ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    เซียวเฉิงซานมองอาหารบนโต๊ะด้วยท่าทางได้ใจยกชามขึ้น กลืนโจ๊กครึ่งชามใหญ่และกับข้าวลงท้องไปโดยแทบไม่เคี้ยว กินสองสามคำก็หมดหมั่นโถวสองลูกนั้นเขาก็ใส่ไว้ในอกเสื้อ ก่อนเดินออกไปด้วยท่าทางวางมาด

 

       เถียนเอ๋อซักผ้าเสร็จเพิ่งกลับบ้านก็เห็นเงาแผ่นหลังของเซียวเฉิงซานเดินเลี้ยวตรงหัวมุมข้างหน้า เถียนเอ๋อไม่ได้สนใจเข้าไปก็เห็นว่าโจ๊กและกับข้าวรวมถึงหมั่นโถวบนโต๊ะตัวเล็กถูกกินจนหมดแล้ว

 

       ระหว่างที่นางกำลังตากเสื้อผ้าเซียวจินก็นำเสื้อมาโยนไว้บนพื้น

 

       เมื่อเถียนเอ๋อเห็นว่ายังมีเสื้อสกปรกอีกหนึ่งตัวก็ไม่พอใจ “เสื้อตัวนี้เ๽้าเพิ่งเปลี่ยนเมื่อคืนไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงสกปรกอีกแล้ว! ”

 

       เซียวจินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน“อย่าพูดเลย เมื่อครู่เซียวเฉิงซานเคยมา”

 

       “เขามาทำอะไร? ” เถียนเอ๋อเอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย

 

       เซียวจินอยากอาเจียนอีกครั้ง“ไม่ได้ทำอะไร เพียงบอกว่าเมื่อคืนเขาตกลงไปในหลุมส้วม ตกหลุมส้วมก็ไม่รู้จักล้างให้สะอาดเอาแต่มาถูตัวข้า เอ๋ โจ๊กของข้าเล่า? เ๽้าเททิ้งแล้วงั้นหรือ? ”

 

       เถียนเอ๋อ “ข้าเพิ่งกลับมาจะเทโจ๊กของเ๽้าไปทำไม? ”

 

       “หมั่นโถวเล่า? ”

 

       “ไม่ใช่ว่าเ๽้ากินไปแล้วงั้นหรือ? ”

 

       เซียวจินโวยวายเสียงดัง“ข้ากินเสียที่ไหน หมั่นโถวนั่นข้ากินไปเพียงคำเดียว โจ๊กข้าก็กินไปแค่ชามเล็ก” โวยวายเสร็จก็นึกได้ทันที“อ้อ ข้ารู้แล้ว เ๽้าชั่วเซียวเฉิงซานนั่นกินไป! ”

 

       ใครบ้างไม่รู้อุปนิสัยของเซียวเฉิงซานอาศัยกินดื่มบ้านคนอื่นจนมีประสบการณ์ช่ำชอง

 

       สองสามีภรรยารวมใจสามัคคีช่วยกันด่าว่าเซียวเฉิงซานเป็๲เ๽้าคนชั่ว

 

       ส่วนเ๽้าคนชั่วผู้นั้นก็เดินวางมาดจนกลับถึงบ้านประจวบเหมาะกับที่หลัวไห่ตี้ลืมตาตื่นขึ้น

 

       เซียวเฉิงซานโยนหมั่นโถวลูกหนึ่งให้หลัวไห่ตี้หลัวไห่ตี้นอนอยู่บนเตียง หยิบหมั่นโถวขึ้นมากินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

       หมั่นโถวลูกเดียวจะกินให้อิ่มท้องได้อย่างไรหลัวไห่ตี้โวยวาย "หมดแล้วงั้นหรือ? "

 

       เซียวเฉิงซานเหล่มองเขา"เ๽้ายังจะกินอะไรอีก? "

 

       หลัวไห่ตี้กล่าวด้วยความหงุดหงิด"ข้าเป็๲ชายชาตรี เ๽้าให้ข้ากินหมั่นโถวเพียงลูกเดียว? "

 

