู่ก็ถูกแขนเรียวของนางปัดผ่านเฉียดริมฝีปากของตี้เฉินไป "......"
ช่างใกล้มากอะไรขนาดนั้น
และตี้เฉินก็คล้ายจะโกรธเล็กน้อย
ดวงตาคมทอประกายดำมือ จากนั้นจึงยืดตัวขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก พลางหันหน้าไปมองหานโม่
หานโม่ที่ยืดเส้นยืดสายเสร็จจนรู้สึกสบายตัวแล้วนั้น นางไม่ได้สนใจสายตาของตี้เฉินที่มองมาเลยแม้แต่น้อย
อยู่ๆ ตี้เฉินก็เกิดคำถามผุดขึ้นมาในใจ
ผู้หญิงอย่างหานโม่ที่มีวิธีในการจัดการสิ่งต่างๆ หรือวิธีการพูดก็ล้วนดูไม่เหมือนกับผู้คนในทวีปแห่งนี้เลย และนิสัยเอ้อระเหยไม่รีบร้อนของนางนั้นก็ทำให้ตี้เฉินรู้สึกว่าช่างน่าสนใจมาก
เขาได้เดินทางไปทั่วทั้งทวีปเสวียนเทียนและพบเจอผู้คนมากมายใน่หลายปีที่ผ่านมานี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครที่มีลักษณะพิเศษเหมือนหานโม่
"หานโม่ เ้ามาจากที่ใดกันหรือ?" อยู่ๆ ตี้เฉินก็ถามหานโม่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หานโม่ตกตะลึงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองหน้าตี้เฉิน นางเอ่ยตอบเขากลับไปว่า "ข้าแน่ใจว่าเพิ่งถูกท่านอุ้มมาเองนะ"
ตี้เฉิน "......"
อารมณ์ขันที่น่าเบื่อของหานโม่นั้น ตี้เฉินกลับแสดงท่าทางออกมาว่าเขาไม่ได้ตลกด้วยเลย
"สิ่งที่ข้าถามก็คือ เ้ามาจากไหน การกระทำของเ้าดูไม่เหมือนผู้ที่มาจากเสวียนเทียนเลย"
เมื่อหานโม่ได้ฟังความหมายในคำพูดของตี้เฉินแล้ว นางไม่คาดคิดเลยว่าตี้เฉินจะฉลาดหลักแหลมอะไรขนาดนี้ แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ใบหน้างามกลับไม่แสดงความรู้สึกใดออกมาเลย "การกระทำของผู้คนในเสวียนเทียนที่ท่านเอ่ยถึงนี่ คือการถูกรังแกแล้วก็สิ้นหวังจนตายใช่หรือไม่?”
ตี้เฉินจ้องมองหานโม่อย่างเงียบๆ ไปชั่วขณะหนึ่ง
ผ่านไปไม่นาน เขาก็หัวเราะออกมาดังลั่น
"เ้านี่นะ เ้านี่"
เสียงหัวเราะของเขาท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบงันช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก น้ำเสียงของเขาไม่รู้เ้าตัวตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พอได้ยินแล้วในหูของคนที่ได้ฟังนั้นก็รู้สึกราวกับว่ากำลังบางสิ่งบางอย่างที่ขนปุกปุยมาลูบคลำ
หานโม่รู้สึกขนลุกที่ใบหูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เบนสายตามองไปทางอื่นอย่างเงียบๆ พยายามกำจัดความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดจากคำพูดของตี้เฉินออกไปจากความคิดด้วย
และเพื่อให้ตนเองกลับมาเป็ปกติโดยเร็วที่สุด หานโม่จึงเปลี่ยนเื่ว่า "งั้นแล้วท่านเล่า? ท่านมาจากที่ใดงั้นหรือ?"
ตี้เฉินหัวเราะ "มิใช่ว่าเ้ารู้อยู่แล้วหรอกหรือว่าข้ามาจากที่ใด?"
หานโม่ก็หัวเราะเช่นกัน "ข้าไม่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มนักฆ่ารับจ้างเปลวเพลิงสีชาดคือตัวตนที่แท้จริงของท่านหรอก"
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] เสือหน้ายิ้ม หมายถึง หน้าเนื้อใจเสือ คือคนที่หน้าตาดูใจดีมีเมตตาแต่ใจคอดุร้ายโเี้
