กล่าวจบ คาดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อกลับสะอื้นไห้กล่าวต่อ “แม้เฟยซื่อจะอายุน้อย ทว่าข้ากลับหยิ่งทะนงในตนเอง ถ้าท่านพ่อไม่อยากได้ ทั้งไม่สนใจข้าแล้ว เช่นนั้นวันข้างหน้าข้าควรทำอย่างไรดีเ้าคะ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกผู้หญิงคือเื่มงคลสมรส ถ้าไม่มีท่านพ่อกับแม่ใหญ่ดูแล แล้วเฟยซื่อจะไปหาสามีที่ดีได้ตรงไหนเ้าคะ”
ที่แท้เป็เช่นนี้ ที่แท้ซูเฟยซื่อพยายามสุดแรงที่จะเอาใจนางขนาดนี้ เพราะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถหาสามีที่ดีได้
ดูไปแล้วนางก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง
คิดถึงตรงนี้ นางแซ่หลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเ็า กวาดเอาความตื่นกลัวที่มีต่อซูเฟยซื่อในใจไปหมดทันที เหลือเพียงการลบหลู่ดูถูก
คิดหาสามีที่ดีก็จำเป็ต้องประจบเอาใจนางที่เป็นายหญิงเ้าของครอบครัวคนนี้ ขอเพียงฉวยโอกาสจุดนี้ ก็สามารถควบคุมซูเฟยซื่อได้แล้ว
“เ้าเด็กโง่ ที่พูดแบบนี้เป็วาจาอะไรกัน แต่ถึงอย่างนั้น พี่ใหญ่เ้าเข้าวังไปแล้ว พี่รองได้เป็พระชายาซีอ๋อง ส่วนเ้าก็เกือบจะถึงอายุที่เหมาะสมในการสมรสแล้ว เ้าวางใจเถิด เมื่อถึงเวลา แม่ใหญ่ต้องเลือกสามีที่ดีในครอบครัวที่คู่ควรแก่เ้าแน่ๆ อย่างน้อยก็ต้องเหมือนพี่รองเ้านั่นล่ะ” นางแซ่หลี่กล่าวอย่างอารมณ์ดี
ในดวงตาซูเฟยซื่อเผยแววคมกริบกระแสหนึ่งผ่านไป เหมือนซูจิ้งเซียง? สามีที่วิปริตคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
“ถ้าเช่นนั้นเฟยซื่อก็ขอบคุณแม่ใหญ่ล่วงหน้าแล้วเ้าค่ะ” ซูเฟยซื่อแกล้งขวยเขินก้มหน้าลง แล้วรีบเสนอโสมบำรุงราวกับถวายสมบัติล้ำค่า “นี่เป็สิ่งที่ท่านพ่อได้ให้ข้าไว้ แม่ใหญ่ตั้งครรภ์ เป็เื่มงคลที่สุดของจวนอัครมหาเสนาบดี เฟยซื่อไม่อาจหาของมีค่าใดๆ มาเป็ของขวัญแสดงความยินดีได้ ได้แต่ต้องยืมดอกไม้ถวายพระ ขอให้แม่ใหญ่รับไว้ด้วยความยินดีเ้าค่ะ”
ของกินหรือ? ใบหน้าของนางแซ่หลี่กลายเป็แข็งทื่อ มีบทเรียนของเมื่อวานแล้ว นางย่อมไม่กล้ากินอะไรไปมั่วซั่ว
เห็นเช่นนี้ ใบหน้าเฟยซื่อพลันเปลี่ยนเป็น้อยใจ “แม่ใหญ่ เกรงว่าท่านคงรังเกียจว่าของของเฟยซื่อไม่ดี หรือวาจาเมื่อครู่ของแม่ใหญ่เป็เพียงกล่าวรับเป็พิธี ความจริงไม่เคยคิดให้อภัยเฟยซื่ออย่างสิ้นเชิง แล้วไม่คิดหาสามีที่ดีให้เฟยซื่อหรอกนะเ้าค่ะ?”
นางแซ่หลี่ถูกจี้ใจดำไม่ทันตั้งตัว ท่าทางยิ่งกระอักกระอ่วนไม่เป็ตัวของตนเอง รีบรับเอาโสมบำรุงในมือของซูเฟยซื่อไป “เ้านังหนูนี่ก็ช่างคิดมาก”
“ถ้าเช่นนั้น หรือแม่ใหญ่จะเกรงว่าของชิ้นนี้ไม่มีคุณค่าหรือเ้าคะ?” ซูเฟยซื่อเงยหน้ากะพริบตาอย่างไร้เดียงสา
ใบหน้าของนางแซ่หลี่แข็งทื่ออีกทันควัน นี่เป็ของที่ซูเต๋อเหยียนมอบให้ซูเฟยซื่อเป็รางวัล ถ้าบอกว่าไม่เห็นคุณค่า ไยมิใช่เป็การตบหน้าของซูเต๋อเหยียนหรือ?
