“มาเร็วเชียว”
หลินเยว่เดินไปหาเฮ่อโย่วจ้างแล้วก็ทักทายอย่างขุ่นเคือง
เฮ่อโย่วจ้างมองหน้าหลินเยว่อยู่ชั่วครู่ด้วยสีหน้าราบเรียบและเอ่ยขึ้น “ยินดีด้วย” น้ำเสียงของเขามีความอิจฉาแฝงอยู่เล็กน้อย
อะไรนะ?
ตอนแรกหลินเยว่ยังไม่ทันตั้งตัวแต่พอเขาตั้งสติได้จึงรีบปัดความขุ่นเคืองเมื่อสักครู่ทิ้งไปทันที แล้วเอ่ยขึ้น“ขอบคุณๆ มันเป็ดวงทั้งนั้นน่ะ” ในใจของเขาก็แอบคิดว่าผู้ชายตรงหน้าก็ไม่เลวอยู่เหมือนกัน
เฮ่อโย่วจ้างทำเพียงพยักหน้ารับหลังจากนั้นจึงทานอาหารของตัวเองต่อไป
ตอนแรกหลินเยว่คิดว่าอย่างน้อยอีกฝ่ายก็น่าจะพูดชมเขาต่ออีกสักหน่อยสิเขาจะได้ยิ้มหน้าบานต่อไป แต่ผลปรากฏว่าสิ่งที่เขาได้จากการรอคอยก็คือการพยักหน้าและก็ความเงียบดังนั้น เขาจึงเรียกพนักงานออกมาเพื่อสั่งอาหารของตนเอง
ตอนที่ทานอาหารเสร็จก็เป็เวลาสี่ทุ่มแล้วทั้งห้องอาหารเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น พนักงานในร้านมองพวกเขาทั้งสองยิ้มๆ แต่สายตาแฝงด้วยความโกรธเคือง
หลินเยว่ก็รู้สึกว่าตนเองก็ทำเกินไปอยู่เหมือนกันเพราะการกระทำของเขาเป็การทรมานพนักงานในร้านอย่างแท้จริง เขาเหลือบมองเฮ่อโย่วจ้างที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามจึงพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีความคิดจะลุกออกจากร้านเลย ดังนั้น เขาจึงถามขึ้น“พวกเราควรจะออกไปแล้วหรือเปล่า?”
และเวลานี้เอง ประตูของห้องอาหารแห่งนี้ยังคงเปิดอยู่และมีคนที่ดูเหมือนนักธุรกิจสองสามคนเดินเข้ามา เมื่อดูสีหน้าของพวกเขาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะเพิ่งตื่นนอน
เฮ่อโย่วจ้างมองกลุ่มพวกเขาสองสามคนด้วยสีหน้าราบเรียบหลังจากนั้นจึงพยักหน้าตอบหลินเยว่
ตอนที่เดินออกจากร้าน หลินเยว่ก็พยายามส่งยิ้มทักทายกับพนักงานแต่พนักงานกลับขึงตาใส่พวกเขา หลังจากนั้นจึงเดินเข้าไปหากลุ่มนักธุรกิจที่เพิ่งเดินเข้ามาทานข้าวสองสามคนนั้น
ทำไมถึงมองด้วยสายตาแบบนี้ล่ะ?
หลินเยว่รู้สึกงุนงงหรือเป็เพราะพวกเขาใช้เวลายืดเยื้อจนมีลูกค้ากลุ่มใหม่เดินเข้ามา?ก็แค่ไปบอกคนกลุ่มนั้นว่าร้านจะปิดแล้วก็น่าพอแล้วมิใช่หรือ?
