“โอหัง!” โจวเจ๋อตวาดด้วยเสียงต่ำๆ สีหน้าปั้นยาก แค่ความสามารถขั้นแรกกำเนิดแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุดของเขาไม่สามารถโจมตีเซียวเฉินให้พ่ายแพ้ในครั้งเดียวได้ก็ขายหน้าอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ถูกเซียวเฉินเย้ยหยันประโยคหนึ่ง เขาจึงมีเพลิงโทสะ ดวงตามีแววอับอายวาบขึ้น จากนั้นกระทืบเท้า พุ่งไปอย่างรวดเร็ว พลังเสวียนในมือพวยพุ่ง แฝงเสียงอสนี แกร่งกร้าวสุดเปรียบปาน
“ท่าทางโจวเจ๋อจะเอาจริงแล้ว”
ศิษย์เก่าที่ชมความครึกครื้นอยู่ด้านข้างดูคนทั้งสองต่อสู้กันตรงกลางด้วยท่าทางเหมือนดูเื่สนุก
“แต่เซียวเฉินคนนั้นก็มีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ถึงกับทำให้โจวเจ๋อโกรธได้” ศิษย์สตรีคนหนึ่งเอ่ยยิ้มๆ อดมองเซียวเฉินสองครั้งไม่ได้ ศิษย์บุรุษทางด้านข้างหัวเราะหยัน “ความสามารถเพียงน้อยนิดเช่นนี้ล้มโจวเจ๋อไม่ได้หรอก ข้าว่าไม่เกินห้านาที โจวเจ๋อก็อัดเขาจนต้องควานหาฟันบนพื้น”
ศิษย์เก่าวิพากษ์วิจารณ์การต่อสู้ของเซียวเฉินกับโจวเจ๋อกันแบบเ้าทีข้าที
“โอหังหรือไม่ เ้าทดลองดูก็จะรู้”
เซียวเฉินเอ่ยยิ้มๆ แล้วะเิพลังเสวียนในมือออกมาเช่นกัน พริบตาก็มีเปลวเพลิงพวยพุ่งสู่ฟ้า เมื่อเปลวเพลิงแกร่งกร้าวลุกก็ทำให้อุณหภูมิเพิ่มพรวดพราด ณ ที่นั้น เปลี่ยนเป็ร้อนระอุอย่างประหลาด เห็นคลื่นความร้อนกระตุ้นให้อากาศกระเพื่อมไหวได้รางๆ ประกายไฟในมือของเซียวเฉินกำลังไหวระริก เขาฟาดสองมือออก เปลวเพลิงรุนแรงขึ้นในพริบตา ลุกไหม้เป็วงกว้าง ปรากฏรอยประทับเปลวเพลิง
“ประทับเทพหลีหั่ว!”
เซียวเฉินยื่นออกมาหนึ่งนิ้ว กงล้อเหินทะยาน ปะทุสะเก็ดไฟอันงดงาม
กลิ่นอายแกร่งกร้าวพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อ พริบตาก็มาถึงเบื้องหน้า อสนีในมือโจวเจ๋อแลบแปลบปลาบประหนึ่งัวิชชุม้วนตัว ส่งเสียงคำรามไม่ขาดสาย หลังโจวเจ๋อต่อยหมัดออก ัวิชชุก็พกพาเงาแสงอสนีร้องคำรามทะยานออกไป
แกร่งกร้าวและดุดันเช่นกัน
“หมัดัวิชชุ”
ตูม!
เคล็ดวิชาปะทะกัน พลังเสวียนกระเพื่อมไหว กลายเป็เสียงกัมปนาท ห่อหุ้มร่างของคนทั้งสองไว้
เซียวเฉินกระทืบเท้าสองข้างถ่ายแรงทั้งหมดลงบนพื้นทันควัน ถึงกับเห็นพื้นปรากฏรอยแตกตื้นๆ ขึ้นมาสายหนึ่ง เซียวเฉินอดยิ้มนิดๆ ไม่ได้ โจวเจ๋อสมกับมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดแปดชั้นฟ้าระดับสูงสุด สูงกว่าสามขั้นเล็กๆ แข็งแกร่งกว่าพลังของตนเองไม่น้อยจริงๆ
เซียวเฉินพลิกมือ โจมตีประทับสีทองในพริบตา
“ประทับัพลิก!”