แต่ในเมื่อสิ่งของนี้เป็ซูเฟยซื่อส่งมาเองก็ไม่ควรมีปัญหา
ทั้งนี้ใครโง่พอจะเสี่ยงส่งของเป็พิษมาเอง
ถ้าบังเอิญนางกินจนเป็เื่ขึ้นมา คนแรกที่ถูกซูเต๋อเหยียนกล่าวโทษก็เป็ซูเฟยซื่อ
เดี๋ยว รอก่อน ถ้าบังเอิญนางกินอะไร
ตาทั้งคู่ของนางแซ่หลี่หรี่ลงเล็กน้อย นางเกือบจะแน่ใจว่าของที่ซูเฟยซื่อนำมาไม่มีปัญหา
แต่ต้องบอกว่านี่เป็โอกาสที่ดีมากๆ คราหนึ่ง ซูเฟยซื่อก็คิดปฏิเสธว่าไม่ใช่นางก็มิอาจทำได้แล้ว
คิดถึงตรงนี้ นางแซ่หลี่ก็รีบหยิบช้อนควักเอาโสมบำรุงเข้าปากทันที
กลิ่นหอมกรุ่นของโสมอบอวลไปมาระหว่างซอกฟัน นางแซ่หลี่อดพยักหน้าไม่ได้ เป็สิ่งดีอย่างที่คิดจริงๆ
แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าซูเต๋อเหยียนถึงกับมอบสิ่งดีๆ ขนาดนี้ให้ซูเฟยซื่อ นางก็แทบอยากจะฉีกทึ้งซูเฟยซื่อเสียให้ได้
เมื่อหลินมามาได้กลิ่นหอมของโสมก็พลันตื่นตระหนก “คุณหนูสาม นี่เป็ของสิ่งใดเ้าคะ?”
ซูเฟยซื่อมองหลินมามาแกล้งทำเป็ไม่รู้อีโหน่อิเหน่ “นี่เป็โสมบำรุง ของใช้บำรุงมาก”
“โอ้ย นายหญิงเพิ่งกินขนมหัวไชเท้าไป ตอนนี้เ้าให้นางกินโสมบำรุงอีก หัวไชเท้าฤทธิ์เย็นส่วนโสมเป็ของร้อน เดิมก็ไม่สามารถกินด้วยกันในครั้งเดียว เวลานี้นายหญิงตั้งครรภ์อีก ไหนเลยรับได้กับการปะทะปานนี้ไหวเ้าคะ?” หลินมามาถลึงตาใส่ซูเฟยซื่ออย่างรุนแรง แล้วรีบหันไปมองนางแซ่หลี่
ใช่แล้ว หัวไชเท้ากับโสมไม่สามารถกินพร้อมกันได้
เดิมนางยังคิดจะแกล้งทำเป็ไม่สบายหลังจากกินเสร็จ คิดไม่ถึงว่าซูเฟยซื่อโง่เขลาขนาดนี้ นางพลาดไปเสียแล้ว
นางแซ่หลี่ขมวดคิ้วฉับ มือทั้งสองกุมท้องไว้ก็ร้องออกมาอย่างเ็ป “ปวดมาก ท้องของข้า บ่าวไพร่ รีบไปเชิญนายท่านมา เร็วๆ”
ซูเฟยซื่อใจนรีบก้มศีรษะลง ทุกคนต่างคิดว่าเป็เพราะนางไม่รู้จะรับมืออย่างไร
มีเพียงนางเองรู้ว่าที่นางทำแบบนี้เป็เพราะกำลังพยายามซ่อนรอยยิ้มบนมุมปากไว้
นางแซ่หลี่ ครั้งนี้เป็เ้าขุดหลุมฝังศพของตนเอง โทษข้าไม่ได้เชียว!
เมื่อได้ยินว่านางแซ่หลี่ปวดท้อง ซูเต๋อเหยียนวิ่งแทบเร็วกว่าบิน “น้องนาง เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
นางแซ่หลี่ถูกคนพยุงไปนอนบนเตียงแล้ว นางส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง “ข้าน้อยไม่เป็ไร ทำให้นายท่านวิตกกังวลอีกแล้ว ข้าน้อยรู้สึกสำนึกผิดจริงๆ”
“สำนึกผิดอะไรกัน เ้าเป็ภรรยาข้า ข้าห่วงใยเ้าย่อมเป็เื่สมควร” ซูเต๋อเหยียนตบหลังมือปลอบนางแซ่หลี่ ได้ยินว่านางไม่เป็ไร หัวใจของเขาที่แขวนไว้ก็วางลงแล้ว หันศีรษะกลับไปตวาดสาวรับใช้อย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเ้าดูแลนายหญิงประสาอะไร?”