“ตอนกลางคืนจะมีนักธุรกิจไปเดินที่ตลาดผีค่อนข้างเยอะและก็มีจำนวนไม่น้อยที่จะทานอาหารเวลานี้ ห้องอาหารร้านนี้ตั้งกฎไว้ว่า ขอแค่มีคนกินข้าวพวกเขาก็จะยังเปิดร้านอยู่ หากเมื่อตะกี๊พวกเราเดินออกไปแล้ว คนกลุ่มนั้นก็จะไม่มีที่กินข้าวแล้วน่ะสิ”
เฮ่อโย่วจ้างเห็นสีหน้าของหลินเยว่มีแต่ความสงสัยเขาจึงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อพูดจบเขาก็เดินมุ่งหน้าไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
หลินเยว่มองด้านหลังของเฮ่อโย่วจ้างแล้วส่งยิ้มให้
คนคนนี้ก็เป็คนไม่เลวเลยนะ!
พวกเขาทั้งสองเรียกรถแท็กซี่มายังสถานที่แห่งหนึ่งหลังจากนั้นหลินเยว่จึงลงตามเฮ่อโย่วจ้างลงมาจากรถ
“ที่นี่มีตลาดผีตรงไหนล่ะ?”
หลินเยว่มองไปรอบๆ แถวๆ นี้มีแต่ความมืดไม่เห็นอะไรเลย
“เดินตามผมมา”
เฮ่อโย่วจ้างพาหลินเยว่เดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแล้วก็มาถึงหน้าปากซอยเล็กๆแห่งหนึ่ง เบื้องหน้าของพวกเขามีดวงไฟเล็กๆ ส่องเป็ประกายอยู่
ดวงไฟไล่ยาวราวกับตัวัเต็มท้องถนน มีเงาคนขยับไปมาบรรยากาศดูอึมครึมเหมือนมีเงาผีเคลื่อนไหวอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีดวงไฟสว่างจ้าแต่ทว่าถนนที่ยาวเหยียดก็ทำให้เกิดภาพที่ดูยิ่งใหญ่อลังการ
ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงสลัวๆก็มองเห็นว่ามีการตั้งแผงทั้งสองข้างทางอย่างเป็ระเบียบ มีทั้งหินหยกและก็มีวัตถุโบราณชิ้นเล็กๆ หลากหลาย มีชิ้นน้อยชิ้นใหญ่ไม่สม่ำเสมอ แต่ก็ดูส่งเสริมซึ่งกันและกันให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
ที่นี่ก็คือตลาดผี!
หลินเยว่มองภาพเบื้องหน้าที่มีดวงไฟทอดเป็แนวยาวราวกับัดูยิ่งใหญ่อลังการจนทำให้เขาก็รู้สึกตกตะลึงไปกับภาพเบื้องหน้านี้นี่เป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นตลาดผี แต่ก่อนเขาเคยได้ยินคนอื่นบรรยายภาพของตลาดผี ในวันนี้เขาก็มีโอกาสได้เห็นของจริงแล้วจึงรู้ว่าการบรรยายของอีกฝ่ายทำให้เห็นภาพเพียงส่วนเดียว เพราะความยิ่งใหญ่อลังการดูน้อยไปความน่าครั่นคร้ามดูน้อยไป และความคึกคักของผู้คนก็ยิ่งน้อยจนเกินไป
“แยกกันเดินหรือเดินด้วยกัน?”เฮ่อโย่วจ้างถามขึ้น
“เดินด้วยกันเถอะ”หลินเยว่ไม่กล้ารับประกันว่าตนเองจะไม่เดินหลงอยู่ในที่แห่งนี้
เฮ่อโย่วจ้างได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้ารับและเดินนำหน้าไปยังตลาดผีก่อน