       "ข้าก็กินหมั่นโถวแค่ลูกเดียวเหมือนกันบ้านข้ามีแค่นี้ หากเ๽้ายังไม่อิ่มก็คิดหาวิธีเองแล้วกัน" เซียวเฉิงซานกล่าวอย่างไม่พอใจ

 

       หลัวไห่ตี้ได้แต่หุบปาก

 

       หากเซียวเฉิงซานไล่เขาออกไปจริงเช่นนั้นเขาคงไม่ได้กินของดีเป็๲แน่

 

       บุรุษสองคน หลังจากกินหมั่นโถวเสร็จก็นอนหลับต่อหลับยาวถึง๰่๥๹บ่าย หลัวไห่ตี้ตื่นเพราะความหิว

 

       ทั้งวันได้กินหมั่นโถวเพียงลูกเดียวไม่มีเนื้อให้กินสักนิด เขาหิวแทบตายแล้ว

 

       ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่เขารู้สึกเหมือนมีกลิ่นหอมกรุ่นทำให้เขาหิวอยู่ตลอด

 

       เหมือนจะเป็๲ไก่ย่าง!

 

       "บ้านไหนทำไก่ย่างกัน? ทำไมถึงหอมขนาดนี้? " หลัวไห่ตี้กลืนน้ำลายอึกหนึ่งพลางลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

 

       เซียวเฉิงซานก็หิว จึงกลืนน้ำลายอึกหนึ่งเช่นกันก่อนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร"

 

       หลัวไห่ตี้ผลักเขา “เ๽้าลองไปดูว่าบ้านไหนทำไก่ย่าง ไปเอามาหน่อย”

 

       กลิ่นหอมลอยมาจากด้านหลังตัวบ้าน หลังบ้านเป็๲ผืนป่าในนั้นจะมีกลิ่นหอมของไก่ย่างได้อย่างไร?

 

       บางทีอาจมีคนจับไก่ป่าได้จึงย่างไก่อยู่ในป่าหลังบ้านก็เป็๲ได้!

 

       เซียวเฉิงซานพลิกตัว “ข้าจะไปเอาไก่ย่างมาจากไหน? เ๽้าอยากกินก็ไปเอง! ”

 

       หลัวไห่ตี้หิวจนทนไม่ไหวหิวจนไส้กิ่วแล้ว เมื่อเห็นว่าเซียวเฉิงซานไม่เคลื่อนไหว ก็โมโหแทบตาย

 

       ต้องรู้ว่าเวลาเขาอยู่หมู่บ้านสกุลหลัวอยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่จำเป็๲ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งวันได้กินหมั่นโถวเพียงลูกเดียวหลัวไห่ตี้ไม่อยากทำให้เซียวเฉิงซานไม่พอใจ จึงกล่าว “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะออกไปหาของกิน”

 

       กล่าวจบ หลัวไห่ตี้ก็ออกไปจริงๆ

 

       เซียวเฉิงซานเห็นเขาไปแล้วจึงพลิกตัว นอนหลับต่อ ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวก็ต้องสูญเสียพลังงาน ๰่๥๹เช้าเขาได้กินโจ๊กครึ่งชามใหญ่กับหมั่นโถวลูกเดียวเก็บพลังกายไว้จะดีกว่า

 

       หลัวไห่ตี้กลัวจะโดนคนในหมู่บ้านพบตัวไม่ได้เดินไปในหมู่บ้าน แต่เดินไปทางผืนป่า ยิ่งเดินลึกเข้าไป กลิ่นหอมของไก่ย่างก็เข้มข้นยิ่งขึ้น

 

       ทั้งยังมีกลิ่นควันไฟด้วย

 

       ใครกันที่มาย่างไก่อยู่ในผืนป่า?

 

       พอหลัวไห่ตี้คิดได้ว่ามีคนกำลังย่างไก่อยู่ในนั้นก็ดีใจจนน้ำลายไหล เขาพุ่งพรวดเข้าไปในผืนป่าโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

 

       ยิ่งเดินลึกเข้าไป กลิ่นควันไฟก็แรงขึ้นกลิ่นไก่ย่างก็เข้มข้นยิ่งขึ้น

 

       และแล้ว ยังเดินได้ไม่ไกลนักก็เห็นว่าด้านหน้ามีกิ่งไม้วางพาดอยู่ บนกิ่งไม้มีไก่ตัวหนึ่งที่ถูกย่างจนเป็๲สีเหลืองทองทั้งยังมีน้ำมันหยดอยู่

 

       ถึงแม้ไก่จะไม่ได้ตัวอวบอ้วนแต่นั่นก็เป็๲เนื้อ!

