อวี๋หรูไห่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าคำกล่าวของจิ่นเหยียนมีเหตุผล เมิ่งอวี๋เจียวอาจรักษานายท่านผู้เฒ่าเหอจนหายดีแล้วจริงๆ เขาแย้มยิ้ม “ในเมื่อในสำนักหุยชุนมีคนป่วย มิสู้ท่านหมอเจียงกลับไปทำหน้าที่เสียก่อน เมิ่งอวี๋เจียวเป็สะใภ้ของครอบครัวรอง ลำพังข้าเพียงคนเดียวยังตัดสินใจไม่ได้ จำต้องปรึกษากับคนในจวน มิสู้ท่านหมอเจียงค่อยกลับมาในวันพรุ่งนี้ดีหรือไม่?”
เจียงชิงเหอเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมองแผ่นหลังของอวี๋จิ่นเหยียนที่เดินออกไป คาดว่าผู้อ่อนาุโคนนี้ของสกุลอวี๋คงจะพูดอะไรบางอย่าง ไม่เช่นนั้นเหตุใดอวี๋หรูไห่ถึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหันเช่นนี้
“ท่านหมออวี๋รับเงินแล้วยังจะทำเช่นนี้เพื่ออะไรกัน?” เจียงชิงเหอแสร้งทำเป็ไม่พอใจ “หรือว่า้าโก่งราคา?”
อวี๋หรูไห่รีบเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “ท่านหมอเจียงอย่าเข้าใจผิด เมิ่งอวี๋เจียวเป็ภรรยาเ้าห้าของข้า เขานิสัยดื้อรั้น อีกทั้งยามนี้เขาก็ยังไม่อยู่ในจวน หากข้าตัดสินใจโดยพลการ เกรงว่าเขาคงจะไม่ยินดี”
“ท่านหมออวี๋คือผู้นำสกุล มีอะไรให้ตัดสินใจไม่ได้? หรือว่าสกุลอวี๋ยังต้องฟังคำของชนรุ่นหลัง?” เจียงชิงเหอใช้วาจารุนแรงหมายยั่วยุ
อวี๋หรูไห่เป็ผู้ที่ห่วงหน้าตามากที่สุด ไหนเลยจะยอมให้ผู้อื่นบอกว่าเขาตัดสินใจไม่ได้ ขณะที่เขากำลังจะปริปากเอ่ย เสียงะโของอวี๋จิ่นซูพลันดังมาจากนอกลานเรือน
“ท่านปู่ ท่านปู่! คนสกุลเหอกำลังมาขอรับ!” เขาวิ่งเข้ามาจากนอกลานเรือนด้วยสีหน้ากระวนกระวายและร้องะโด้วยความร้อนใจ
เขากับอวี๋จิ่นเหยียนเพิ่งออกจากหมู่บ้านเพื่อไปสืบข่าวที่จวนสกุลเหอ ทันใดนั้นกลับเห็นรถม้าสองคันอยู่บนถนนหน้าหมู่บ้าน ด้านหลังยังมีบ่าวไพร่อีกหลายคนติดตามมา ท่าทางแลดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
อวี๋จิ่นเหยียนสายตาแจ่มแจ้งจิตใจละเอียดรอบคอบ ครั้นเห็นคำว่า ''เหอ'' ที่ปักอยู่บนม่านรถ เขาเดาได้ทันทีว่าเป็คนสกุลเหอ จึงรีบบอกให้อวี๋จิ่นซูกลับมาแจ้งที่จวน
หลังจากอวี๋หรูไห่ได้ยินสิ่งที่อวี๋จิ่นซูะโอย่างชัดเจน ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนสี คิดอยากจะซ่อนตัวโดยจิตใต้สำนึกเพราะกลัวว่าคนสกุลเหอจะไม่ได้มาดี
เจียงชิงเหอรู้ว่าเหอตงเซิงมายังจวนสกุลอวี๋เพื่อแสดงความขอบคุณต่ออวี๋เจียว หากให้อวี๋หรูไห่พบเหอตงเซิงเสียก่อนแล้วค่อยคิดจะเอาใบสัญญาซื้อขายตัวของแม่นางเมิ่งมาจากมือของเขาก็คงเป็เื่ยากเสียแล้ว
เมื่อเห็นอวี๋หรูไห่มีสีหน้าตื่นตระหนก เจียงชิงเหอมองไปยังสัญญาในมือเขาแล้วเอ่ยออกมา “ท่านหมออวี๋ไม่ต้องกลัว ขอเพียงเ้าเอาสัญญานี้ให้ข้า ข้าจะช่วยรับมือนายท่านเหอให้เอง รับรองว่าเ้าจะปลอดภัย”
อวี๋หรูไห่กำใบสัญญาซื้อขายตัวในมือ เขายัดใส่มือของเจียงชิงเหออย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยว่า “ท่านหมอเจียงพูดแล้วต้องรักษาสัจจะ ข้ามอบใบสัญญานี้ให้ท่านแล้ว หากนายท่านเหอมาหาเื่ข้า ท่านจะต้องช่วยข้าด้วย”