ประทับสีทองเปล่งแสงโชติ่ พลังเสวียนสีทองเลื่อมพรายทะยานไปเบื้องหน้า ให้ความรู้สึกกดดันแก่ผู้คน ความสามารถนี้เป็การรู้แจ้งจากคัมภีร์หงสาานิรวาณเช่นกัน เนื่องจากบรรลุแค่ขั้นหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่เซียวเฉินเรียนทั้งหมดจึงเป็เคล็ดวิชาขั้นนิล แต่วรยุทธที่บรรลุจากเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์ อานุภาพจะแข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชาขั้นนิลธรรมดาไม่น้อย
ดังนั้น จึงสะกดเคล็ดวิชาของโจวเจ๋อได้
นี่คือความได้เปรียบของเซียวเฉิน แค่ข้อนี้ก็เพียงพอแล้ว
วรยุทธสองชนิดโจมตีออกมาในเวลาเดียวกัน พริบตาหมัดัวิชชุของโจวเจ๋อก็แตกเป็เสี่ยง ส่วนยามนี้ประทับัพลิกของเซียวเฉินยังบรรลุถึงดังเดิม โจวเจ๋อไร้หนทางหลบเลี่ยง ประทับัพลิกโจมตีบนไหล่สองข้างของโจวเจ๋ออย่างแรง ข้อมือบนแขนสองข้างส่งเสียงแตก ร่างกายลอยไปร่วงด้านหลัง
กระอักโลหิตสดออกมาโดยแรง
แขนสองข้างห้อยตก ความรู้สึกเ็ปเป็ระลอกทำเอาโจวเจ๋อขมวดคิ้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาเ็ปยิ่งกว่าคือ เขาแพ้
แพ้ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าสถานศึกษา
ระหว่างพวกเขาสองคนนั้นห่างกันสามขั้น ทว่าเขาสะกดเซียวเฉินไม่ได้และเป็ฝ่ายพ่ายแพ้
เื่นี้ทำให้ใบหน้าของโจวเจ๋อร้อนผ่าวๆ
ก่อนหน้านี้เขายังบอกว่าศิษย์ใหม่ปีนี้อ่อนด้อย แต่ผลคือตอนนี้เขาถูกศิษย์ใหม่ปีนี้ตบหน้า ความรู้สึกนี้ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนถูกหยามเกียรติ
“ข้าแพ้แล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ เหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบออกหมด ไร้เรี่ยวแรงจะนั่งบนพื้น
ฉากนี้ทำเอาศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ต่างปากอ้าตาค้าง
มองโจวเจ๋อที่ร่วงพื้นและเซียวเฉินทางด้านข้าง ทุกคนต่างเหม่อลอยจนยากจะรู้สึกตัว
โจวเจ๋อถึงกับแพ้ศิษย์ใหม่?
“โจวเจ๋อถึงกับพ่ายแพ้?” ศิษย์บุรุษที่เมื่อครู่ยังบอกว่าจะต่อยเซียวเฉินจนต้องควานหาฟันบนพื้นมีสีหน้าตกตะลึง สตรีด้านข้างแค่นเสียงฮึ “เมื่อครู่ใครบอกว่าไม่ถึงห้านาทีเซียวเฉินจะถูกอัดจนต้องควานหาฟันบนพื้น ตอนนี้ใครชนะล่ะ ฮึ”
“เซียวเฉินคนนี้ร้ายกาจจริงๆ”
ส่วนทางด้านศิษย์ใหม่ก็แตกตื่นใไม่น้อยไปกว่าศิษย์เก่า เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเซียวเฉินจะเอาชนะได้
อย่างมากที่สุดที่พวกเขาคิดคือ เซียวเฉินคงไม่ถูกอัดจนอนาถนัก แบบนี้หน้าตาของศิษย์ใหม่จึงดูดีขึ้นหน่อย
ทว่าสภาพการณ์ในปัจจุบันเห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าที่พวกเขาคาดไว้ลิบลับ ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้น กระทั่งผู้คุมสอบที่มาเป็ขบวนก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ่งมองเซียวเฉินแบบปากอ้าตาค้าง
“เ้าหมอนี่ทำได้จริงๆ...”