พวกเขาทั้งสองเดินไปหยุดด้านหน้าแผงขายหินหยกร้านหนึ่งแล้วก็เริ่มสำรวจทันทีหินหยกที่อยู่ท่ามกลางแสงไฟในความมืด จากเดิมที่เปลือกผิวนอกเคยเป็สีขาวเทาเวลานี้ก็กลายเป็สีเหลืองอ่อนหากคนที่สายตาไม่ดีเมื่อเห็นส่วนที่ค่อนข้างมืดตรงนั้นอาจจะเข้าใจว่าหินหยกพวกนี้เป็ผิวทรายเหลืองและหินหยกที่มีผิวทรายเหลืองเมื่อผ่าออกมาแล้วมักจะเป็พื้นน้ำสีขาวสีของหยกจะเขียวสดใสและมีความสว่าง ถือเป็สินค้าเกรดสูงมีคนจำนวนมากหลงใหลในผิวทรายเหลือง ดังนั้น เวลาพวกเขาพนันหินหยกก็จะเลือกเพียงผิวทรายเหลืองเท่านั้นซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็จะถูกหลอกได้ง่าย
หลินเยว่หยิบหินหยกก้อนหนึ่งขึ้นมาพลิกดูหลังจากนั้นจึงหยิบไฟฉายกำลังสูงขึ้นมาแล้วเริ่มส่องทันที
เมื่อเปิดไฟฉายกำลังสูงขึ้นหลินเยว่จึงพบว่าการดูหินหยกในเวลากลางคืนเป็เื่ที่ลำบากมากจริงๆเปลือกผิวนอกของหินหยกทั้งหมดจะกลายเป็สีขาวซีด และลักษณะเฉพาะทั้งหมดที่มีก็หายสาบสูญหาไม่เจอทำให้ไม่สามารถสันนิษฐานได้จากเปลือกผิวชั้นนอก
เขาหันหน้าไปมองเฮ่อโย่วจ้างจึงพบว่าอีกฝ่ายกำลังสำรวจอย่างมีความสุข ดูจากสถานการณ์นี้แล้วแสดงว่าการสำรวจหินหยกในเวลากลางคืนก็เป็สิ่งจำเป็ที่ต้องฝึกฝนด้วยเช่นกัน
หลินเยว่ไม่มีหนทางอื่นเขาจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาสำรวจต่อไปแต่แล้วเขาพลันเกิดความคิดบางอย่างวาบขึ้นมาในสมอง
ไม่รู้ว่าจะใช้พลังพิเศษตาทิพย์มองทะลุสิ่งของท่ามกลางความมืดได้หรือเปล่า?
ความรู้สึกอึดอัดเมื่อสักครู่พลันกลายเป็ความมีชีวิตชีวาขึ้นมา
หากมีเพียงใจเต้นก็สู้การเริ่มลงมือทำจริงๆไม่ได้หรอก หลินเยว่จึงแกล้งทำเป็มองหินหยกสีหน้าของเขาเริ่มดูเอาจริงเอาจังขึ้นมา สมาธิถูกรวมเป็หนึ่งเดียวสายตาทะลุทะลวงของเขาเริ่มเปิดขึ้น
เนื่องจากเป็เวลากลางคืน ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลินเยว่กำลังทำตัวผิดปกติ
และเวลานี้ หลินเยว่จึงรู้สึกว่าไฟฉายกำลังสูงในมือของเขากลายเป็ของส่วนเกินจริงๆหากมีการส่องแสงของไฟฉายกำลังสูง มันก็ยังมีความสว่างเหมือนกับตอนกลางวันพลังพิเศษตาทิพย์ย่อมสามารถมองเห็นสภาพภายในของหินหยก และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินเยว่้าทดสอบเลย
และยังมีจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ......แสงไฟกำลังสูงมันเป็สิ่งที่ทำร้ายดวงตาเป็อย่างมาก
หลินเยว่ต้องปกป้องรักษาดวงตาของตัวเองเป็อย่างดีเพราะเขารู้ดีว่าการที่มองจะเกือบไม่เห็นนั้นมันเป็สิ่งที่น่ากลัวขนาดไหน เขาจึงต้องรักษาดวงตาไว้ยิ่งชีพหากต้องเบิ่งตาโตท่ามกลางแสงไฟกำลังสูงเป็ระยะเวลานานๆแค่คิดเขาก็รู้สึกว่ามันน่ากลัวจริงๆ
หลินเยว่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วก็ปิดสวิตช์ไฟฉายกำลังสูงลงเขาแกล้งทำเป็สำรวจหินหยกด้วยแสงไฟที่เ้าของแผงเตรียมไว้ในตอนแรก
เ้าของแผงมองหลินเยว่ด้วยสายตาประหลาดใจในใจของเขารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