“วางใจเถิด" เจียงชิงเหอยกยิ้ม เขายกใบสัญญาในมือขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด ครั้นมั่นใจว่าเป็ใบสัญญาซื้อขายตัวของเมิ่งอวี๋เจียวจึงยัดใส่ลงในถุงเงินดอกบัว
หลังจากอวี๋หรูไห่รู้ถึงเจตนาการมาเยือนของเหอตงเซิง ไม่รู้จะนึกเสียใจภายหลังถึงเพียงใด มุมปากของเจียงชิงเหอยกยิ้มไม่อาจหุบพลางเผยสีหน้ารอชมเื่สนุก
รถม้าของจวนสกุลเหอมาถึงแล้ว เหอตงเซิงถูกข้ารับใช้พยุงลงจากรถม้า จากนั้นสั่งให้คนขนสิ่งของบนรถม้าคนนั้นลงมา
อวี๋เจียวและอวี๋ฉี่เจ๋อเดินลงจากทางสายเล็กตรงตีนเขาอย่างเชื่องช้า ครั้นเห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบทางเข้าจวนสกุลอวี๋ พวกเขาต่างมองหน้ากันก่อนจะเร่งฝีเท้ามุ่งหน้าไปยังหน้าจวน
เหอตงเซิงกำลังจะก้าวเท้าเข้าจวนสกุลอวี๋ เมื่อหันกลับมาเห็นอวี๋เจียวพลันยกยิ้มกว้างทันใด “แม่นางเมิ่ง เ้าไปเก็บสมุนไพรบนเขามาหรือ?”
อวี๋เจียวพยักหน้า เมื่อเห็นเหอตงเซิงมาเยือนถึงจวนอย่างเอิกเกริกเช่นนี้จึงเอ่ยถามออกไปว่า “นายท่านเหอมีธุระอะไรหรือเ้าคะ?”
เหอตงเซิงหัวเราะอย่างสบายอกสบายใจยิ่งนัก "เช้านี้ท่านหมอเจียงไปตรวจชีพจรให้ท่านพ่อ ร่างกายของท่านผู้เฒ่าหายดีแล้ว ต้องขอบคุณแม่นางเมิ่งยิ่งนัก ข้าตั้งใจนำเงินค่ารักษามามอบให้โดยเฉพาะ”
ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ด้านข้างต่างสับสน ก่อนหน้านี้ยามที่คนเหล่านี้มาที่ตระกูลอวี๋ พวกเขายังโวยวายบอกให้คนสกุลอวี๋ชดใช้นายท่านผู้เฒ่าของพวกเขาด้วยชีวิตและจับตัวภรรยาของคุณชายห้าไป เหตุใดยามนี้พวกเขาถึงนำเงินค่ารักษามามอบให้นางเสียแล้วเล่า?
โจวไหวและภรรยาอยู่ในฝูงชนเช่นกัน ครั้นเห็นว่าคนสกุลเหอไม่ได้สร้างความลำบากใจให้อวี๋เจียว ความกังวลภายในใจของพวกเขาจึงสงบลง
คนในหมู่บ้านที่กำลังล้อมดูต่างมองพิจารณานาง อวี๋เจียวยกยิ้มบาง หันไปเอ่ยกับเหอตงเซิงว่า “เชิญนายท่านเหอเข้าไปพูดคุยข้างในเถิดเ้าค่ะ”
เหอตงเซิงเดินตามอวี๋เจียวเข้าไปในจวนสกุลอวี๋ อวี๋เจียวเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านเหอไปนั่งพักที่ห้องโถงเสียก่อน ข้าเก็บสมุนไพรที่เพิ่งขุดมาเสร็จแล้วจะตามไปเ้าค่ะ”
เหอตงเซิงแย้มยิ้มเป็มิตร “ได้ๆ แม่นางเมิ่งทำธุระก่อนเถิด”
อวี๋เจียวและอวี๋ฉี่เจ๋อกลับเรือนฝั่งตะวันออก ครั้นสตรีแซ่ซ่งสองสามีภรรยาเห็นเหอตงเซิงในลานเรือนผ่านม่านไม้ไผ่ พวกเขาเอ่ยถามอย่างไม่วางใจว่า “แม่หนูเมิ่ง นายท่านเหอมาที่จวนของเราอีกเช่นนี้ ไม่ได้จะมาหาเื่ใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่เ้าค่ะ” อวี๋เจียวแย้มยิ้มพลางส่ายหน้า “มาจ่ายเงินค่ารักษาเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินว่ามาจ่ายเงินค่ารักษา สตรีแซ่ซ่งสองสามีภรรยาจึงพากันวางใจ สายตาล้วนจับจ้องไปยังอวี๋ฉี่เจ๋อ เมื่อวานตอนเวลาอาหารเย็น คนทั้งสองเพิ่งจะรู้ว่าอวี๋ฉี่เจ๋อไม่ได้นอนอยู่ในห้อง นึกไม่ถึงว่าใต้ผ้าห่มจะถูกยัดหมอนเอาไว้