 

       หลัวไห่ตี้เหลียวซ้ายแลขวาอย่างฉับพลันคนย่างไก่ไม่อยู่

 

       อาจกำลังไปหาฟืนที่อื่นหลัวไห่ตี้อยากกินจนน้ำลายไหล หากไม่กินตอนนี้ จะให้รอถึงตอนไหนเล่า

 

       หลัวไห่ตี้พุ่งพรวดไป หยิบไก่ย่างขึ้นมากัดกินทันทีไก่ย่างนั่นถูกย่างจนเป็๲สีเหลืองทองมีน้ำมันซึม ร้อนแทบตาย แต่หลัวไห่ตี้ก็ไม่รู้สึกรู้สา

 

       ไม่ได้กินเนื้อมาตลอดวันเขาหิวจนทนไม่ไหวแล้ว รีบกินไก่ลงไปครึ่งตัวอย่างเอร็ดอร่อย

 

       ยังคงหิวจนทนไม่ไหว

 

       หลัวไห่ตี้ไม่คิดเกรงใจกินไก่ที่เหลืออีกครึ่งตัวจนหมดเกลี้ยง

 

       เซียวเฉิงซานจะหิวหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเขา!

 

       เมื่อกินไก่หมดหนึ่งตัวหลัวไห่ตี้ก็เช็ดปากที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมันอย่างพึงพอใจ ลุกขึ้นยืนพร้อมส่งเสียงเรอด้วยความอิ่มเขาไม่ได้กลับบ้าน กลัวว่าตนเองเรอด้วยความอิ่มและกลิ่นเนื้อไก่บนตัวจะทำให้เซียวเฉิงซานสงสัยจึงเดินเล่นอยู่ในผืนป่า เพิ่งเดินไปไม่กี่สิบเมตร ก็มีเสียง “ตึง” ดังขึ้น หลัวไห่ตี้ล้มลงบนพื้น

 

       ไม่นานก็มีเสียงกรนดังขึ้นนอนหลับไปแล้ว

 

       เวลานี้เอง มีคนสองคนเดินออกมาจากผืนป่าที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอย่างหนาแน่นผู้ใหญ่หนึ่งคนเด็กหนึ่งคน คือเซี่ยยวี่หลัวและเซียวจื่อเซวียนนั่นเอง

 

       พวกเขาเพ่งมองหลัวไห่ตี้ที่หมดสติไปแล้วด้วยอารมณ์โมโหก่อนจะหันสบตากันและยิ้มออกมา

 

       ไก่ย่างนั่นพวกเขาเป็๲คนย่างเพื่อดึงดูดหลัวไห่ตี้หรือเซียวเฉิงซานมา คราวนี้ก็ดี จับตัวหลัวไห่ตี้ได้ ให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติของยาสลบเสียบ้าง

 

       เซี่ยยวี่หลัวเดินขึ้นหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวกับเซียวจื่อเซวียน “ไปกัน เราขังเขาไว้”

 

       เซียวจื่อเซวียน “พี่สะใภ้ใหญ่จะขังเขาไว้จริงหรือขอรับ? ”

 

       เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าว“ขัง! ” ใครใช้ให้เขาล่วงเกินนาง ให้เขาต้องลำบากเสียบ้าง ถึงจะสำนึกว่าคนที่เขาล่วงเกินนั้นเป็๲ผู้ใด

 

       ใครไม่ทำร้ายนาง นางก็จะไม่ทำร้ายผู้นั้นหากใครทำร้ายนาง ก็จะเอาคืนเป็๲เท่าตัว!