ไอ้ทึ่มคนนี้มองหินหยกด้วยวิธีเช่นนี้อย่างนั้นหรือแค่มองก็รู้ว่าต้องเป็พวกมือใหม่อย่างแน่นอน ฮ่าๆ ดีไม่ดีตนเองอาจจะมีเงินเข้ามาอีกสักก้อนฮ่าๆ
ขณะที่คิดเ้าของแผงก็เหลือบมองหินหยกในมือของหลินเยว่ เขาจำลักษณะเฉพาะของมันแล้วก็เริ่มครุ่นคิดขึ้นมาพร้อมทั้งคิดถึงคำพูดที่จะหว่านล้อมไว้ในใจตอนนี้เขารอแต่ให้หลินเยว่ติดกับดัก
เมื่อไฟฉายกำลังสูงถูกปิดลงในขณะเดียวกันพลังพิเศษของเขาก็ค่อยๆ เพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
เหตุการณ์ผ่านไปอย่างช้าๆ เปลือกผิวนอกของหินหยกค่อยๆกลายเป็โปร่งใส มันต้องใช้เวลาเยอะกว่าเวลากลางวันมากยิ่งนัก
ถึงแม้จะช้าแต่หลินเยว่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งกว่าเดิมคาดไม่ถึงว่าท่ามกลางแสงสลัวในเวลากลางคืนเช่นนี้เขาก็ยังสามารถใช้พลังพิเศษได้ด้วยถ้าเช่นนั้นในภาวะมืดสนิทก็อาจจะสามารถใช้พลังพิเศษได้เช่นกัน
ขณะที่หลินเยว่้าจะสำรวจต่อไปนั้นพลันมีเสียงนกหวีดหวีดแหลมดังขึ้น มันเป็สัญญาณเร่งรัดดังมาจากที่ไกลๆ
หลินเยว่ยังไม่ทันคิดอะไรออกก็ถูกเฮ่อโย่วจ้างลากตัววิ่งไปแอบซ่อนในสถานที่แห่งหนึ่ง
เมื่อหยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วหลินเยว่จึงเพิ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ตำรวจมาตรวจที่ตลาดผีแล้ว!
เขาคงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกนะ?
หลินเยว่ยิ้มเจื่อนๆ
ในเมื่อตำรวจมาแล้วถ้าอย่างนั้นก็กลับไปนอนกันดีกว่า และเวลานี้เองหลินเยว่จึงเพิ่งคิดออกว่าคืนนี้เขายังไม่ได้โทรศัพท์หาฉินเหยาเหยาเลยไม่รู้ว่าดึกขนาดนี้แล้วเธอจะนอนหลับไปแล้วหรือยังหรือว่ายังทรมานตัวเองเพื่อรอโทรศัพท์จากเขาอยู่
เขามองแววตาของเฮ่อโย่วจ้างท่ามกลางความมืดจึงพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดจะกลับไปเลยสักนิด เขาดูเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในห้องอาหารเสียอีกหรือว่าตำรวจไม่ได้มาจริงๆ อย่างนั้นหรือ?
หลินเยว่มองไปยังด้านนอกนับั้แ่ได้ยินเสียงนกหวีดเมื่อสักครู่จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งนาทีกว่าๆเท่านั้น และเวลานี้แสงไฟดวงเล็กๆ ที่เปิดต่อเนื่องยาวไกลไปตลอดทั้งเส้นถนนในตอนแรกกลับหายไปหมดแล้วเหลือแต่ความมืดสนิทเพียงอย่างเดียว รอบๆ ตัวมีแต่ความเงียบแต่เดิมที่มีเงาคนเดินเบียดเสียดกันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยตอนนี้หลงเหลือเพียงเสียงนกเสียงแมลงที่ดังลอยมาตามสายลม
มันเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว สภาพรอบๆตัวหลงเหลือเพียงความมืดและความเงียบสงบเท่านั้นเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้