หลังจากนั้นยังคงเป็อวี๋ฝูหลิงที่เฉลียวฉลาด นางเดาว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะต้องขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรกับอวี๋เจียวแน่นอน สตรีแซ่ซ่งยังนึกเป็ห่วงตลอดทั้งคืน
ครั้นยามนี้เห็นคราบดินโคลนแห้งกรังบนอาภรณ์ของทั้งสอง รองเท้ายังเปรอะเปื้อนไปหมด จะไม่ได้ขึ้นเขาไปด้วยกันได้อย่างไร
เพราะอยู่ต่อหน้าอวี๋เจียว สตรีแซ่ซ่งและสามีต่างไม่กล้าตำหนิอวี๋ฉี่เจ๋อ ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ไม่พูดออกมา
“ข้าเก็บกับข้าวไว้ในห้องครัว เ้าสองคนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียก่อน ข้าจะไปยกข้าวมาให้ประเดี๋ยวนี้” สตรีแซ่ซ่งเดินออกไปข้างนอกกลัวว่าทั้งสองคนจะหิวเพราะติดอยู่บนูเา
อวี๋เจียวกลับห้อง อวี๋ฝูหลิงกำลังเย็บพื้นรองเท้า เมื่อเห็นนางเดินเข้ามาพลันยิ้มระรื่นเอ่ยว่า “เมื่อคืนน้องเล็กค้างแรมบนเขากับเ้าหรือ?”
อวี๋เจียวกระตุกมุมปากเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางขี้นินทาของนาง นางวางโถเล็กบรรจุต้นเหยาเฉ่าไว้ในมุมมืด จากนั้นเปลี่ยนไปสวมชุดสะอาด “หากท่านไม่ยุ่งนักก็ไปต้มยาให้อวี๋ฉี่เจ๋อเถิดเ้าค่ะ”
“น้องเล็กไม่สบายหรือ?” อวี๋ฝูหลิงพลันวางเข็มและด้ายเมื่อได้ยินคำว่าต้มยา เอ่ยถามอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย
อวี๋เจียวเอ่ย “เมื่อวานตอนอยู่บนเขาตากฝนจนไข้ขึ้นเพราะต้องอากาศเย็น ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว ข้าจะหาสมุนไพรลดไข้ให้ ท่านก็เอาไปต้มให้เขาเถิดเ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยเช่นนี้ ความกังวลบนใบหน้าของอวี๋ฝูหลิงลดลงบ้าง “ได้ๆ ข้าจะไปต้มยา”
อวี๋เจียวเอาสมุนไพรลดไข้ออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นจัดยาหนึ่งชุดให้อวี๋ฝูหลิงเอาไปต้ม
สตรีแซ่ซ่งยกอาหารกลับมา อวี๋เจียวไม่สนใจเื่กิน นางให้สตรีแซ่ซ่งยกอาหารไปห้องของอวี๋ฉี่เจ๋อ บอกให้เขากินไปก่อน ส่วนตัวนางจะไปห้องโถง
ในห้องโถง ั้แ่รู้ว่าเหอตงเซิงมาเพื่อมอบเงินค่ารักษาให้อวี๋เจียว อีกทั้งนายท่านผู้เฒ่าเหอยังถูกอวี๋เจียวรักษาจนหายดี ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสีไปมา ราวกับมีแมลงวันทั้งตัวไปติดอยู่ในลำคอ จะอาเจียนก็อาเจียนไม่ออก จะกลืนก็กลืนลงไปไม่ได้
แม้ว่าเหอตงเซิงจะมาเพื่อขอบคุณอวี๋เจียว ทว่าเขายังคงไม่มีสีหน้าท่าทีที่ดีต่ออวี๋หรูไห่ หลังจากนั่งลงในห้องโถง ประโยคแรกที่เอ่ยออกมาก็คือ “ข้าไม่คิดเลยว่าหมอกำมะลอคร่าชีวิตผู้อื่นเช่นหมออวี๋จะมีหลานสะใภ้ที่วิชาหมอล้ำเลิศเช่นนี้ เรียกได้ว่าทำให้ผู้อื่นไม่อยากจะเชื่อเสียจริง”
ใบหน้าของอวี๋หรูไห่กระตุก เขาฝืนยิ้มอย่างแข็งเกร็ง รู้สึกเพียงว่าใบหน้าชราของตนอับอายจนสิ้น ได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดทั้งนั้น