 

       ด้านหลังผืนป่าเป็๲๺ูเ๳าตรงตีน๺ูเ๳ามีถ้ำอยู่ไม่น้อย เซี่ยยวี่หลัวหาถ้ำไว้หนึ่งแห่งก่อนแล้ว จับหลัวไห่ตี้ที่ถูกมัดไว้โยนเข้าไป

 

       นำเศษผ้าที่ดึงมาจากชายเสื้อของเซียวเฉิงซานไปวางไว้ในถ้ำ

 

       จากนั้น ก็ใช้หินก้อนใหญ่ปิดปากถ้ำไว้อย่างมิดชิดทั้งคู่จึงกลับบ้านไป

 

       เซียวเฉิงซานรอแล้วรออีกก็ยังไม่เห็นหลัวไห่ตี้กลับมา คิดว่าเขาอาจหิวจนทนไม่ไหวจึงกลับบ้านไปแล้ว จึงไม่ได้สนใจใกล้ถึงเวลามื้อเย็นก็ลุกขึ้น แต่งตัวเรียบร้อยแล้วออกบ้านไปอาศัยกินดื่มบ้านคนอื่น

 

       ท่าทางเกียจคร้านทำตัวเรื่อยเปื่อยราวกับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเหตุใดหลัวไห่ตี้ถึงยังไม่กลับมา และไม่เป็๲ห่วงหลัวไห่ตี้สักนิด

 

       เมื่อเห็นเซียวเฉิงซานเดินอยู่ในหมู่บ้านอย่างไร้กังวลเซี่ยยวี่หลัวนำของสิ่งหนึ่งออกมาพร้อมกล่าวอะไรบางอย่างข้างหูเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนรีบพยักหน้าพร้อมบอกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นจึงรีบรับของมาและเดินไปในหมู่บ้าน

 

       ไม่นานก็พบสองพี่น้องต้าจ้วงและเสี่ยวฮวากำลังเล่นดินโคลนอยู่ในหมู่บ้านเมื่อเห็นว่าในมือเซียวจื่อเซวียนมีขนมอร่อย แต่ละคนก็รีบเข้าไปคิดจะแย่ง เซียวจื่อเซวียนจงใจไม่ให้พวกเขาจับได้สุดท้ายวิ่งจนหมดแรง ถูกพวกเขาจับตัวได้ตรงหน้าบ้านเซียวเฉิงซาน

 

       ได้แต่แบ่งขนมให้คนละหนึ่งชิ้นอย่างจนใจจากนั้นจึงชี้ไปที่รั้วไม้ตรงลานหน้าบ้านเซียวเฉิงซาน กล่าวด้วยท่าทางสงสัย “นั่นเป็๲ของที่บ้านท่านอาเฉิงซานทำหายงั้นหรือ? เหมือนจะเป็๲สร้อยเส้นหนึ่ง! ”

 

       “ของข้า! ” เซียวต้าจ้วงยังไม่ได้ดูอย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรแย่งสร้อยได้ก็รีบวิ่งหนีไป

 

       สร้อยเส้นนั้นเอามาจากคอหลัวไห่ตี้เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าบนคอหลัวไห่ฮวาก็มีสร้อยที่คล้ายกันอยู่เส้นหนึ่ง ในเมื่อส่งของไปถึงตรงหน้าหลัวไห่ฮวาแล้วเช่นนั้นต่อไปก็ต้องดูท่าทีของหลัวไห่ฮวา

 

       ไม่นานฟ้าก็มืด

 

       และเวลานี้ หลัวไห่ตี้ที่อยู่ภายในถ้ำก็ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ

 

       เบื้องหน้ามีเพียงความมืดมิด

 

       “เซียวเฉิงซาน ทำไมเ๽้าถึงไม่จุดไฟ? ” หลัวไห่ตี้กล่าวเป็๲เชิงตำหนิ

 

       ภายในถ้ำแคบมีเสียงสะท้อนกลับดังอื้ออึงไม่มีใครตอบเขา มีเพียงเสียงสะท้อนของเขาที่ดังอื้ออึง


       หลัวไห่ตี้คิดจะลุกพรวดขึ้นแต่เพิ่งยืดขาออก ก็สะดุดเข้าแล้ว “เ๽้าสารเลวคนไหนกล้ามัดข้าไว้! ”

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้