เซียวเฉินมองโจวเจ๋อแล้วเอ่ยเรียบๆ “เ้าพ่ายแพ้ให้กับความหยิ่งผยองและนึกว่าตนเองยอดเยี่ยม”
“แพ้ก็คือแพ้” โจวเจ๋อเอ่ยอย่างเฉยเมย
เซียวเฉินหันกายเดินกลับไปยังแถวของตนเองโดยไม่ได้เอ่ยอันใด เขาเห็นมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เบิกตากว้างมองตนเองอยู่ดังเดิมก็อดยิ้มไม่ได้ “ทำไม ข้าหล่อมากใช่หรือไม่?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ต่อยแรงๆ ทีหนึ่ง
“หล่อกะผีสิ เ้ารู้หรือไม่เมื่อครู่เ้าทำให้ข้าใเกือบตาย” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ปรายตามองเซียวเฉิน ดวงตาฉายแววตำหนิ ใบหน้าซึ่งเดิมทีงามพิลาสเวลานี้ยิ่งมีเสน่ห์เย้ายวนจับใจคนราวกับสาวน้อยแง่งอน
“หรือว่าเ้าชอบข้าเข้าแล้ว?” เซียวเฉินอดถามไม่ได้
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยทันควันโดยไม่ขบคิด “ฝันไปเถอะ ข้าจะชอบเ้าได้อย่างไร เ้าเป็แค่คนที่ข้าพากลับมา หากเ้าเกิดเื่ ข้าก็เสียหน้าน่ะสิ ฮึ”
เซียวเฉินไม่ใส่ใจ หลังเื่ขบขัน เซียวเฉินก็ตามมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไปจากที่นี่
หลังจากหาสถานที่ฝึกของตนเองในสำนักชางหวงพบก็ฝึกวิชาทันที เื่เคล็ดวิชาเป็ไปได้ว่าจะไม่มีทรัพยากรในการฝึกมากนัก ทว่าสำหรับเซียวเฉิน นี่ไม่ใช่เื่ลำบากเท่าใด เพราะคัมภีร์หงสาานิรวาณในห้วงการรับรู้ของเขาสามารถวิวัฒนาการได้
การฝึกของเซียวเฉินครั้งนี้กินเวลาสามวัน ทว่าสามวันนี้นามของเซียวเฉินแพร่กระจายไปทั่วสำนักชางหวง
ราชันศิษย์ใหม่ สู้ชนะศิษย์เก่าที่เหนือกว่าสามขั้น
แต่เซียวเฉินไม่ได้ใส่ใจเื่นี้ ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อสามวันก่อนที่เซียวเฉินผ่านการต่อสู้กับโจวเจ๋อมานั้น นับว่ามีประโยชน์ต่อระดับฝีมือของเขาเล็กน้อย เพราะเมื่อเขาได้ฝึกวิชาติดต่อกันสามวันก็ย่างเข้าสู่ขั้นแรกกำเนิดห้าชั้นฟ้าระดับสูงสุดและกำลังจะบรรลุขั้นหกชั้นฟ้า เื่นี้เป็การเก็บเกี่ยวขนานใหญ่สำหรับเซียวเฉินจริงๆ
ในเวลานี้ เซียวเฉินย่างออกจากสถานที่ฝึกวิชาของตนเอง เดินเที่ยวไปทั่วสถานศึกษาชางหวงและเห็นคนสี่คนเดินมาทางตนเอง
เซียวเฉินมองพวกเขาอย่างฉงน หลังจากมั่นใจว่าตนเองไม่รู้จักก็กำลังจะหันกายจากไป
“รอเดี๋ยว” เมื่อเซียวเฉินกำลังจะหมุนตัว ศิษย์สตรีคนหนึ่งได้เรียกเขาเอาไว้