สาวรับใช้เป็คนของนางแซ่หลี่ ได้ยินซูเต๋อเหยียนถามแบบนั้น รีบซุบซิบพลางมองไปทางซูเฟยซื่อที่ยังคุกเข่าอยู่ที่เดิม ความหมายนี้ก็ชัดเจนเพียงพอ
ซูเต๋อเหยียนมัวคิดถึงแต่นางแซ่หลี่กับทารกในครรภ์ หลังจากมองตามหญิงรับใช้ ในที่สุดจึงพบซูเฟยซื่อที่ยังคุกเข่าอยู่ในลานเหมือนเดิม อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “นังสารเลวคนนี้ ข้าสั่งห้ามเ้าไม่ให้มาเรือนแม่ใหญ่ถ้าไม่มีธุระไม่ใช่หรือ?”
“นายท่าน ท่านอย่าโกรธ เฟยซื่อมีใจหวังดีคิดเอาโสมบำรุงมาให้ข้าน้อยกิน ไม่คิดว่าข้าน้อยเพิ่งกินขนมหัวไชเท้าไป...” นางแซ่หลี่เอ่ยปากในเวลาที่เหมาะสม ทำท่าถูกปรักปรำทั้งอ่อนโยน เห็นเช่นนี้ ซูเต๋อเหยียนก็ยิ่งปวดร้าวใจ
สาวรับใช้รับ่ต่อ “โสมกับหัวไชเท้าหนึ่งร้อนหนึ่งเย็น เดิมก็ไม่สามารถที่จะกินด้วยกัน ตอนนี้นายหญิงกำลังตั้งครรภ์อีก นั่นอาจส่งผลต่อเด็กทารก...”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซูเต๋อเหยียนก็ยิ่งโมโหโทโสคิดอยากเฆี่ยนซูเฟยซื่อให้ตาย ราวกับว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เขาที่ให้กำเนิดมา “บ่าวไพร่ ส่งคุณหนูสามกลับไปที่สวนปี้หวิน หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ก็ห้ามก้าวออกจากประตูเรือนแม้สักก้าวเดียว”
หัวไชเท้ากินด้วยกันกับโสมสามารถเป็เหตุทำให้เกิดการแท้งได้ วาจาเหลวไหลแบบนี้เกรงว่ามีแต่ซูเต๋อเหยียนเท่านั้นที่เชื่อ
ซูเฟยซื่อแอบค้อนกะหลับกะเหลือกคราหนึ่งในใจ แกล้งทำเป็สำนึกเสียใจ เงยหน้าขึ้น “ท่านพ่อ ลงโทษบุตรสาวเป็เื่เล็ก เื่ของแม่ใหญ่ย่อมต้องมาก่อน ท่านรีบเชิญหมอมาดูอาการแม่ใหญ่เถิดเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าหมอ หัวใจของนางแซ่หลี่พลันเต้นโดดผิดจังหวะ รีบเอ่ยปาก “รีบเข้าเถิด ข้าให้หลินมามาไปตามหมอมาสักพักแล้ว”
กล่าวจบ ยังไม่ลืมที่จะมองไปที่นอกประตู น่าแปลก... ปกติให้หลินมามาไปเชิญหมอหลิวก็รวดเร็วมากทุกครั้ง ทำไมวันนี้ถึงได้ช้านัก?
ซูเฟยซื่อเห็นแววตารอคอยของนางแซ่หลี่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเ็า ถ้าหลินมามาสามารถเชิญหมอหลิวมาได้ นั่นก็เป็เห็นผีแล้วจริงๆ
รออีกสักพัก จนซูเต๋อเหยียนหมดความอดทน ะโหลายครั้งว่าจะเข้าวังไปเชิญหมอหลวง แต่ก็ถูกนางแซ่หลี่ยับยั้งไว้
เข้าวังเชิญหมอหลวง? พูดเหลวไหล! หากเป็เช่นนั้น ครรภ์เท็จของนางจะไม่ถูกเปิดเผยเอาหรือ!
ภายใต้การรอคอยอย่างร้อนใจของนางแซ่หลี่ ในที่สุดหลินมามาก็กลับมาแล้ว ทว่ากลับมาเพียงคนเดียว
ทันทีที่เห็นเช่นนี้ นางแซ่หลี่ก็งุนงงไปทันที “หลินมามา แล้วหมอหลิวล่ะ?”
หลินมามามองซูเต๋อเหยียนอย่างลำบากใจแวบหนึ่ง จึงตอบออกไป “น้อมตอบวาจานายหญิง หมอหลิวไม่ได้อยู่ในร้าน ทั้งร้านยังปิดเงียบอีกเ้าค่ะ!”
อะไร? คนไม่ได้อยู่ในร้านก็แล้วไปเถิด แม้แต่ร้านก็ปิดไปด้วย หรือว่าหมอหลิวเก็บเอาเงินของนางหนีไปแล้วเช่นนั้น?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้