“มีธุระกับข้าหรือ?” เซียวเฉินถาม
เซียวเฉินมองสตรีอายุประมาณยี่สิบปีผู้นั้น แม้ว่าหน้าตาไม่ได้งามเฉิดฉันแต่ก็โดดเด่น ดวงตาโตคู่นั้นแลดูฉลาดเฉลียวและใสกระจ่าง ทำให้คนมีความรู้สึกดี แต่เซียวเฉินไม่รู้จักนาง เขาจึงแค่ถามเรียบๆ “ดูเหมือนพวกเราไม่รู้จักกัน”
“เ้าไม่รู้จักข้า แต่ข้ารู้จักเ้านะ เ้าชื่อเซียวเฉินถูกต้องหรือไม่” สตรีผู้นั้นถามด้วยรอยยิ้มแฉ่ง
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“ข้าชื่อหลินหนิง เป็ศิษย์ของสถานศึกษาชางหวง ดังนั้น เ้าสมควรเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ข้าเรียกเ้าไว้เพราะมีเื่คิดจะให้เ้าช่วยเหลือ” หลินหนิงมองเซียวเฉินพลางเอ่ยวาจา “พวกเราคิดจะไปล่าสัตว์ปิศาจที่ลำธารกลางหุบเขาฮว่าหลง พวกเรายังขาดหนึ่งคน จึงคิดจะเชิญเ้ามาด้วย พวกเราแบ่งผลึกสัตว์ที่ได้รับเท่าๆ กัน ไม่ทราบว่าเ้าสนใจจะเข้าร่วมหรือไม่” หลินหนิงเอ่ย เงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉิน ดวงตาฉายแวววาดหวัง
เซียวเฉินกวาดตามองสามคนด้านหลังหลินหนิง สองคนเป็บุรุษที่มีความสามารถประมาณขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าระดับสูงสุด อีกคนหนึ่งมีความสามารถขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้า ถือว่าเป็คนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่คนนี้
ผลึกสัตว์ของสัตว์ปิศาจเป็ทรัพยากรในการฝึกบำเพ็ญที่มีไม่มากนักของผู้ฝึกวิชา แข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังเสวียนในผลึกเสวียน เวลานี้ หากบอกว่าเซียวเฉินไม่หวั่นไหวก็เป็ไปไม่ได้ อีกทั้งหลินหนิงเองก็บอกว่าจะแบ่งผลึกสัตว์ให้ห้าคนเท่าๆ กัน ตนเองก็ไม่เสียเปรียบ ดังนั้น หลังจากเซียวเฉินครุ่นคิดเล็กน้อยจึงผงกศีรษะ
“ก็ได้ ข้าตกลงเข้าร่วม” เซียวเฉินกล่าว
“เย่ ดีจังเลย ราชันศิษย์ใหม่เข้าร่วมแล้ว” หลินหนิงะโเหมือนเด็กน้อย
สามคนทางด้านหลังมีสองคนเอ่ยยิ้มๆ “ยินดีต้อนรับนะ ศิษย์น้องเซียวเฉิน”
มีเพียงบุรุษสวมเสื้อสีเขียวที่หลังจากกวาดตามองเซียวเฉินแวบหนึ่งแล้วก็เอ่ยเรียบๆ “หวังว่าเ้าจะไม่เป็ตัวถ่วง”
เซียวเฉินไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อเขา จึงเอ่ยเรียบๆ “ไม่ต้องให้เ้ากังวลหรอก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้